แต่ว่าเรื่องแบบนี้ คิดแล้วก็คิดคำตอบอันเฉพาะเจาะจงออกมาไม่ได้
ยังไงตัวพงศกรเองไม่พูด แล้วใครจะไปรู้ว่าสภาพจิตใจของเขา ฟื้นตัวได้อย่างไรบ้าง?
อีกอย่างถึงเขาจะเป็นหมอจิตเวช เขาอยากจะปกปิดสภาพจิตใจของตัวเอง ก็สามารถทำได้ คนอื่นมองไม่ออกเป็นเรื่องปกติมาก
ดังนั้น คนนอกไม่เข้าใจเลยว่าสภาพจิตใจเป็นอย่างไรกันแน่
ถ้าต้องมาเดาแบบนี้ สู้ถามไปตรงๆดีกว่า
โทรศัพท์เสร็จ วารุณีวางโทรศัพท์ลง จากนั้นเรียกบอดี้การ์ดของตัวเองมา ให้เขาขับรถไปสนามบิน เพื่อรับพงศกร
บอดี้การ์ดพยักหน้า แล้วไปทำตามทันที
จากนั้น วารุณีก็คิด แล้วเอาเรื่องที่พงศกรจะมา ร่างเป็นข้อความ จากนั้นส่งให้นัทธี
ถึงแม้นัทธีรู้ว่าพงศกรจะมาช่วย แต่ตอนนี้พงศกรมาแล้ว ก็ต้องบอกนัทธีสักหน่อย
นัทธีตอบไวมาก บนนั้นมีแค่ประโยคสั้นๆว่า:ครับคุณหญิง ผมจะบอกท่านประธาน
จะเห็นได้ว่า นัทธียังยุ่งอยู่ ไม่เห็นข้อความเลย พอเห็นข้อความ คนที่ตอบกลับมา ก็เป็นมารุต
วารุณีกลับไม่ผิดหวังอะไร แค่นัทธีไม่ได้จงใจหลบเธอ เขาจะยุ่งยังไง เธอก็ไม่ว่า
ลีน่าเห็นวารุณีวางโทรศัพท์ ก็เดาอะไรได้ จึงถามว่า:“ประธานนัทธียังยุ่งอยู่เหรอ?”
“ใช่”วารุณีส่ายหน้า
ลีน่าคิด แล้วตบไหล่ของเธอ“อย่าผิดหวังเลย พอประธานนัทธีกลับมาแล้ว ค่อยให้เขาชดเชย”
วารุณีหัวเราะเบาๆ“ฉันไม่ได้ผิดหวัง เขายุ่ง และไม่ได้จงใจไม่ตอบข้อความฉัน ดังนั้นฉันจะผิดหวังทำไม ฉันไม่ใช่คนงี่เง่านะ”
“ก็ใช่”ลีน่าพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วถาม“ใช่สิวารุณี เธอเพิ่งให้คนไปรับคนที่ชื่อพงศกร เขาจะมาที่นี่เหรอ?”
“อือ”วารุณีตอบไป
ลีน่าเม้มริมฝีปาก“เขามาที่นี่ทำไม?ปาจรีย์ล่ะ เขาไม่สนใจแล้ว?ก่อนหน้านี้เสียเวลาไปมากแค่ไหน เพื่อตามหาปาจรีย์ ตอนนี้มานี่ทำอะไรอีก?”
วารุณีหัวเราะ“เขามาช่วยน่ะ”
“ช่วย?”ลีน่าตกใจ“ช่วยอะไร?”
