“นิรุตติ์!” นัทธีกำลิปสติกแน่นราวกับจะหักมันออกเป็นสองท่อน และขบฟันจนเสียงดังกรอด
ลีน่าได้ยินดังนั้นก็รีบถาม “คุณนัทธี คุณหมายความว่าวารุณีถูกนิรุตติ์ลักพาตัวไปหรอ”
นัทธีไม่ตอบ แต่ความหมายนั้นชัดเจนมาก นั่นคือเป็นเหมือนสิ่งที่เธอถาม
มีการต่อสู้กันระหว่างเขากับนิรุตติ์มาตลอด แต่เขาไม่รู้ว่านิรุตติ์จะโจมตีเมื่อไหร่ ดังนั้นเขาจึงคอยระวังอยู่เสมอ
เขายังวางแผนว่าถ้านิรุตติ์ไม่โจมตีสักที เขาจะโจมตีนิรุตติ์ก่อน หลังจากที่พิธีมอบรางวัลของวารุณีสิ้นสุดลง และได้ย้ายเธอไปยังที่ที่ปลอดภัยแล้ว
คาดไม่ถึงว่านิรุตติ์จะลงมือก่อนแถมยังเป็นวันนี้ ช่วงเวลาแบบนี้
ถ้ารู้อย่างนี้เขาคงไม่รีรอ และส่งวารุณีไปที่ปลอดภัยก่อน สำหรับงานประกาศรางวัล เขาสามารถใช้อำนาจเลื่อนงานประกาศรางวัลออกไปได้ไม่มีกำหนด
แต่หลังจากคิดทบทวนอยู่หลายครั้ง เขาก็ไม่ได้ทำในท้ายที่สุด
แต่การตัดสินใจของเขาเองที่ทำให้สถานการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้มากที่สุดเกิดขึ้นกับเขา!
ทันใดนั้นความรู้สึกผิดและการโทษตัวเองก็ประดังประเดเข้าใส่เขา นัทธีหันไปหากำแพงข้างๆและทุบกำปั้นเข้าใส่อย่างรุนแรง
ด้วยแรงมหาศาลทำให้มือของเขาแตก และเลือดไหลออกมาทันที แม้แต่มือของเขาก็ยังสั่นอย่างรุนแรงด้วยความเจ็บปวด
แต่เหมือนเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย ดวงตาสีแดงก่ำพร้อมจะทำลายทุกสิ่ง ซึ่งทำให้ผู้คนที่พบเห็นหวาดกลัว
เขาจะไม่มีวันปล่อยนิรุตติ์ไป เขาจะทำให้นิรุตติ์ตายแน่นอน แน่นอน!
“คุณนัทธี มือของคุณ…” ลีน่ามองมือที่เลือดออกของนัทธี และรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อจะพันแปลให้เขา
แต่นัทธีปฏิเสธ
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
นัทธีใช้มือที่เปื้อนเลือดของเขาดึงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อ และแนบไปที่หูของเขา “ตรวจเจอมั้ย”
“เจอครับคุณนัทธี ผมตรวจสอบกล้องวงจรปิดหลายตัวในสมาคม และก็เห็นนิรุตติ์อุ้มคนออกไปด้วย คนนั้นก็คือนายหญิง” อีกฝ่ายตอบกลับด้วยความเคารพ
“สืบหาต่อไป ติดต่อตำรวจในประเทศนี้ให้หาเบาะแสทั้งหมดที่นิรุตติ์ทิ้งไว้ระหว่างทาง และค้นหาเส้นทางหลบหนีของเขา!” นัทธีสั่งด้วยสีหน้าน่ากลัว
ปลายสายตอบ “ครับ”
“แล้วก็บอกแจ้งพงศกรให้รีบไปที่สมาคมและเรียกทุกคนมา ฉันอยากให้นิรุตติ์ตายโดยไม่มีที่ฝัง” นัทธี ถือโทรศัพท์แน่น น้ำเสียงของเขาเย็นชา
ลีน่าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตัวสั่นไปทั้งตัว
นี่คือนายใหญ่หรอ
แค่ประโยคเดียวทำให้เธอรู้สึกเหมือนจมอยู่ในนรกน้ำแข็ง
น่ากลัวจริงๆ!
