“อะไรนะ” พงศกรตกตะลึง “คุณหมายถึงนิรุตติ์ไม่ได้ตั้งใจจะหนีไปกับวารุณี แต่ต้องการสู้ตายกับคุณบนเขาหงสางั้นหรอ”
นัทธีพยักหน้า “เห็นได้ชัดมากไม่ใช่หรอ ตั้งแต่ตอนที่เขาส่งจดหมายท้าทายมา เขาไม่ได้ตั้งใจจะเล่นเป็นแมวกับหนูกับฉันตลอดเวลา ระหว่างเรา ยังไงก็ต้องมีการต่อสู้กันซึ่งซึ่งหน้า ถ้าเขาจะหายตัวไปทุกครั้งที่ปรากฏตัว แล้วเมื่อไหร่พวกเราจะได้ต่อสู้กันล่ะ”
พงศกรพยักหน้า “นั่นก็สมเหตุสมผล”
“ประการที่สอง นิรุตติ์ไม่ใช่คนโง่ ถ้าเขาต้องการจะลักพาตัววารุณีออกไปจริงๆโดยที่ไม่ให้ฉันจับได้ เขาจะทำลายกล้องวงจรปิดระหว่างทางก่อนที่เขาจะปรากฏตัวในคลับ เพื่อที่เราจะได้จับเส้นทางที่เขาหนีไม่ได้”
“ดังนั้นคุณก็หมายความว่านิรุตติ์จงใจเปิดเผยร่องรอยของเขา และหลอกล่อคุณไปที่เขาหงสา เพื่อต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายกับคุณในเขาหงสางั้นหรอ” พงศกร มองมาที่เขา
“ถูกต้อง” นัทธีตอบรับ
“น่าจะมีการซุ่มโจมตีบนเขาหงสา” พงศกรพูดอีกครั้ง
สีหน้าของนัทธีมืดมน “ถ้านิรุตติ์ไม่ได้ลักพาตัวคนที่ฉันห่วงไป ฉันจะไม่ไปแน่นอน นิรุตติ์รู้เรื่องนี้ และรู้ว่าฉันจะไม่ไปเมื่อรู้ว่ามีกับดัก ดังนั้นเขาถึงได้พาตัวเธอไป มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถรับประกันได้ว่าฉันจะไปอย่างแน่นอน”
วารุณีคือจุดอ่อนของเขา ทุกคนรู้ดี
ไม่น่าแปลกใจที่นิรุตติ์จะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้
แม้ว่านิรุตติ์จะเตรียมกับดักไว้มากมายขนาดไหน เขาก็จะไปหาวารุณี
“จะไปเมื่อไหร่” พงศกรไม่ถามอะไรอีก ถามเพียงแค่ประโยคนี้
นัทธีเหลือบมองเขา “ตอนนี้”
การช่วยชีวิตคนที่รักจะช้าไม่ได้ ยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี
“ตอนนี้ไปก็ดี แต่ผมมีคำแนะนำ” แว่นตาของพงศกรสะท้อนแสง
นัทธีมองมาที่เขา รอคำพูดต่อจากนั้น
พงศกรหรี่ตา “ในเมื่อเขาหงสาไม่สามารถขึ้นไปบนยอดเขาด้วยเฮลิคอปเตอร์ได้โดยตรง แต่ก็สามารถไปถึงตีนเขาได้ คุณสามารถส่งทีมล่วงหน้าไปก่อนเพื่อตรวจสอบว่านิรุตติ์ได้ทิ้งการซุ่มโจมตีไว้ระหว่างทางขึ้นเขาหรือไม่ ถ้ามีทีมที่ล่วงหน้าไปก็สามารถทำลายได้ เราจะได้ไปถึงที่นั่นโดยไร้สิ่งกีดขวาง แบบนี้ไม่เร็วกว่าหรอ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา นัทธีก็เงียบไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมาก
หลังจากนั้นเขาก็สั่งบอดี้การ์ด “ทำตามที่หมอพงศกรบอก นอกจากนี้ให้แอบจัดมือปืนดีๆออกไปคนเดียวโดยขึ้นไปบนภูเขาจากหน้าผา”
“คุณกำลังจะตลบหลังหรอ” พงศกรเข้าใจแผนของนัทธีทันที
นัทธีพูดโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “ถ้ามีโอกาส จะดีกว่าไหมที่จะฆ่าใครสักคนไปเลย”