“นัทธีดวลกับนิรุตติ์ ต้องบาดเจ็บอยู่แล้ว เขาเป็นหมอ เลยมาช่วย”วารุณีอธิบาย
ลีน่าเข้าใจทันที“ที่แท้ก็แบบนี้เอง ฉันคิดว่าเขาจะมาสร้างปัญหาให้เธอเสียอีก ยังไงเมื่อก่อนเธอก็ช่วยปาจรีย์หนีเขา”
“ใช่ ตอนแรกฉัน ก็แปลกใจมากทำไมจู่ๆเขาถึงมา แต่พอได้ยินว่าจะมาช่วย ก็โล่งอก และเขามาก็ดีนะ พอดีเลย ฉันมีเรื่องบางเรื่อง อยากจะถามเขา”
พูดถึงตรงนี้ วารุณีก็หรี่ตาลง เม้มริมฝีปากขึ้นมา
เธออยากรู้ว่า ทำไมเขาต้องจับตัวอารัณไป และยังเผาโรงงานของบริษัทเธออีก ทำให้เธอเสียหายไปเยอะมาก
เรื่องพวกนี้ เธอต้องถามเขาให้ชัดเจน แต่เขาอยู่กับปาจรีย์ตลอด เธอเลยไม่อยากรบกวน
และบางครั้ง เธอก็ติดต่อเขาไม่ได้
ดังนั้นจึงลากมาถึงทุกวันนี้ จนตอนนี้เธอก็ยังไม่ได้ถามเขาให้ชัดเจน
ตอนนี้เขามาแล้ว เธอก็มีโอกาสพอดี
“เรื่องอะไรเหรอ?”ลีน่าแปลกใจเล็กน้อย
เพราะยังไงเธอก็มาเป็นวารุณีในภายหลัง และไม่เคยเจอพงศกรนั่นด้วย
ดังนั้นสำหรับความบาดหมางระหว่างพงศกรกับวารุณีและปาจรีย์แล้วนั้น จึงรู้เพียงเล็กน้อย
ที่รู้มากที่สุด ก็คือความบาดหมางระหว่างพงศกรกับปาจรีย์ เพราะได้ยินวารุณีพูดถึงบ่อยๆ
ดังนั้นสำหรับพงศกรแล้ว เธอรู้จักเขาจากที่ฟังมา และก็ไม่ได้รู้สึกดีกับเขาเท่าไหร่ด้วย
และพอเห็นอาการของวารุณีตอนนี้แล้ว เรื่องที่จะถาม ก็คงไม่ใช่เรื่องดีอะไร
วารุณีได้ยินคำถามของลีน่า ก็เงียบไปเล็กน้อย แล้วจึงตอบว่า“เป็นบางเรื่องที่ฉันคิดไม่ออกจนวันนี้”
จากนั้น เธอก็พูดออกมาสั้นๆ
ถึงเธอจะพูดสรุปสั้นๆ ง่ายเหมือนว่าอากาศนั้นดี แต่เข้าไปในหูของลีน่าแล้ว ก็ยังทำให้ลีน่าตกใจจนไม่อาจนิ่งสงบได้
“พระเจ้า เขาทำเรื่องแบบนี้กับอารัณด้วย?”ลีน่ายืนขึ้นมาจากโซฟาด้วยความตกใจ จนถือแท็บเล็ตในมือไม่อยู่แล้วร่วงไปที่โซฟา
วารุณีพยักหน้า“ใช่ ฉันคิดมาตลอดว่า ที่จับตัวอารัณไป ทำร้ายอารัณจนประสบอุบัติเหตุ เป็นพิชญาหรือนวิยา หรือว่าพวกสุภัทรทำ แต่ยังไงก็คิดไม่ถึงว่า จะเป็นพงศกรที่ดีต่ออารัณมาตลอดเป็นคนทำซะได้ จนตอนนี้ฉันก็ยังคิดไม่ออกว่าเพราะอะไร ตอนที่อารัณยังไม่รู้ว่านัทธีเป็นพ่อเขา ก็เห็นพงศกรเป็นพ่อมาตลอด แต่แบบนี้พงศกร กลับยังทำร้ายอารัณ และก็ทำร้ายจิตใจความเป็นเด็กน้อยของอารัณด้วย ตรงนี้ เธอเสียใจมาก แต่ก็ไม่อาจตำหนิพงศกรได้”
“ทำไมล่ะ?”ลีน่าไม่เข้าใจ
ถ้าเป็นเธอ มีคนทำร้ายลูกตัวเองแบบนี้ เธอจะไม่สนว่าคนๆนั้นเป็นเพื่อนตัวเองหรือไม่ จะตัดความสัมพันธ์ไปเลยตรงๆ ให้ตายก็ไม่ยุ่งอีก
ดังนั้น เธอจึงไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมวารุณียังติดต่อกับพงศกรอีก
“เพราะว่าพงศกรคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเราสามแม่ลูกไว้”วารุณีลูบขมับแล้วพูด:“หกปีก่อน ตอนฉันตั้งท้องอารัณกับไอริณที่ต่างประเทศ สุขภาพแย่มาก และเพราะว่าคิดมาก เกือบทำให้เก็บลูกทั้งสองคนไม่อยู่ ถ้าไม่ใช่พงศกร พวกเราสามคนแม่ลูกคงไม่อยู่แล้ว นอกจากนี้แล้ว ตอนนั้นแม่ฉันก็ป่วย และก็เป็นพงศกรที่หาหมอมาช่วยไว้ได้ เรียกได้ว่า ครอบครัวเราทั้งสี่คน ได้พงศกรช่วยไว้หมด เธอว่าแบบนี้ฉันจะแค้นเขาลงได้ไง?”
