เมื่อมองไปที่ขนตาเปียกชื้นของสุขใจ วารุณีก็เชื่อในคำพูดของพงศกร และเงียบไป
สุขใจร้องไห้จริงๆ ด้วย!
ถึงแม้ว่าจะอยู่กับสุขใจได้เพียงสัปดาห์กว่า แต่เธอก็เพียงพอที่จะเข้าใจสุขใจแล้ว
สุขใจเด็กคนนี้ขี้เกียจอย่างมาก ขี้เกียจจนไม่ชอบที่จะขยับตัว ไม่ชอบร้องไห้เอะอะโวยวาย แต่จะมีแค่ร้องเบาๆ เมื่ออยากฉี่อยากถ่ายอยากกินข้าวเท่านั้น
สรุปได้ว่า ช่วงนี้เวลาที่ผ่านมานี้ สุขใจแทบจะไม่ร้องไห้เลย ถ้าร้องไห้ก็จะเป็นเสียงร้องสะอื้นไม่กี่เสียง น้ำตาจะไม่มีวันไหลออกมาเด็ดขาดแบบนั้น เหมือนกับฟ้าร้องแต่ฝนไม่ยอมตก
แต่ตอนนี้ คาดไม่ถึงว่าสุขใจร้องไห้ออกมา และน้ำตาก็ยังทำให้ขนตาเปียกชื้นอีกด้วย พอที่จะแสดงให้เห็นว่าเมื่อกี้ สุขใจกำลังร้องไห้เสียใจแค่ไหน
สิ่งนี้ทำให้วารุณีรู้สึกถึงความเจ็บปวดของหัวใจตัวเอง
เธอรีบอุ้มสุขใจขึ้นมาจากอ้อมกอดของนัทธี ลูบคลำที่แก้มของลูกชายด้วยความสงสาร “พวกคุณใครสักคนบอกฉันหน่อย เกิดอะไรขึ้นกันแน่? สุขใจทำไมถึงร้องไห้ล่ะ?”
ริมฝีปากของนัทธีเม้มสนิท ไม่พูดอะไร เพียงแค่ใช้สายตาทั้งสองข้างจ้องไปที่พงศกรอย่างเย็นชา
พงศกรไม่เพียงแต่ไม่กลัว แต่กลับหันไปหาเขาแล้วยิ้มให้แทน
เมื่อวารุณีเห็นว่าชายทั้งสองคนไม่ยอมพูด ก็รนขึ้นมาทันที
เธอมองไปที่พงศกร “พงศกร คุณบอกฉันหน่อย ก่อนที่ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ ฉันอุ้มสุขใจให้กับคุณ คุณบอกฉันหน่อยว่า สรุปแล้วสุขใจร้องไห้ได้ยังไงกันแน่”
“ได้ยินหรือยังประธานนัทธี วารุณีพูดแล้วว่า เธออุ้มสุขใจให้กับผม ไม่ใช่ผมแอบขโมยอุ้มไปเอง” พงศกรไม่ได้ตอบกลับเธอ เพียงแต่มองไปที่นัทธีอย่างได้ใจ
นัทธีพ่นล่มหายใจด้วยความเสียดสี และมองไปที่วารุณี “คุณอุ้มลูกไปให้เขาทำไม? คุณลืมไปแล้วเหรอ เขาปฏิบัติต่ออารัณยังไง? คุณไม่กลัวเขาเป็นอันตรายต่อสุขใจเหรอ”
“พงศกรไม่ทำหรอก ฉันเชื่อใจเขา” วารุณีกับนัทธีสบตากัน และพูดอย่างจริงจังว่า: “ฉันยอมที่จะให้โอกาสเขาอีกสักรอบนัทธี คุณก็เชื่อใจฉันหน่อยได้ไหม? ฉันไม่ยอมเอาลูกของตัวเองมาล้อเล่นทำเรื่องโง่ๆ หรอก”
เมื่อเห็นวารุณีเช่นนี้ นัทธีก็เม้มฝีปาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
วารุณีก้มหน้าลงมองไปที่เด็กน้อยในอ้อมแขน
เด็กน้อยหลับสนิท ปากเล็กๆ ขยับเป็นระยะๆ น่ารักที่สุด
แต่ดูขนตาที่ยังไม่แห้งของเด็กน้อย ในใจของเธอก็ตรึงขึ้นมาอีกรอบ “พอเถอะ พวกคุณยังไม่ได้ตอบฉัน เมื่อกี้สุขใจร้องไห้เพราะเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมไม่มีใครสักคนพูดล่ะ?”
เธอบีบบังคับให้ตอบอีกรอบ
พงศกรลูบคลำไปที่จมูก จากนั้นหันไปทางนัทธีแสดงรอยยิ้มที่มืดมน “วารุณี ผมจะบอกคุณเอง ประธานนัทธีเป็นคนทำให้สุขใจร้องไห้”
สีหน้าของนัทธีมืดมนอย่างมาก
“อะไรนะ?” วารุณีตกใจ “คือนัทธีเหรอ?”
