เธอสามารถรับประกันได้ว่าตอนนี้มีคนตายอยู่ข้างนอกอย่างแน่นอน
เสียงกรีดร้องเหล่านั้น เสียงของกระสุนถูกยิงทีละนัด ทำให้คนฟังคนหัวลุก ใจสั่นไปหมด
ตอนนี้ สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดคือความปลอดภัยของนัทธี
ไม่รู้ว่าตอนนี้นัทธีจะเป็นอะไรหรือเปล่า
เมื่อฟังข้อกล่าวหาของวารุณี รอยยิ้มของนิรุตติ์ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน “มีคนของฉันแล้วยังไง คนพวกนั้นเอาเงินของฉัน ก็ต้องฟังคำสั่งฉัน ต้องทำทุกอย่างเพื่อฉัน ต้องเอาชีวิตมาให้ฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรแล้วไม่ใช่หรอ แถมพวกเขาก็รู้ดีว่าพวกเขาต้องยอมทิ้งชีวิต พวกเขาต้องตายเท่านั้น คนที่บ้านของพวกเขาถึงจะได้เงิน ที่จริงแล้วพวกเขาก็ยิ้มอยู่”
“นาย…” วารุณีพูดไม่ออกเพราะคำพูดที่เหมือนจะดีของเขา
นิรุตติ์สัมผัสใบหน้าของเธอ “วารุณี เธอว่าตอนนี้นัทธีจะเป็นยังไงบ้าง เขาจะถูกยิงมั้ย เขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว”
คำว่าตายกระตุ้นวารุณีอย่างมาก
เธอมองเขาด้วยดวงตาสีแดงฉาน “หุบปาก ไม่ต้องพูดอะไรออกมาทั้งนั้น นัทธีไม่มีทางตาย เขาจะต้องปลอดภัย มีชีวิตรอด!”
“ไม่แน่นะ การต่อสู้ข้างนอกดุเดือดขนาดนี้ และกระสุนก็ไม่มีตา บางทีเขาอาจจะตายแล้วก็ได้” เสียงของนิรุตติ์ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว
วารุณีตัวสั่น จ้องเขาเขม็ง
นิรุตติ์สัมผัสดวงตาของเธอ และปิดตาของเธอ “วารุณี ฉันไม่ชอบที่เธอมองฉันแบบนี้ ครั้งสุดท้ายที่เราพบกัน เธอใจดีกับฉันหน่อยไม่ได้หรอ เธอทำให้ฉันเสียใจจริงๆ”
วารุณีหันศีรษะอย่างแรง พยายามสะบัดมือออกจากตา
แต่นิรุตติ์กดเธอไว้แน่น ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถกำจัดมันได้เลย
นิรุตติ์มองไปที่วารุณีด้วยอารมณ์มากมายในสายตาของเขา มีความรัก มีอาลัย และปล่อยวาง
ในที่สุดเขาก็ก้มลงจูบที่หลังมือของเขา
แน่นอนว่าสิ่งที่เขาต้องการจะจูบจริงๆคือดวงตาของเธอ
แต่เขารู้ดีว่าถ้าทำอย่างนั้น เธอจะไม่ชอบมัน
เจอกันครั้งสุดท้ายแล้ว เขาไม่อยากให้เธอรังเกียจ
ในขณะนี้ เสียงปืนด้านนอกหยุดลงแล้ว และบรรยากาศก็เงียบลงทันใด
ดูเหมือนว่าจะจบลงแล้ว
ทันทีหลังจากนั้น ม่านเต็นท์ก็ถูกยกขึ้นอีกครั้ง และคนที่เพิ่งเข้ามารายงานก็เข้ามาอีกครั้ง แต่ความแตกต่างคือ ตอนนี้ตัวเขาเต็มไปด้วยเลือด โดยเฉพาะบนไหล่ของเขา มีรูเลือด และเลือดก็ไหลออกมาเรื่อยๆ
มันเกิดจากการถูกยิงด้วยปืน
เมื่อคนคนนี้เข้ามา ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง และร่างกายก็ทรุดโทรมไปทั้งตัว
เขามองไปที่นิรุตติ์ และร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง “ลูกพี่ พวก…พวกเรา…คนของเราไม่มีแล้ว”
