เมื่อเห็นอันดับที่ห้าทั้งสองคนได้ขึ้นเวที ลีน่าที่เริ่มเคลิ้มหนักไปสักพัก ในที่สุดก็ตื่นตัวกลับมา นั่งตัวตรง “แม่งเอ้ย ในที่สุดก็ถึงเราสักที ถ้ายังไม่ถึงพวกเราอีก ฉันต้องหลับแน่ๆ คนก่อนๆที่ขึ้นพูดทั้งขี้เหร่ทั้งยาวแถมยังไร้โภชนาการอีก ถ้าไม่ใช่เพราะกล้องจากสื่อเยอะ ฉันคงไม่ให้ค่ามากแบบนี้หรอก หลับไปก็สิ้นเรื่อง”
วารุณีก็เอามือปิดปาก แล้วจามเบาๆ “ใช่แอบน่าเบื่อ อย่าว่าแต่เธอเลย ฉันเองก็เหนื่อยไม่ไหว”
“ใช่แล้ววารุณี ประธานนัทธียังไม่มาเหรอ?” ลีน่าหยิบขวดน้ำหอมมิ้นต์ทำให้สดชื่นออกมาจากกระเป๋า ฉีดใส่ข้อมือสองครั้ง หลังจากนั้นก็วางตรงจมูกแล้วดม
ได้กลิ่นมิ้นต์เย็นๆเรียกสติ จึงทำให้อาการมึนงงในหัวของลีน่าจางหายไป จึงตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์
จากนั้น เธอยื่นน้ำหอมให้วารุณี “วารุณี เธอเอาหน่อยมั้ย?”
“มาหน่อยก็ดี” วารุณีรับน้ำหอมมา แล้วฉีดให้ตัวเองสองครั้ง หลังจากนั้นก็ปิดฝา แล้วจึงตอบ “ยังไม่ถึงน่ะ เดี๋ยวฉันถามก่อน”
หลังจากเอาน้ำหอมคืนลีน่า วารุณีก็หยิบโทรศัพท์ แล้วส่งข้อความไปหานัทธี
หลังจากนั้นประมาณสองนาที ข้อความของนัทธีก็ตอบกลับมา
เมื่อเห็นเนื้อหาในข้อความ วารุณียิ้ม “เขากำลังมา น่าจะประมาณสิบนาทีน่าจะถึงแล้วล่ะ”
ลีน่าขดริมฝีปาก “ป่านนี้เพิ่งจะมา เขาเองก็ไม่กลัวพลาดเลยเนอะ”
“ไม่แน่นอน” วารุณียิ้มพร้อมส่ายหน้า “พิธีรับรางวัลของพวกเราไลฟ์สดตลอด นัทธีดูอยู่ตลอดนั่นแหละ ไม่พลาดแน่นอน”
“ก็ยังดี” ลีน่าพยักหน้า
วารุณียืดตัว “ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เธอไปมั้ย?”
“ฉันไม่ไปอะ” ลีน่าโบกมือ “นั่งอยู่นานไม่ได้กินน้ำ ก็เลยไม่ปวด”
เธอโพล่งคำหยาบออกมาแบบนี้ วารุณีที่ฟังอยู่ก็ทั้งโกรธทั้งตลก “งั้นโอเค งั้นเธอฉันตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันมา”
“ไปเถอะๆ ” ลีน่าพยักหน้า
วารุณียิ้ม เดินออกมาจากห้องมอบรางวัล แล้วไปที่ห้องน้ำ
จากที่คิดว่าวันนี้คนเยอะ ห้องน้ำจะต้องแน่นแน่ๆ แต่ทว่าตอนที่วารุณีมาถึงห้องน้ำนั้น ถึงได้พบว่าห้องน้ำว่างเปล่าไม่มีใครเลยสักคน สะอาดหมดจด ราวกับตั้งใจขับไล่คนออกไป แปลกสุดๆ
แต่วารุณีไม่ได้คิดมาก แค่เป็นเหตุการณ์บังเอิญ หลังจากนั้นก็เดินไปที่ห้องแยก
ตอนที่เธอเข้ามาในห้องนั้น ด้านนอกห้องน้ำหญิง จู่ๆก็มีคนหลายคนเดินออกมา แล้วก็ยืนทั้งสองข้างของห้องน้ำหญิง ราวกับคนเฝ้าประตู เพื่อป้องกันประตูห้องน้ำหญิงไว้