เธอหันอย่างรวดเร็ว และมองไปยังชายที่อยู่ข้างๆ “คุณทำให้สุขใจร้องไห้เหรอ?”
เธอทำตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นัทธีละสายตาด้วยความรู้สึกผิด และไม่ตอบ
แต่ท่าทางที่เขาเป็นแบบนี้ ทำให้เห็นได้ชัดเจนทั้งหมดแล้วว่า เขาทำให้ลูกร้องไห้จริงๆ
นี่ทำให้วารุณีโกรธจนแทบจะล้มหงายหลัง
เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้น และชี้ไปที่นัทธีอย่างสั่นระริก “คุณอยู่ดีๆ ทำไมถึงทำเด็กร้องไห้แล้วล่ะ?”
สุขใจไม่ชอบร้องไห้ สามารถทำให้สุขใจร้องไห้ได้แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องทำเรื่องอะไรที่เหลือเชื่อแน่ๆ
“ใช่ ประธานนัทธี พูดสิ คุณอยู่ดีๆ ทำไมถึงทำให้สุขใจร้องไห้?” พงศกรโอบกอดแขน และหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง
ผู้ชายคนนี้ ก่อนหน้านี้เคยเห็นเขาหน้าแตกมามากมายขนาดนั้น ใช้ทัศนคติของผู้บังคับบัญชา สอนให้เขาทำสิ่งต่าง ๆ แต่ยังปฏิบัติต่อท่าทีที่ไม่ดีต่อเขาเสมอมา เขาต้องการแก้แค้นมานานแล้ว
ตอนนี้ นับได้ว่าหาโอกาสได้แล้ว
“ที่นี่แกมีสิทธิ์พูดด้วยฐานะอะไร? หุบปากแกซะ!” นัทธีมองไปที่สีหน้าของพงศกร ความโกรธในใจก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น และน้ำเสียงก็ดุด่าอย่างมาก
พงศกรไม่กลัวเขา แม้ถูกเขาตวาดใส่ก็ไม่โกรธ ยิ่งหัวเราะอย่างมีความสุขในความโชคร้ายของผู้อื่น
เขารอให้นัทธีจะเปิดปากพูดยังไงกับวารุณี
วารุณีมองดูนัทธีที่ไม่พูดจา แต่กลับสั่งสอนบทเรียนให้คนอื่น สีหน้าหนักแน่น “นัทธี คุณทำอะไร? สรุปว่าคุณจะพูดหรือไม่พูด?”
“ผมพูด” นัทธีต้องเผชิญหน้ากับความโกรธของภรรยา ในใจรู้สึกขลาดกลัวเล็กน้อย
ไม่ขลาดกลัวจะได้ไหม
อย่างไรก็ตาม คนที่ทำให้ลูกร้องไห้ก็คือเขา
ดังนั้น เขามีสิทธิ์อะไรมาหัวแข็ง?
ถอนหายใจ นัทธีรู้ว่าไม่สามารถปิดบังต่อไปได้แล้ว เขาขมวดคิ้วและตอบว่า: “ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมเห็นสุขใจอยู่ในอ้อมกอดของพงศกร รู้สึกไม่วางใจ ดังนั้นจึงแย่งสุขใจมา คาดไม่ถึงว่าการกระทำของผมทำให้สุขใจตกใจ สุขใจก็เลยร้องไห้”
“อ๋อ ที่แท้เป็นคุณนี่เอง” วารุณีโมโหจนหน้าแดง “สุขใจยังเด็กมาก จะทำให้ตกใจได้ยังไง ถ้าเธอตกใจกลัวมากๆ จะทำยังไง?”
