แม้แต่ตัววารุณีเองก็คิดไม่ถึงว่า ตัวเองกับนัทธีจะเล่นสงครามเย็นนานขนาดนี้ เกือบจะเปรียบเทียบได้กับสงครามเย็นครั้งแรกเลย
ยังไงตอนแรก เธอก็คิดไม่ถึงจริงๆว่า นัทธีจะไม่ประนีประนอม
และสงครามเย็นของพวกเขา ก็เป็นเพราะความเห็นไม่ตรงกัน ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาจริงๆ
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ สงครามเย็นของพวกเขาก็นานมาก ทำให้ในใจของวารุณีก็เริ่มไม่สบายใจขึ้นมา
เพราะว่านัทธีรักเธอมาก เธออยากได้อะไร เขาก็ทำให้พอใจหมด แต่ครั้งนี้ ท่าทีเขาเด็ดเดี่ยวเป็นพิเศษ
เด็ดเดี่ยวจนขนาดว่าเขายอมเล่นสงครามเย็นกับเธอต่อไป ไม่ยอมประนีประนอมเลย
ทำให้หลายวันนี้ วารุณีผอมลงไปเลย
วันนี้ จู่ๆนัทธีก็ออกจากบ้าน และยังออกไปแต่เช้าด้วย ตอนที่ออกไป ได้ยินคนใช้บอกว่า ฟ้ายังไม่สว่างเลย
รีบร้อนแบบนี้ น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
ที่จริงวารุณีอยากติดต่อนัทธี ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น อันตรายหรือไม่ แต่จากนั้นพอนึกถึงสงครามเย็นในตอนนี้แล้ว ก็เก็บโทรศัพท์กลับไป
ตรงข้ามบนโต๊ะทานข้าว ลีน่าที่กำลังกินอาหารเช้าเห็นวารุณีหยิบโทรศัพท์มาแล้ววางลง วารุณีที่ใบหน้าดูหดหู่ไม่ร่าเริง ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ“อยากถามก็ถามสิ ทำไมไม่ถามล่ะ?”
“สงครามเย็นน่ะ”วารุณีหยิบนมมาดื่ม“แล้วจะมีอะไรให้ถามอีก?อีกอย่าง ถามไปก็เสียหน้าสิ นั่นไม่ได้หมายความว่า ฉันยอมแพ้สงครามเย็นนี้แล้วเหรอ?ฉันยอมจากไป?”
“……”ลีน่าส่งเสียงจิ๊จ๊ะ ไม่รู้จะตอบอย่างไร
ผ่านไปสักพัก เธอก็ตอบอย่างทำอะไรไม่ได้:“ฉันว่าพวกเธอสองคนนี่หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ แค่เรื่องเล็กๆกลับทำให้เป็นเรื่องใหญ่ และยังเล่นสงครามเย็นตั้งหลายวัน ฉันมองอยู่ข้างๆก็ยังรู้สึกแย่ แม้แต่หายใจก็ยังไม่กล้าส่งเสียงดัง กลัวไปทำให้พวกเธอสองคนไม่พอใจ ส่วนตัวเองก็มาทนทุกข์เอา”
“เรื่องเล็กที่ไหน?”วารุณีขมวดคิ้ว
ปาจรีย์เบะปาก“ทำไมจะไม่ใช่เรื่องเล็กล่ะ?ไม่ใช่ว่าเธอจะอยู่ต่อ ส่วนประธานนัทธีจะให้เธอไปเหรอ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายจนหมดหวังอะไร สรุปคือ แค่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสุดๆจนรู้สึกจะหมดหวัง ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นี่”
ประโยคนี้วารุณีไม่อาจรับไว้ได้ ก็จริง ไม่ได้เจอเรื่องเลวร้ายอะไร ชีวิตยังดำเนินต่อไป นี่ก็แค่เรื่องเล็กๆไม่ใช่เหรอ?