นิรุตติ์ต้องการต่อสู้กับเขา แต่เขาแค่อยากจะฆ่านิรุตติ์ด้วยวิธีที่เร็วที่สุด
เขาไม่มีเวลาว่างมากนัก มัวแต่เล่นไปเล่นมากับนิรุตติ์ก็มีแต่เสียเวลาเปล่า
“อย่างที่คาดไว้ นี่มันคุณจริงๆนัทธี ทำอะไรตรงไปตรงมา แต่คุณได้ยื่นเรื่องนี้กับทางการในประเทศตัวเองกับประเทศนี้แล้วหรือยัง มิฉะนั้นถ้ามีคนมาตายเพราะคุณ จะจัดการก็คงไม่ง่ายนัก”
“เรื่องแบบนี้คุณไม่จำเป็นต้องเตือนฉัน ขึ้นรถ!” นัทธีไม่มีเวลาคุยกับพงศกร เท้าใหญ่ก้าวเดินไปที่รถด้านหน้า
พงศกรยักไหล่ จากนั้นก็เร่งฝีเท้าเดินตาม
ระหว่างทางไม่มีใครในรถพูดอะไรออกมาสักคำ บรรยากาศกดดันและน่ากลัวมาก
จนกระทั่งมารุตโทรเข้ามาทำลายบรรยากาศทั้งหมด
“ท่านประธาน ผมได้ยินคนที่อยู่ด้านล่างพูดว่านายหญิงถูกนิรุตติ์ลักพาตัวไป จริงไหม” มารุตถามอย่างกังวล
นัทธีไม่ตอบ ความหมายนั้นชัดเจนว่าเป็นความจริง
มารุตกระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง “บ้าจริง ทำไมนิรุตติ์ถึงเลือกที่จะโจมตีในเวลานี้ โชคดีที่เราพานายน้อยสุขใจออกไปในตอนเช้าแล้ว มิฉะนั้นถ้านิรุตติ์ทำอะไรนายน้อยสุขอีกจะทำยังไง”
นายน้อยสุขใจยังเป็นทารก ร่างกายอ่อนแอ หากนิรุตติ์ทำอะไรนายน้อยจริงๆ นายน้อยสุขใจคงไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้แน่
นัทธีไม่สนใจคำพูดของมารุต
ใช่ โชคดีที่สุขใจถูกพาตัวไปในตอนเช้า
นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาสบายใจได้ในตอนนี้
“คุณนัทธี ผมจะรีบไปช่วยเดี๋ยวนี้” มารุตพูดอีกครั้ง
นัทธีส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ต้อง ฉันรู้แล้วว่านิรุตติ์อยู่ที่ไหน และนิรุตติ์ก็รอฉันอยู่เช่นกัน คืนนี้เขาต้องการจะชำระแค้นกับฉัน นายมาตอนนี้ก็ไม่ทัน อยู่ดูแลลูกทั้งสามที่นั่นแหละ ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่านิรุตติ์รู้หรือไม่ว่าฉันเอาลูกทั้งสามไปซ่อนไว้ที่ไหน ถ้าเค้ารู้แล้วสั่งคนมาลักพาตัวลูกไปจะทำยังไง ฉะนั้นฉันต้องการใครสักคนที่จะควบคุมสถานการณ์โดยรวมที่นั่น และคนที่เหมาะสมก็คือนาย”
เมื่อได้ยินนัทธีพูดเช่นนี้ มารุตก็สงบลงทันทีและพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับท่านปะธาน ผมจะปกป้องนายน้อยทั้งสามให้ดี ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
“ฉันเชื่อใจนาย” นัทธีพยักหน้า
มารุตกล่าวอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นท่านประธาน คุณต้องระวังตัว ต้องกลับมาโดยสวัสดิภาพกับนายหญิง”