จิตใจของเด็กน้อยเปราะบางมาก ถ้าหากไม่ระวัง ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้
ดังนั้นเลี้ยงเด็ก จะต้องระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก รอบคอบแล้วรอบคอบอีก
ปรากฏว่าเขายิ่งกว่านั้น ทันทีที่เขามาก็ทำให้เด็กตกใจร้องไห้
นัทธียิ่งเป็นฝ่ายผิด สัมผัสปลายจมูกแล้วตอบ “ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมก็เป็นห่วงลูก ลูกอยู่ในอ้อมกอดของพงศกร ผมกังวลว่าพงศกรจะทำอะไรกับสุขใจ ผมก็เลยให้พงศกรคืนสุขใจให้กับผม พงศกรไม่ยอมคืน ผมก็กระวนกระวายรีบอุ้มสุขใจกลับมา คาดไม่ถึงทำให้สุขใจตกใจ”
“ผมขอพูดตรงนี้สักครู่” ทันใดนั้นพงศกรยกมือขึ้น “ผมไม่ได้คืนสุขใจให้กับประธานนัทธีจริงๆ ไม่ใช่ว่าผมจะไม่คืน แต่ว่าเวลานั้นสุขใจอยากจะหลับแล้ว ผมอยากจะปลอบให้สุขใจหลับก่อนแล้วค่อยคืนให้กับประธานนัทธี ใครจะรู้ว่าประธานนัทธีไม่มีความอดทนขนาดนี้ และคว้าออกไปตรงๆ หลังจากที่ทำให้สุขใจร้องไห้ ก็ยังไม่สามารถเกลี้ยกล่อมสุขใจได้อยู่ดี สุดท้ายก็เป็นผมที่สามารถเกลี้ยกล่อมสุขใจได้”
คำพูดของเขา ไม่เพียงแต่ดูถูกนัทธีเท่านั้น แต่ยังยกระดับตัวเอง ด้วยการแสดงศิลปะการพูด แสดงออกมาได้อย่างถึงอกถึงใจ
นัทธีและวารุณีก็ไม่ใช่คนโง่ ทำไมถึงจะฟังไม่ออก
นัทธีโกรธจนแทบอยากจะฆ่าใครสักคนจริงๆ
แต่วารุณีนอกจากขมวดคิ้วแล้ว ก็ไม่ตอบสนองอะไรอีก
อย่างไรก็ตามนัทธีคือคนที่ทำให้ลูกร้องไห้ แต่คนที่เกลี้ยกล่อมลูกได้ดีคือพงศกร
ก็อาศัยจุดนี้ แม้พงศกรแอบดูถูกนัทธีอย่างลับๆ ก็จะเป็นอะไรไป
ใครใช้ให้นัทธีเกลี้ยกล่อมลูกไม่ดีเองล่ะ?
ถูกต้อง ณ เวลานี้ ในใจเธอ ลูกสำคัญกว่าสามี
“พอแล้ว คุณหยุดจ้องพงศกรได้แล้ว คุณทำให้สุขใจตกใจเอง อีกทั้งยังเกลี้ยกล่อมไม่ดี พงศกรเกลี้ยกล่อมหายดีแล้ว คุณก็ไม่พอใจ คุณมันช่างจริงๆ ……” วารุณีมองนัทธี ทั้งโกรธทั้งตลก
นัทธีเม้มริมฝีปากบางของเขาและไม่พูดอะไร ในใจรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย
เขารู้ดี ว่าตัวเองเป็นคนที่ทำให้สุขใจร้องไห้ อีกทั้งยังไม่เกลี้ยกล่อมสุขใจให้ดี ณ จุดนี้ เขาทำได้ไม่ได้ดีเท่ากับพงศกร
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า พงศกรก็สามารถเหยียบหัวเขาคุยโวโอ้อวดได้
เมื่อกี้พงศกรดูถูกเขา เขาไม่เชื่อว่าเธอไม่รู้ แต่เธอกลับไม่ได้ยืนข้างเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยจริงๆ
เมื่อมองดูท่าทางนิ่งเงียบของนัทธี วารุณีก็ถอนหายใจ และรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เธอดึงแขนเสื้อของเขา ทันทีที่เขาหันกลับมามอง เขาชี้ไปที่สุขใจและพงศกรอีกครั้ง บอกเขาว่า ไม่ใช่ว่าเธอไม่ยืนเคียงข้างเขา แต่ลูกถูกพงศกรเกลี้ยกล่อม แต่ถึงจุดนี้ เธอก็ไม่สามารถช่วยเขาด่าว่าพงศกรได้
ไม่เช่นนั้น ไม่กลายเป็นคนอกตัญญูแล้วเหรอ?
เมื่อนึกถึง วารุณีขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “มันก็เป็นความผิดของฉันด้วย ฉันไม่คิดว่าคุณจะลงมาเร็วขนาดนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้บอกกับคุณสักคำ ฉันก็ให้พงศกรอุ้มสุขใจแล้ว ทำให้คุณไม่ต้องคิดมาก ถ้าหากฉันบอกกับคุณก่อน คุณก็จะไม่ต้องระวังตัวขนาดนี้ ทำให้สุขใจตกใจ”
สิ่งนี้ เกิดขึ้นจากเธอจริงๆ
เมื่อเห็นวารุณีตำหนิตัวเอง พงศกรก็ทนไม่ได้ที่เห็นนัทธีที่หน้าแตกอีกต่อไป ไอเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า: “นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ ผมคือคนเสนอขึ้นมาว่าจะอุ้มสุขใจ คุณถึงยกสุขใจให้กับผม”
“ฉะนั้น ในที่สุด แกก็ยังเป็นตัวการ?” นัทธีหรี่ตาและจ้องไปที่ พงศกรอย่างอันตราย