วารุณีกลอกตาใส่ลีน่า“ขอร้องล่ะ ฉันกับสามีฉันก็สงครามเย็นไปแล้ว โดนเธอขัดจังหวะแบบนี้ ฉันว่าสงครามเย็นนั้นไร้สาระมาก”
ลีน่าก็มองบนใส่เธอ“ฉันบอกแล้วไง พวกเธอสองคนหาเรื่องใส่ตัว ที่จริงไม่ต้องสงครามเย็น สุดท้ายก็สงครามเย็นใส่กันจนได้ และยังสงครามเย็นกันหลายวันแบบนี้ ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป คนอื่นก็คิดว่าสมองพวกเธอมีปัญหา”
“สมองเธอสิมีปัญหา”วารุณีตอบอย่างไม่สบอารมณ์
ลีน่าพยักหน้า“จ้ะๆๆ สมองฉันมีปัญหา แต่ว่าวารุณี เธอกับประธานนัทธีไม่จำเป็นต้องทำสงครามเย็นกันจริงๆ แค่พวกเธอสองคนคนใดคนหนึ่งถอยออกมา แต่พวกเธอสองคนต่างไม่ยอมถอยให้กันเลย ต่างไม่ยอมแพ้กัน ต่างไม่ยอมก้มหัวให้ ดังนั้นจึงต้องสงครามเย็นแบบนี้ต่อไป แน่นอนว่า ที่จริงแล้วสงครามเย็นของพวกเธอยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ถ้าวารุณี พวกเธอยังทำสงครามเย็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ ความสัมพันธ์ของพวกเธอสามีภรรยา อาจจะเกิดปัญหากันจริงๆก็ได้”
พูดถึงตรงนี้ เธอก็ดูจริงจังขึ้นมาหน่อย“ทั้งๆที่พวกเธอต่างทำเพื่ออีกฝ่าย แต่ทำเพื่ออีกฝ่ายแล้ว ทำไมถึงทะเลาะกันจนถึงขั้นเกิดสงครามเย็นล่ะ สรุปคือสถานการณ์ของพวกเธอนี้ ฉันก็เห็นเป็นครั้งแรก สามีภรรยาคู่อื่นทำเพื่ออีกฝ่าย ทั้งสองสามีภรรยาก็แทบจะกอดกันร้องไห้ ตื้นตันใจอย่างมาก แต่พวกเธอสองคน…… ”
วารุณีไอออกมา ไม่พูดอะไร
ใช่ เธอก็ไม่เข้าใจ ทำไมตัวเองกับนัทธีถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้
ทั้งๆที่ทำเพื่ออีกฝ่าย ทำไมดันมาทะเลาะกัน เล่นสงครามเย็นกันเสียได้?
“พูดให้ถูกก็คือ พวกเธอดีกับอีกฝ่าย แต่ในขณะเดียวกัน พวกเธอกลับไม่ยอมรับความหวังดีที่อีกฝ่ายมีให้ตัวเอง”ลีน่ามองวารุณี แล้วชี้ให้เห็นถึงใจความสำคัญออกมาทันที
วารุณีกะพริบตา ไม่ปฏิเสธ
ก็จริง เธออยากอยู่ข้างๆนัทธี เดินเคียงข้างไปกับเขา
ส่วนนัทธีอยากส่งเธอไป เพราะไม่อยากให้เธอเป็นอะไรขึ้นมา
ต่างทำเพื่ออีกฝ่าย แต่กลับไม่ยอมรับความหวังดีของอีกฝ่ายจริงๆ การทะเลาะนี้ จึงเกิดขึ้น
วารุณีมองลีน่า“งั้นเธอมีวิธีไหนไหม?”
ลีน่ายักไหล่“มีสิ วิธีง่ายมาก เธอก็รู้ ก็พวกเธอคนใดคนหนึ่งถอยออกมา ไม่งั้นเป็นแบบนี้ต่อไป ความรู้สึกของพวกเธอสามีภรรยา ก็จะมีความแตกร้าวกันจริงๆ ถึงตอนนั้น ความรู้สึกที่ลึกซึ้งระหว่างพวกเธอสองสามีภรรยาก็จะตกอยู่ในอันตราย”
ประโยคนี้วารุณีไม่ปฏิเสธ แต่เธอถอนหายใจ“แต่ว่า ฉันไม่อยากถอย”
“เธอไม่อยาก ประธานนัทธีก็ไม่อยาก ดังนั้นพวกเธอถึงได้เล่นสงครามเย็นกันนานแบบนี้”ลีน่าพูด:“แต่ที่จริงแล้ววารุณี ฉันว่า ทางที่ดีเธอถอยเถอะ”
“ทำไมล่ะ?”วารุณียืดหลังตรงขึ้นมาทันที ไม่ค่อยพอใจนัก“ทำไมต้องเป็นฉันที่ถอยไม่ใช่นัทธี?”