หลังจากโทรศัพท์เสร็จ นัทธีก็วางโทรศัพท์ลงแล้วหันไปมองลีน่าซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “พิธีมอบรางวัลวันนี้มีแค่เธอแล้วที่ต้องขึ้นรับ ฉันจะไปทักทายผู้จัดงานทางโน้น แล้วบอกว่าวารุณีไม่สบายกะทันหัน ต้องให้เธอกับไปก่อน ฉะนั้นสำหรับรางวัลของเธอ
รบกวนเธอช่วยรับแทนด้วย และหน้าที่รับหน้าสื่อก็ฝากเธอด้วยเหมือนกัน”
“ไม่ต้องห่วง คุณนัทธี” ลีน่าตบหน้าอกของเธอและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันจัดการได้ จะไม่ให้ใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับวารุณีกันแน่”
นัทธีตอบรับเสียงเบา “หลังจากพิธีมอบรางวัลจบ เธอก็กลับไปกับบอดี้การ์ดที่ฉันทิ้งไว้ให้ อย่าไปไหนคนเดียว ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะโทษฉันไม่ได้นะ”
แม้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความแค้นระหว่างพวกเขากับนิรุตติ์
แต่ผู้หญิงคนนี้สนิทกับพวกเขามาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะรับประกันว่านิรุตติ์จะไม่ดึงเธอเข้ามาด้วย
ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องปกป้องผู้หญิงคนนี้
แต่ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่เชื่อฟังและแกว่งเท้าหาที่ตายเอง ก็ไม่เกี่ยวกับเขา
แน่นอนว่าลีน่ารู้ดีว่าทำไมนัทธีถึงพูดเช่นนี้ จึงตบหน้าอกของเธออย่างรวดเร็ว และพูดรับประกันว่า “ไม่ต้องห่วง ประธานนัทธี ฉันจะฟังคำสั่งของคุณ จะไม่สร้างปัญหาให้คุณ ให้คุณไปใส่ใจเรื่องการช่วยเหลือวารุณีให้เต็มที่”
“ก็ดี” นัทธีหันหลัง และรีบเดินออกไปทันทีหลังพูดจบ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถรักษาความปลอดภัยมากกว่าสิบคันก็มารวมตัวกันที่ลานอันเงียบสงบ ประตูทุกบานเปิดออก พร้อมคนหลายสิบคนลงจากรถ
แต่ละคนสวมชุดที่เหมาะกับการต่อสู้ อาวุธครบครัน ราวกับว่าพวกเขากำลังจะเข้าสู่สนามรบ บรรยากาศน่าตึงเครียด
ที่จริงพวกเขายังไปที่สนามรบ
ตั้งใจสู้ตายกับคนของนิรุตติ์
“นัทธี เกิดอะไรขึ้น” ชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาว ถือกล่องเครื่องมือทางการแพทย์ขนาดใหญ่เดินออกจากฝูงชนมาที่นัทธีด้วยใบหน้าย่ำแย่ “ทำไม นิรุตติ์ถึงปรากฏในห้องงานได้ แถมยังเอาตัววารุณีไปด้วย คุณไม่ได้จัดเตรียมคนไว้ในงานหรือไง ทำไมคนของนิรุตติ์ถึงเข้ามาได้อย่างง่ายดาย”
เขามองไปที่ นัทธี และถาม
นัทธีหลับตาลง “เรื่องนี้เป็นความประมาทของฉันเอง”
เขาไม่คิดว่านิรุตติ์จะเลือกโจมตีวันนี้
ดังนั้นวารุณีจึงถูกนิรุตติ์นำตัวไป จะโทษใครก็ไม่ได้ คนที่สมควรโทษเพียงคนเดียวก็คือเขา