“เอ่อ……”ลีน่าพูดไม่ออก สักพักจึงพยักหน้า“ก็แค้นเขาไม่ได้จริงๆแหละ นี่มันเป็นเงื่อนตายที่แก้ออกยากเสียจริง”
“ดังนั้น ถึงพงศกรทำร้ายอารัณ ฉันก็ไปแก้แค้นเขาไม่ได้ แต่ฉันก็ยังอยากรู้คำตอบ รู้คำตอบที่พงศกรทำแบบนี้”
“แน่อยู่แล้ว”ลีน่าจับมือของวารุณีแน่น“นี่มันต้องรู้ให้ได้อยู่แล้ว รอเขามาถึง เธอค่อยถามเขาดีๆ”
“อือ”วารุณีพยักหน้า ฉีกยิ้มตอบกลับไป
จากนั้น เธอจึงเรียกคนใช้มา พอเตรียมห้องให้พงศกรแล้ว ก็นั่งรอเงียบๆบนโซฟา
รอพงศกรมา
สนามบินอยู่ห่างที่นี่ ที่จริงแล้วไม่ไกลนัก อย่างมากก็หนึ่งชั่วโมง
อีกหนึ่งชั่วโมง เธอก็จะได้เจอพงศกรแล้ว และก็จะได้รู้คำตอบเหล่านั้นที่เธออยากรู้มาตลอด
เวลาผ่านไปไวมาก หนึ่งชั่วโมงถัดมา วารุณีก็ได้ยินเสียงรถด้านนอกคฤหาสน์
เธอยืนขึ้นมา กำฝ่ามือแน่น ในใจค่อยๆพูดสองคำนี้ออกมา:มาแล้ว!
พงศกรถึงแล้ว
ตอนนี้ลีน่าไม่อยู่ กำลังวิดีโอคอลในห้องกับรุ่นพี่ ช่วงนี้ ลีน่าน่าจะไปรบกวนรุ่นพี่ของเธอทุกวัน พูดคุยกับรุ่นพี่เธอ
ตอนนี้รุ่นพี่ของเธอ ไม่เหมือนไม้นิ่งๆ อะไรก็ไม่รู้เรื่องแบบเมื่อก่อนแล้ว
เหมือนว่ารุ่นพี่เธอจะรู้ความในใจของเธอ ตัวเองก็เหมือนจะรู้สึกแบบนั้นด้วย ดังนั้นก็จะวิดีโอคุยกับลีน่าทุกวัน
ทำให้ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ ความรู้สึกของรุ่นพี่รุ่นน้องนี้ เหมือนกับนั่งจรวด ดีขึ้นมามาก
บางครั้ง ถ้าได้ยินลีน่าพูดแบบนี้ต่อไป อีกไม่นาน เธอก็น่าจะสละโสดแล้ว
กำลังคิดอยู่นั้น ในห้องรับแขกก็มีเสียงฝีเท้าเข้ามา
แววตาวารุณีดูตะลึงงัน ความคิดถูกดึงกลับไปที่ความเป็นจริง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองไปที่ต้นเสียง
เห็นพงศกรที่ถูกคนใช้พามา เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นจึงยกขึ้นมาเป็นมุมหน่อยๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม“พงศกร นายมาแล้วเหรอ”