“ก็เพราะประธานนัทธีทำเพื่อความปลอดภัยของเธอไง ถึงฉันไม่รู้ว่านิรุตติ์นั่นเป็นคนอย่างไร แต่ได้ยินพวกเธอพูดแล้ว ก็พอจะเข้าใจได้ว่า เขาเป็นคนบ้าคนหนึ่ง คนบ้าที่สู้ตายกับประธานนัทธีแบบนี้ ประธานนัทธีจึงกลัวคนบ้านี้จะทำร้ายเธอ ดังนั้นเลยให้เธอไป เขาทำเพื่อความปลอดภัยของเธอ ความปลอดภัยสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น เธอเข้าใจไหม?”ลีน่ามองไปที่วารุณี
วารุณีพยักหน้า“ฉันเข้าใจ แต่ว่า……”
“แต่เธออยากอยู่เคียงไหล่ประธานนัทธี!”ลีน่ารู้ว่าเธอจะพูดอะไร เลยตัดบทเธอไปโดยตรง
วารุณีเม้มริมฝีปาก ตอบอือ
ลีน่าหัวเราะ“วารุณี เธอคิดแบบนี้น่ะดี เพราะพวกเธอเป็นสามีภรรยากัน เธอเลยไม่อยากให้ประธานนัทธีเผชิญหน้ากับคนอันตรายแบบนี้คนเดียว แต่เธอไม่คำนึงถึงความสามารถของตัวเธอเอง”
“ความสามารถ?”วารุณีดูตกตะลึง ในใจเข้าใจอะไรขึ้นมาทันที แต่ไม่ค่อยแน่ใจนัก
ลีน่าพยักหน้า“ใช่ ความสามารถ เธอไม่มีอำนาจแบบประธานนัทธี ไม่มีกำลังคนที่เรียกใช้ได้แบบประธานนัทธี และก็ยิ่งไม่มีความสามารถในการปกป้องตัวเองแบบประธานนัทธี ลองถามตัวเธอดู เธอเป็นแบบนี้ จะเดินเคียงข้างประธานนัทธีได้ไง?”
การถามนี้ทำเอาวารุณีสะอึก พูดไม่ออก
ลีน่าพูดอีกว่า:“วารุณี ที่ฉันพูดเนี่ย ไม่ได้ดูถูกเธอนะ แต่ฉันหวังว่าเธอจะยอมรับความจริง ความแตกต่างระหว่างเธอกับประธานนัทธีนั้นเยอะ ประธานนัทธีเผชิญหน้ากับนิรุตติ์คนเดียว อาจจะรับมือกับนิรุตติ์ได้ดีกว่า แต่ถ้ามีเธอมาด้วย ประธานนัทธีก็ต้องแบ่งกำลังคนและจิตใจไปปกป้องเธอ ใส่ใจเธอ แล้วถ้าสุดท้ายนิรุตติ์ไม่พุ่งเป้าไปที่ประธานนัทธี แต่ดันเล่นงานเธอ จับเธอมา ใช้เธอมาขู่ประธานนัทธี ประธานนัทธีก็ต้องหาทางช่วยเธอ ถึงตอนนั้น เธอไม่ได้เดินเคียงไหล่ประธานนัทธี แต่จะเป็นตัวถ่วงให้ประธานนัทธี”
รูม่านตาของวารุณีหดลงทันที ริมฝีปากสีแดงขยับ สักพักจึงพูดออกมาว่า“ฉัน…….ไร้ประโยชน์ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แน่นอนว่า เธอไม่ได้ไร้ประโยชน์ขนาดนั้น แค่เกรงว่าคู่ต่อสู้ของเธอจะมีประโยชน์มากกว่าเธอ เธอดูสิคนอย่างนิรุตติ์มีวิธีการที่ร้ายกาจและโหดเหี้ยมมาก ตัวเองมีอำนาจแข็งแกร่งอยู่แล้ว ประธานนัทธีไลล่าแบบนี้ถึงได้จับไม่ได้เสียที พูดแบบนี้แล้ว แค่เขาไม่เพ่งเล็งไปที่ประธานนัทธี แต่ไปจัดการคนข้างกายประธานนัทธีแทน ความน่าจะสำเร็จก็ดูสูงจนน่ากลัว ดังนั้นถ้านิรุตติ์จะไม่สนใจประธานนัทธีแต่ไปจัดการเธอ ใช้เธอมารับมือกับประธานนัทธีแทน ความน่าจะเป็นนี้ก็สูงมาก ถ้าเป็นฉัน สามารถฆ่าศัตรูได้ ใช้วิธีไหนก็ไม่สำคัญหรอก แค่ได้ผลก็พอ”
เธอผายมือออกแล้วพูด
วารุณีไม่พูดต่อ แต่ใจเต้นแรงมาก ในใจนั้นไม่สงบนิ่งได้เลย