นัทธีไม่ได้หันไปมองเธอ ก็ใจฝ่อนี่
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถพูดออกไปตรงๆ ได้ว่าชอบ แต่เมื่อเธอถาม ก็พูดไม่ได้แล้ว
ไม่อย่างนั้น เธอจะต้องโกรธอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นชายหนุ่มทำเป็นไม่ได้ยิน วารุณีก็ยิ้ม “นัทธี คุณเกินไปแล้วนะ ของแบบนี้มีดีตรงไหนกัน ถึงทำให้คุณบอกว่าชอบ?”
เธอชี้ไปที่กล่องในมือเขาพร้อมกับนิ้วที่สั่นขึ้นเรื่อยๆ “ไม่ได้ รีบเอาของนี่โยนทิ้งเดี๋ยวนี้เลย น่าอายมาก”
ของแบบนี้ บังอะไรก็ไม่ได้ ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าใครกันที่คิดออกมา แถมยังหยิบออกมาขายอีก
“ไม่ได้ ทิ้งไม่ได้” นัทธีโอบซ่อนกล่องไว้ ไม่โยนทิ้งอย่างเด็ดขาด
วารุณีถลึงตาโตขึ้น “ไม่ทิ้ง?ไม่ทิ้งแล้วคุณรจะเก็บไว้ทำไม?หรือว่า คุณจะให้ฉันใส่จริงๆ เหรอ?”
เมื่อนัทธีได้ยินได้ยินประโยคนี้ ดวงตาที่สีเข้มมาตลอด ก็จ้องเธออย่างเป็นประกายขึ้นมาทันที ความหมายในสายตา ชัดเจนอย่างมาก
เขาคนนี้คิดที่จะ
มุมปากวารุณีกระตุกขึ้น วินาทีถัดมา ราวกับว่าได้รับเรื่องน่าตกใจ พร้อมถอยหลังไปหลายก้าว แล้วรีบส่ายหน้า “นัทธีฉันจะบอกคุณให้นะ คุณอย่าแม้แต่จะคิด ยังไงฉันก็ไม่ใส่แน่นอน ไม่ใส่เด็ดขาด!”
เธอไขว้มือทั้งสองข้างไว้ตรงหน้า ใบหน้าปฏิเสธอย่างไม่ปกปิด
แต่นัทธีเป็นคนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ซะที่ไหนกัน
เขาก้าวเท้ามาข้างหน้าสองก้าว ดึงระยะห่างของวารุณีเข้าใกล้ใหม่ “ที่รัก ใส่เถอะน่า ผมไม่เคยเห็นคุณใส่ชุดแบบนี้มาก่อนเลยนะ ต้องเหมาะมากแน่นอน”
เขาจ้องที่เธอ สีตาเต็มไปด้วยความหวัง
วารุณีหน้าแดง “ชุดพวกนี้คนปกติเขาไม่ใส่กันหรอก ให้ฉันบ้าสิถึงจะใส่ชุดนี่ เพราะงั้นคุณไม่เห็นฉันใส่ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง?อีกอย่างของแบบนี้ บังอะไรก็ไม่ได้ เอาอะไรมาเหมาะ?”
“ก็เหมาะหมดนั่นแหละ” นัทธีก้มหน้ามองกล่อง พูดอย่างซ่อนจิตสำนึก “ลีน่าน่ะตาถึงมาก ที่ซื้อมาก็เป็นลายลูกไม้สีดำที่ผมชอบที่สุด”
ก็ผู้ชายมั้ยล่ะ ก็ต้องชอบสีดำกับสีแดงอยู่แล้ว
แถมบวกกับลายลูกไม้ มันต้านทานไม่ได้อยู่แล้ว
แต่วารุณกลับจะแทบหงายกับคำพูดของชายคนนี้ “นัทธี คุณนี่มัน……มัน……”
เธอพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าเล็กแดงอย่างสุดขีด ถูกเขาทำให้โมโห และถูกชุดพวกนี้ทำให้อาย
ลีน่าบอก ของขวัญที่เธอให้มาไม่ได้แค่ช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา แถมยังจะทำให้ประธานนัทธีนั้นชอบมาก
จะไม่ชอบได้ไงล่ะ ของแบบนี้ สามารถเติมเต็มความอยากในใจชายหนุ่มได้ นัทธีไม่ชอบสิแปลก
นี่ถ้าไม่ ชอบจนยืนกรานให้เธอใส่ ก็ไม่ทิ้งแน่นอนล่ะ
“เอาล่ะที่รัก คุณอย่าโกรธเลย ลองใส่ชุดนี้ดูหน่อยเถอะนะ” นัทธีพูดอยู่ มือชี้ของที่อยู่ในกล่อง และหยิบชุดออกมา
ใบหน้าเล็กๆ ของวารุณีแดงแทบจะเป็นหยดเลือด ตะโกนเสียงดังใส่ชายหนุ่ม “นัทธี คุณอย่าแม้แต่จะคิด ให้ฉันใส่ชุดนี่ คุณฝันไปเถอะ คืนนี้นอนคนเดียวไปเลย!”