เมื่อเห็นการโทษตนเองของนัทธี พงศกรก็โกรธไม่ลง “เอาล่ะ พูดถึงเรื่องนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร คนถูกนำตัวออกไปแล้ว และตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการช่วยกลับมาให้เร็วที่สุด ก่อนที่นิรุตติ์จะทำร้าย วารุณี อย่าลืมว่าทำไมนิรุตติ์ถึงให้ผมมาช่วยคุณ เขาแค่ต้องการทำร้ายวารุณีเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ในการทำร้ายคุณ”
พงศกรกล่าวอย่างเย็นชา
นัทธีบีบกำมือจนเกิดเสียง “ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ปล่อยให้นิรุตติ์บรรลุจุดประสงค์แน่”
“ผมก็หวังว่าอย่างนั้น” พงศกรตอบอย่างเย็นชา จากนั้นก็มองไปที่ลูกน้องรอบตัวเขา ใบหน้าที่ย่ำแย่ของเขาดีขึ้นเล็กน้อย
คนเยอะขนาดนี้ อาวุธก็เยอะขนาดนี้ นิรุตติ์คงถูกกำจัดได้
พงศกรคิด
ทันใดนั้นบอดี้การ์ดก็เดินเข้ามา “คุณนัทธีนี่คือเส้นทางทั้งหมดที่นิรุตติ์ใช้ลักพาตัวนายหญิงไป เส้นทางทั้งหมดตอนนี้สืบได้ครบแล้ว กลุ่มของนิรุตติ์ยุติการเดินทางต่อแล้ว เค้าหยุดลงที่สถานที่สถานที่หนึ่ง เหมือนรอเปลี่ยนเครื่อง”
“หยุดหรอ” นัทธีหยิบแท็บเล็ตในมือของบอดี้การ์ดตรวจสอบแผนที่
พงศกรก็ยืนดูอยู่ข้างๆเช่นกัน เมื่อเห็นว่านิรุตติ์ หยุดอยู่ที่ใด พงศกรก็ประหลาดใจ “ที่แท้ก็ที่นี่”
“คุณรู้หรอ” นัทธีมองมาที่เขาทันที
พงศกรพยักหน้า “ผมรู้ เขาหงสาเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงในประเทศนี้ เพราะไฟภูเขาลูกนี้เคยระเบิดเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งเกือบจะเผาไหม้ทั้งภูเขา ตอนนี้ภูเขายังไม่ฟื้นตัวมากนัก แถมภูมิประเทศของภูเขานี้ก็แปลก เฮลิคอปเตอร์แทบจะไม่สามารถขึ้นไปได้ ดังนั้นถ้านิรุตติ์จะเปลี่ยนเครื่องในเขาหงสานั้นเป็นไปไม่ได้”
หลังจากที่นัทธีได้ยินคำพูดของเขา เขาก็มองไปที่บอดี้การ์ดทันที
หลังจากรับสายตาแบบนั้น เขาก็รับเอาแท็บเล็ตมาตรวจสอบทันที
ประมาณสองนาทีต่อมา บอดี้การ์ดก็มองพงศกร ด้วยความประหลาดใจ และพูดกับนัทธี “คุณนัทธี คุณพงศกรพูดถูก ภูมิประเทศของเขาหงสานั้นพิเศษ และมันยากสำหรับเฮลิคอปเตอร์ที่จะขึ้นไป เนื่องจากเฮลิคอปเตอร์ขึ้นยาก ไม่สามารถขนส่ง ต้นอ่อนได้ ดังนั้นจึงต้องให้ธรรมชาติฟื้นฟูตัวเอง เท่านั้นที่สามารถฟื้นฟูได้โดยมนุษย์ ดังนั้นระบบนิเวศน์ของเขาหงสาในปัจจุบันจึงฟื้นฟูได้ช้ามาก มิฉะนั้นคงฟื้นฟูขึ้นมาได้มากแล้ว”
“หมายความว่านิรุตติ์ไปที่นั่นไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนเครื่อง แต่ด้วยเหตุผลเฉพาะ เหตุผลอะไร คุณก็ต้องตรวจสอบเอาเองแล้วแหละ” พงศกรขยับแว่นตาของเขา และพูดอีกครั้ง
นัทธีลดเปลือกตาลงเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “นิรุตติ์ กำลังรอฉันอยู่ เขาใช้เขาหงสาเป็นสถานที่ต่อสู้”