จากเดิมทีที่ยังมีคนมาเข้าห้องน้ำ เมื่อเหตุสถานการณ์ ก็รีบวิ่งหนี ต่างก็ไม่กล้าเข้าไป
ความจริงแล้ว ต่อให้พวกเธอเข้าไป ก็จะถูกคนพวกนี้ไล่อยู่ดี
หลังจากคนพวกนี้ป้องกันประตูห้องน้ำไว้แล้ว ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา
จากนั้น ชายสวมชุดสูทสีดำ ปรากฏตัวออกมาจากห้องน้ำหญิง
คนที่กันห้องน้ำไว้ เมื่อเห็นชายคนนี้ ก็รีบพยักหน้าทักทายด้วยความเคารพ
ชายคนนี้ไม่ได้เกิดเรื่อง เพียงแค่โบกมือให้เขาเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำหญิง
ภายในห้องน้ำ วารุณีก็เข้าห้องน้ำเสร็จพอดี กำลังแต่งหน้าอยู่หน้าอ่างล้างมือ
เมื่อได้ยินเสียงเท้าจากด้านหลัง เธอเองก็ไม่ได้หันไปมอง แค่คิดว่ามีคนมาเข้าห้องน้ำ
จนถึงตอนที่ทาลิป จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งโผล่มาตรงกระจก เธอจึงหยุดการกระทำตรงมือเธอทันที มองดูชายในกระจกด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
นิรุตติ์?
ทำไมถึงเป็นนิรุตติ์ได้ล่ะ?
วารุณีตกใจอย่างมาก หลังจากนั้นก็หันหลังกลับไปทันที หันไปทางด้านหลัง
ก็เป็นนิรุตติ์ที่อยู่ตรงนั้นจริงๆ มือสองข้างล้วงกระเป๋า ริมฝีปากบางยกโค้งขึ้น ยิ้มให้เธอ “วารุณี ไม่เจอกันนานเลยนะ เธอสวยขึ้นเรื่อยๆเลยนะ”
นิรุตติ์ชมด้วยเสียงทุ้มต่ำ
คิ้วสวยของวารุณีขมวดใส่กัน ลิปสติกถูกเธอกำไว้แน่น หัวใจเต้นอย่างเร็วแรง เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก
“นายจะทำอะไร?” มือวารุณีเอื้อมไปด้านหลัง คว้าขอบอ่างไว้แน่น มองชายตรงหน้าด้วยความหวาดระแวง ในหัวตีกันไปหมด
เพราะอะไร?
ทำไมคนนี้ถึงอยู่ตรงนี้?
ราวกับนิรุตติ์ไม่ได้เห็นความระวังและความกลัวที่วารุณมีต่อตัวเอง ยิ้มร้ายและก้าวเท้าเข้ามาหาเธอ
วารุณีเห็นท่า ก็รีบยกมือขึ้นมาขวางด้านหน้า แล้วตะโกน “ยืนอยู่ตรงนั้น นายห้ามเข้ามา ได้ยินมั้ย ห้ามเข้ามาใกล้ฉัน!”
แต่ทว่านิรุตติ์ยังคงไม่หยุด หลังจากที่เดินมาถึงตรงหน้าเธอ ก็ปรบมือ ทาบมือลงบนกระจกข้างหลังเธอ และตบลงบนกระจกโดยมีเธออยู่ตรงกลาง
ลึกลับซับซ้อนและทำให้คนตื่นตระหนกแบบนี้ ทำให้วารุณีตื่นตระหนกอย่างมาก หน้าซีดไปหมด ร่างกายก็สั่นขึ้นมา
นัยน์ตานิรุตติ์มองที่เธอ “เธอกำลังกลัวฉันเหรอ?”
วารุณีไม่ตอบ
ไม่กลัวได้ไงล่ะ?