“อืม” นัทธีตอบ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงสั่ง “อ้อ เรื่องนี้อย่าให้อารัณรู้ เด็กคนนั้นฉลาด แต่เขาก็หุนหันพลันแล่นด้วย ถ้าเขารู้ เขาอาจจะแอบหาทางหนีออกมา อย่าดูถูกว่าเขาเด็ก เขาทำได้”
“ไม่ต้องห่วงท่านประธาน เรื่องนี้ผมรู้ดี ดังนั้นผมเลยไม่ได้บอกนานน้อยอารัณ” มารุตตอบ
“ก็ดี” นัทธีโล่งใจ
เมื่อวางสาย พงศกรก็มองเขาวางโทรศัพท์ลง “เรื่องที่ต้องจัดการก็จัดการไปหมดแล้ว ที่นี่ก็มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการไปต่อสู้กับนิรุตติ์ได้แล้ว”
นิรุตติ์หมดคำจะพูด
เมื่อเห็นใบหน้าที่มืดมนของเขา พงศกรก็หยุดพูดและปิดปากของเขา
ในไม่ช้าก็มาถึงเขาหงสา
นัทธีลงจากรถ ยืนอยู่ที่ตีนเขาแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
ภูเขาลูกนี้เคยถูกไฟไหม้ไปแล้วครั้งหนึ่ง มันทั้งว่างเปล่าและเป็นสีดำ และตอนนี้ก็เป็นเวลากลางคืน ทำให้มันดูมืดมนยิ่งกว่าเดิม มีลมพัดมา และมีเสียงแปลกๆลอยมาด้วย ราวกับว่ามีผี
บอดี้การ์ดคนหนึ่งมาข้างหลังนัทธี และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันบนภูเขา
ทีมล่วงหน้าที่ถูกส่งไปก่อนหน้านี้ทั้งหมดถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บไปมากกว่าครึ่ง
เนื่องจากนิรุตติ์ขึ้นไปบนภูเขาก่อนหน้าพวกเขา และจัดเตรียมทุกอย่างไว้ล่วงหน้า พวกเขาย่อมตกอยู่ในอันตรายหากพวกเขาต้องขึ้นไปบนภูเขา
เมื่อมองดูผู้บาดเจ็บที่กำลังถูกหามออกมา ตาของ นัทธีก็มืดมน เขาสั่งเพียงว่าให้ส่งโรงพยาบาลและให้ค่าชดเชยสองเท่า จากนั้นก็เดินนำไปที่ทางขึ้นภูเขา
ถึงภูเขาจะอันตราย เขาก็ต้องไป ภรรยาของเขายังรอเขามาช่วยอยู่
พงศกรไม่รอช้า เดินตามไปเช่นกัน
เป็นดังคาด ทางขึ้นเขาเต็มไปด้วยอันตราย แม้ว่าทีมล่วงหน้าจะทำลายอันตรายมากมายเหล่านั้นไปแล้ว แต่ก็ยังมีอันตรายรอพวกเขาอยู่มากมาย มีกับดักและอาวุธต่างๆที่เหมือนจะทำให้ทุกคนตายคาที่
ในบางสถานที่ก็ฝังระเบิดเอาไว้ด้วย
และพวกเขาหลายสิบคนก็เหยียบเข้า ทำให้ระเบิดระเบิดทันที แรงระเบิดกระจายไปทุกด้าน เสียงดังไม่หยุด
ถ้าไม่ใช่เพราะนัทธีและพงศกรได้รับการคุ้มกันจากคนจำนวนมาก และอยู่ตรงกลาง ถึงจะไม่ตาย พวกเขาก็คงจะได้รับบาดเจ็บด้วยเหมือนกัน
“เห้ย” เมื่อเห็นว่าคนรอบนอกถูกระเบิดใส่และล้มลงกับพื้น โดยไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตาย พงศกรก็ลุกขึ้นจากพื้น เอาทรายในปากออก แล้วพูดด้วยตาแดงก่ำว่า “ไอ้โรคจิตนิรุตติ์ อาวุธแบบนี้ก็มีด้วย”
นัทธียืนขึ้นข้างๆเขา แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเลอะเทอะ แต่ท่าทางของเขาสงบมาก เขาไม่แปลกใจที่นิรุตติ์ฝังระเบิดเอาไว้ และพูดเบาๆว่า “อย่าลืม นิรุตติ์เคยเป็นคนขององค์กรนั้น”