ความหมายก็คือ ยกเว้นพวกเขาสองคน คนอื่นตายหมดแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ วารุณีรู้สึกหนาวไปทั้งตัว จึงรีบถามว่า “แล้วนัทธีล่ะ สามีของฉันอยู่ที่ไหน สามีของฉันสบายดีไหม”
แม้ว่าศัตรูอาจจะไม่บอกเธอ แต่เธอก็ยังอยากถาม
เธอต้องการทราบสถานการณ์ของนัทธีโดยเร็วที่สุด
แน่นอนว่าคนที่เข้ามาเพียงแค่เหลือบมองเธอ และไม่สนใจเธอ
นิรุตติ์เอามือออกจากดวงตาของวารุณี จากนั้นก็ก้มลงปลดเชือกที่ผูกเธอติดกับเก้าอี้ออก
เมื่อเป็นอย่างนี้วารุณีจึงสามารถออกจากเก้าอี้ได้ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ เธอไม่ต้องผูกติดกับเก้าอี้อีกต่อไป
จากนั้นนิรุตติ์ก็ก้มลงอีกครั้ง และแก้เชือกที่ผูกไว้ที่ข้อเท้าของเธอออก
วารุณีมองลงไปที่การกระทำของเขา และถามอย่างระมัดระวัง “นิรุตติ์ คุณกำลังทำอะไรอยู่”
เขาจะปล่อยเธอหรอ
เป็นไปได้ยังไง!
งั้นก็มีเพียงคำตอบเดียว เขาต้องการจะพาเธอออกไปข่มขู่นัทธี
สุดท้ายนิรุตติ์ก็จ้องไปที่วารุณีเพื่อจดจำเธอไว้ในใจ ก่อนจะส่งยิ้มให้เธอ
รอยยิ้มนี้ไม่ใช่รอยยิ้มที่ชั่วร้าย ที่เพียงแค่มองก็รู้สึกได้ว่ากำลังวางแผนอะไรบางอย่าง จนทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
แต่รอยยิ้มนี้เป็นรอยยิ้มที่จริงใจของนิรุตติ์โดยปราศจากสิ่งเจือปนหรืออารมณ์อื่นใด
วารุณีดูตกตะลึงเล็กน้อย
เธอเห็นการแสดงออกของนิรุตติ์มาหลากหลายรูปแบบ และทุกการแสดงออกก็ทำให้เธอรู้สึกประหม่า และไม่สบายใจ
แต่คราวนี้เมื่อเห็นนิรุตติ์ยิ้มอย่างหมดจด เธอก็เริ่มไม่ชินกับมัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยิ้มแบบนั้น เหมือนจะมีความหมายพิเศษบางอย่าง
ก่อนที่เธอจะถาม นิรุตติ์ก็ได้เก็บรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแล้ว และเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุดัน
เขาดึงปืนพกออกมาจากเอว ปลดล็อค และจ่อมันไปบนขมับของเธอ
ในขณะนั้น วารุณีรู้สึกเพียงว่าสมองของเธอว่างเปล่า ปากกระบอกปืนเย็นเฉียบราวกับเคียวของยมฑูต ทำให้เธอหวาดกลัวจนตัวแข็งทื่อ
เธอไม่เคยคิดว่านิรุตติ์จะเปลี่ยนใบหน้าของเขาได้อย่างรวดเร็วแบบนี้
ก่อนหน้านี้เค้ายังยิ้มอยู่ ยิ้มด้วยรอยยิ้มจริงใจ และวินาทีต่อมาเขาก็กลายเป็นคนโหดเหี้ยม หยิบปืนออกมาและชี้ตรงมาที่เธอ ตั้งใจคุกคามชีวิตเธอ
คนแบบนี้เป็นปีศาจจริงๆ
เมื่อมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของวารุณี ร่องรอยของความรู้สึกผิดก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของนิรุตติ์ แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว กลับมาเป็นลักษณะชั่วร้ายดังเดิม “วารุณี อย่าโทษฉันเลย เมื่อกี้เธอก็ได้ยินว่าคนของฉันถูกนัทธีฆ่าหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับเขาแค่สองคน เพื่อที่จะพลิกเกม ฉันทำได้แค่ใช้เธอโจมตีนัทธีเท่านั้น ไปกันเถอะ!”