พูดจบ เธอก็หันหลังเตรียมจะหนี
จะให้เธอใส่ชุดนี้ให้เขาดู อย่าหวังเลย
ถ้าวันนี้เธอใส่เจ้าชุดนี่ ขีดต่ำสุดในอนาคตก็หมดกันจริงๆ พอดีน่ะสิ
เพราะฉะนั้น เธอจะไม่เติมเต็มความต้องการของชายคนนี้แน่นอน และจะไม่มีทางทำให้แผนชั่วของลีน่านั้นสำเร็จด้วย
คิดอยู่ วารุณีก็ย่างเท้าอย่างไว เพื่อต้องการที่จะหนีไปจากที่นี่
แต่ทว่านัทธีตั้งใจที่จะเห็นเธอใส่ชุดนี้ เพราะฉะนั้นจะปล่อยเธอไปได้ยังไงกัน
ขณะที่เธอเพิ่งจะก้าวได้สองก้าว ขายาวก็สาวเข้ามา แล้วดึงเธอไว้
“จะหนีเหรอ?” ริมฝีปากบางของนัทธีโค้งขึ้น “ไม่ได้หรอก เราแยกห้องกันมาหลายวันแล้ว ในที่สุดตอนนี้ก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ผมเพิ่งจะย้ายกลับมา เพราะฉะนั้นผมจะแยกกับคุณอีก แล้วไปนอนห้องอื่นได้ไง?”
วารุณีหยุดฝีเท้า หันไปมองชายหนุ่ม “อยากไม่ให้ไปนอนห้องอื่นก็ได้ แต่คุณต้องกำจัดความคิดที่จะให้ฉันใส่ชุดแบบนี้นะ ไม่งั้นก็ไม่ต้องมาคุยกัน”
“ไม่ได้” นัทธีปฏิเสธ ด้วยความเด็ดเดี่ยว “นี่ก็เป็นน้ำใจจากเพื่อนนะ ถ้าไม่ใส่ก็เสียน้ำใจเธอสิ ที่รัก คุณเองก็ไม่อยากให้เพื่อนไม่มีความสุขใช่มั้ย?”
“ของแบบนี้ ฉันใจว่าเธอจะดีใจหรือเสียใจที่ไหนล่ะ ยังไงฉันก็ไม่ใส่แน่ๆล่ะ นัทธีคุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่นอนกับคุณ ฉันจะไปนอนห้องอื่น ปล่อย” วารุณีรู้ว่าชายหนุ่มไม่ละทิ้งความคิดนี้ จึงแสดงออกว่าตัวเองจะไม่อยู่ที่นี่ต่อ
แต่ทว่านัทธีฉุดเธอเข้ามาในอ้อมกอด แล้วกอดแน่น “ไม่เป็นไร คุณไม่ใส่ ผมช่วยคุณใส่ก็ได้ ตราบใดที่คุณไม่ทำเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณใส่นี่”
มุมปากวารุณีกระตุกอย่างแรง
ไม่ใส่เอง ก็เท่ากับว่าตัวเองไม่ได้ใส่
นี่……นี่มันเหตุผลบ้าอะไรเนี่ย?