คนๆนี้เป็นคนบ้า สิ่งที่ทำกับเธอเมื่อก่อน เธอจำได้หมด จองจำเธอ ถึงขั้นจะบังคับเธอ
ถึงแม้จะไม่สำเร็จ แต่เรื่องเหล่านี้ยังอยู่ในใจเธอทั้งหมด เป็นเงาในใจเธออย่างรุนแรง จนถึงตอนนี้ เมื่อเธอเห็นเขาก็รู้สึกกลัว
“อย่ากลัวเลย” นิรุตติ์ยื่นมือยกเส้นผมของเธอ แล้วเล่นด้วยปลายนิ้ว สายตาจ้องที่เธอ ราวกับเอาใบหน้าเธอยัดไว้ในใจ สายตาแปลกที่ทำให้คนพูดไม่ออก
“เธออย่าห่วงเลย ที่ฉันมาที่นี่ไม่ได้มาทำร้ายเธอหรอก ฉันแค่จะพาไปที่ที่นึง” เสียงของนิรุตติ์นุ่มนวลขึ้น
แต่วารุณีฟังแล้วกลับขนลุก จ้องมองเขาด้วยความรังเกียจ “หึ นายอย่าแม้แต่จะคิดเลย ฉันไม่ไปกับนายแน่!”
ให้เธอบ้าสิถึงจะไป
เขากับนัทธีมีการดวลปืนกัน นัทธีบอกว่า เขาอาจจะใช้เธอควบคุมนัทธี ดังนั้นเธอไม่ไปกับเขาแน่นอน
นั่นมันเป็นอันตรายต่อนัทธีไม่ใช่เหรอ?
อีกอย่าง เธอต้องหาวิธีติดต่อนัทธี บอกนัทธี นิรุตติ์ปรากฏตัวแล้ว ที่ที่ทำการมอบรางวัล ที่เธอที่นี่
แต่จะติดต่อยังไง ติดต่อยังไง ตอนนี้เธอกลับคิดไม่ตก แต่ก็ไม่อยากให้ตัวเองลน
เธออรู้ ทันทีที่ตื่นตระหนก เธอก็จะยิ่งคิดไม่ออก
“เธอไม่ไปกับฉันก็ไม่เป็นไร ฉันเอาเธอไปก็ได้ ฉันมาที่นี่ แค่อยากจะบอกกับเธอ ไม่ได้ขอให้เธอเห็นด้วย รู้มั้ยวารุณี?” ทันใดนั้นนิรุตติ์ก็เข้ามาใกล้วารุณี ราวกับอยากจะจูบเธอ
วารุณีรีบหันคอหนี หลีกเลี่ยงเขา คิ้วสวยขมวดกัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เมื่อนิรุตติ์เห็นท่า หัวใจก็มืดลง ความเจ็บปวดแวบเข้ามาในสายตา “วารุณี เธอนี่มันไร้น้ำใจจริงๆ ไม่แม้แต่จะไว้หน้ากันเลยนะ รู้ไว้หน่อยนะ บางทีนี่อาจจะเป็น ครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกัน……”
ประโยคข้างหลัง เสียงเขาเบามาก วารุณีฟังไม่ชัด
ตอนนี้ในใจเธอลนไปหมด ในหัวมีแต่ประโยคที่นิรุตติ์บอกว่าจะเอาเธอไป มีอารมณ์ไปฟังประโยคสุดท้ายว่าเขาพูดอะไร
ทำยังไง?
เธอควรทำยังไงดี?
ขอบตาวารุณแดงก่ำ
เธอควรจะนึกออกได้ตั้งนานแล่ว นิรุตติ์ปรากฏตัวขึ้น ต้องการพาเธอไปที่ที่หนึ่ง จะไม่พาเธอไปด้วยตัวเองได้ยังไง
และเธอ ก็ขัดขืนเขาไม่ได้แน่
ดังนั้นครั้งนี้ วารุณีรู้ดี ว่าตัวเองต้องถูกนิรุตติ์เอาตัวไปแน่
แต่ก่อนที่จะเอาไป เธอต้องทำเครื่องหมายไว้ เหลือเบาะแสไว้ให้นัทธี
แต่สิ่งเดียวที่จะทิ้งไว้ได้ ต้องไม่ให้นิรุตติ์สังเกตเห็นได้ ก็เหลือลิปสติกบนมือเท่านั้น
คิดอยู่ วารุณีก็ก้มหน้า ปิดบังแววตาจริงจัง หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เอามือไปข้างหลัง เอาลิปสติกลงอ่างล้างหน้า
มีลิปสติกนี่ทิ้งไว้ นัทธีน่าจะรู้ ว่าเธอถูกเอาตัวไปสินะ?
ยังไงการที่ลิปสติกอยู่ แต่คนไม่อยู่ ก็เป็นเรื่องที่ผิดปกติ!