เมื่อพูดจบ เขาก็คว้าวารุณีไว้ กดปลายกระบอกปืนไปที่ขมับของเธอ แล้วเดินออกไปนอกเต็นท์
ข้างนอกคนของนัทธีได้จัดการคนของนิรุตติ์ทั้งหมดแล้ว
แม้ว่าคนของนิรุตติ์จะไม่มีแล้ว แต่คนของนัทธีก็เหลืออยู่ไม่มากเช่นกัน ตอนนี้คนที่เหลืออยู่ไม่กี่คนของเขากำลังหาที่อยู่ของนิรุตติ์และวารุณีตามเต็นท์ต่างๆ
“ประธานนัทธี คุณแน่ใจหรอว่านิรุตติ์อยู่ที่นี่” อีกด้านหนึ่ง พงศกรกำลังพันแผลให้นัทธี และในขณะที่พันผ้าพันแผล เขาก็ถามว่า “เมื่อกี้ต่อสู้กันนานขนาดนั้น นิรุตติ์ก็ไม่ปรากฏตัว บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก แต่นี่คือสิ่งที่เขาทิ้งไว้…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็เห็นใบหน้าของนัทธีเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากในทันใด จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากหิน
เหิดอะไรขึ้น
พงศกรตกตะลึงครู่หนึ่งจากนั้นก็หันไปมอง
เมื่อมองไปเขาก็เห็นนิรุตติ์ปรากฏตัวพร้อมกับ วารุณี
เมื่อเห็นวารุณีที่โดนปืนจ่อหัว ความอำมหิตก็แผ่ออกมาจากตัวนัทธีทันที และมันได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว
เขามองไปที่นิรุตติ์ด้วยตาเดือดดาล “แกรนหาที่ตายหรอ!”
นิรุตติ์มองไปที่ความอาฆาตของนัทธีที่มีต่อเขา แต่ไม่เพียงแต่เขาจะไม่กลัวเท่านั้น เขายังหัวเราะเยาะออกมา “นัทธี ฉันเกรงว่าแกจะพูดผิด มีไพ่ชนะอย่างวารุณีอยู่ในมือ ใครจะอยู่ใครจะตายยังไม่แน่นอนนะ”
“อย่าเอาฉันมาขู่สามีฉัน!” วารุณีตะโกนด้วยความเกลียดชัง
ทันทีที่เธอพูด นิรุตติ์ก็ตีไหล่เธอด้วยศอกของเขา และเตือนอย่างโหดร้ายว่า “อย่าขยับ ถ้าปืนลั่นจะโทษฉันไม่ได้นะ!”
นัยน์ตาของวารุณีหดตัว ไม่กล้าขยับอีกเลยสักนิด
เมื่อเห็นเธอเช่นนี้ หัวใจของนัทธีก็แทบสลายด้วยความเจ็บปวด
เขากำหมัดแน่นแลถจ้องไปที่นิรุตติ์ “ปล่อยเธอไป นี่เป็นเรื่องแค้นระหว่างเราสองคน แต่แกกลับดึงผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา นิรุตติ์ นี่เป็นนิสัยของแกหรอ”
พงศกรไม่ได้พูด แต่จ้องไปที่วารุณี สังเกตร่างกายของเธอว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่
หลังจากที่เห็นว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาที่ยืนอยู่ข้างหลังนัทธีก็พูดเสียงต่ำว่า “วารุณีดูเหมือนจะสบายดีนี่ นิรุตติ์อาจจะไม่ได้ทำอะไรกับเธอในช่วงนั้น แค่มัดเธอไว้”
เมื่อได้ยินว่าวารุณีไม่ได้รับบาดเจ็บ ความกังวลของนัทธีก็เบาบางลง แต่มันก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ยังไงวารุณีก็ยังคงถูกปืนจ่อหัวอยู่