“นัทธี คุณ……” วารุณีที่กำลังจะหักล้างคำพูดไร้ยางอายของนัทธี คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ นัทธีจะก้มหน้าลงมา จูบเข้าที่ริมฝีปากของเธอ ทำให้สิ่งที่เธอจะพูดเพื่อหักล้างดันกลับเข้าไป
จูบของนัทธีนั้นเอาแต่ใจ กี่รอบต่อกี่รอบอย่างต่อเนื่อง วารุณีรู้สึกว่าร่างกายนั้นอ่อนรวบลงอย่างรุนแรง
มือที่พยายามขัดขืนชายหนุ่มในตอนแรก ตอนนี้ก็ค่อยๆ หยุดลง ท้ายที่สุดก็โอบเข้าที่คอของชายหนุ่ม ยอมจำนนต่อชายหนุ่ม
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของหญิงสาว ในที่ที่หญิงสาวมองไม่เห็น ร่องรอยแผนการที่ราบรื่นก็ลอยผ่านมาในสายตาของเขา หลังจากนั้น หลังจากนั้นแรงก็เริ่มเสถียรมากขึ้น
อย่างค่อยเป็นค่อยไป วารุณีเริ่มวิงเวียน แล้วหมดแรงไปอย่างสิ้นเชิง แล้วทรุดฮวบลงในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ไม่อยากแม้แต่ขยับนิ้ว
ชายหนุ่มโอบเอวของเธอไว้ กอดร่างกายที่อ่อนนุ่มของเธอ ความโค้งของริมฝีปากเขาแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
วินาทีถัดมา เขาก้มอุ้มหญิงสาวขึ้นมา แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ
คืนนี้ วารุณีเองก็ไม่รู้ว่าถูกชายหนุ่มทารุณไปกี่ครั้ง นานจนเกือบฟ้าสว่าง ชายหนุ่มจึงยอมปล่อยเธอไป ลูบที่ใบหน้าของเธอ แล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างเปรียบไม่ได้ “นอนเถอะที่รัก เหนื่อยมากแล้ว ผมรักคุณนะ”
พูดจบ ก็ก้มลงจูบที่หน้าผากของเธอ
ร่างกายของวารุณีนั้นหมดแรง ทำได้เพียงนอนเดี้ยงอยู่บนเตียง แล้วกลอกตาใส่เขา จากนั้นจึงหลับตาลง ไม่มองเขาแล้ว
เธอไม่อยากมองชายบ้าคนนี้ กลัวว่าตัวเองมองไปนานๆ แล้ว จะโมโหตาย
เพราะชายคนนี้มอมคนเก่งชะมัด เมื่อคืนตัวเองโดนแค่จูบเดียวของเขา จูบอย่างสั่นสะท้าน แม้แต่ทิศทางยังไม่รู้ว่าไปทางไหน ว่าพูดอะไรก็ว่าไปอย่างนั้น
หลังจากนั้นภายใต้การหว่านล้อมของนัทธี ก็ใส่ชุดที่ลีน่าให้อย่างเชื่อฟัง
หลังจากใส่เสร็จ เธอก็เสียใจทีหลังสุดๆ เพราะชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาที่เจิดจ้า ร้อนแรง ราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปในท้องทั้งตัว
ดังนั้นตอนที่เธอยังไม่ทันได้รีบถอดชุด เธอก็ถูกชายหนุ่มกดลงบนเตียงเป็นที่เรียบร้อย
สรุปแล้ว ชายบ้าในคืนนี้ บ้ากว่าปกติ ทั้งออกแรง และตื่นตัวมาก
และชุดนั้น ภายใต้ความสนุกของเขา ก็กลายเป็นชิ้นๆ
ถึงแม้ว่า ชุดเดิมที จะไม่ต่างกันอะไรกับชุดที่ขาดเป็นชิ้นๆ
ถึงว่าตอนที่ทานอาหารลีน่าถึงได้ถามเธอ ว่าใช้ของขวัญหรือยัง ใช้ดีหรือเปล่า
ตอนนั้นเธอถึงได้สงสัยว่าทำไมถึงต้องใช้คำว่าใช้ ไม่ใช้คำว่าใส่?
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว ชุดนี้มีไว้เพื่อใช้ ไม่ได้มีไว้ใส่
แต่ก็ลำบากเธอแล้ว
เอวเธอ ขาเธอ ตัวเธอทั้งบนและล่าง ไม่มีตรงไหนเลยที่ไม่ใส่
ชายบ้านี่ เหมือนหมาจริงๆ ไม่งั้นทำไมถึงได้แรงเยอะแบบนี้?
ตอนนี้เธอเหนื่อยไปทั้งตัวจนไม่อยากแม้แต่ขยับ
เขากลับชอบ เขายังคงมีแรงกระฉับกระเฉง
ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
วารุณียิ่งคิดยิ่งเหนื่อย สุดท้ายไม่นาน ก็หลับไปอย่างสมบูรณ์
นัทธีนอนลงข้างเธอ โอบเอวเธอเบาๆ หลังจากที่มองเธอหลับไป จึงปิดไฟห้อง แล้วก็หลับตา เพื่อนอนเป็นเพื่อนเธอสักพัก
ที่บอกว่านอนสักพัก ก็สักพักจริงๆ