ท่านประธานที่รัก – บทที่244 รวมตัวกัน

บทที่244 รวมตัวกัน

โย่วอีรู้สึกสายตาที่จ้องมา สังเกตเห็นดวงตาที่จ้องมองไปโทรศัพท์ของเขาเหมือนหมาป่า

เขายิ้มมุมปากและถามอย่างจงใจ

ซู้เฉียวนั่งตัวตรงทันทีและส่ายหัว: “ฉันไม่อยาก”

โย่วอีพูดเสริม: “ปากไม่ตรงกับใจ”

จากนั้นเขาก็ไม่สนใจเธอและเล่นเกมต่อ

เมื่อเวลาผ่านไปซู้เฉียวไม่รู้ว่าเธอต้องนั่งรอจนถึงเมื่อไหร่แต่เปลือกตาที่ควบคุมไม่ได้เริ่มหย่อน

ในที่สุดก็ไม่สามารถควบคุมอาการง่วงนอนได้เอียงศีรษะและนอนลงบนโซฟา

จู่ๆคนที่กำลังเล่นเกมก็หันมามองเธอหลังจากเห็นคนที่เอนกายบนโซฟาหลับอยู่เขาก็เม้มริมฝีปากกระโดดลงจากโซฟาแล้วเดินไปที่ชั้นสอง

ซังหลินจวินกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาและเมื่อโย่วอีเปิดประตูเขาก็เงยหน้าขึ้นและถามว่า “มีอะไร?”

โย่วอีเดินเท้าเปล่าเข้ามา: “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็ครูสอนพิเศษที่พ่อจ้างมาหน่ะสิ”

เมื่อซังหลินจวินได้ยินดังนั้นเขาก็วางเอกสารในมือเก็บของบนโต๊ะและจะเดินลงไป

โย่วอีนั่งบนโต๊ะทำงานของพ่อเขา“ พ่อ ให้เขามาสอนผมเพราะได้ยินเสียงเธอใช่ไหม ถึงแม้ตอนเธอพูดทำเอาผมตกใจ แต่ผมยืนยัน ไม่ใช่พี่เฉียวแน่ หน้าตาไม่เหมือนเลยสักนิด ”

ถึงแม้เธอจะมอบความรู้สึกๆดีๆให้เขาเหมือนเฉินเฉียว

แต่เขาไม่ได้พูดประโยคนี้เพราะเขากลัวว่าเขาจะหักหลังเฉินเฉียวเมื่อเขาพูดออกไป

บนโลกนี้มีคนจำนวนมากลืมเธอไปแล้ว แต่โย่วอีบอกกับตัวเองเสมอ ถึงแม้คนทั้งโลกจะลืมเธอ แต่เขาจะไม่ลืม

ดังนั้นเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่อยู่ข้างล่าง ในใจโย่วอีรู้สึกซับซ้อน

ความรู้สึกดีๆตอนเจอกันครั้งแรง มันทำให้เขากลัวจริงๆ

“นั่งให้มันดีๆ ฉันสอนให้นั่งแบบนี้หรอไง”ซังหลินจวินดึงโย่วอีลงจากโต๊ะหลังจากปล่อยมือเขาก็จัดคอเสื้อของเขาให้เข้าที่และทิ้งประโยคว่า “ฉันจะไม่หาคนมาแทนที่เธอ

แล้วเดินออกไปทางประตู.

โย่วอีตะลึง เขาไม่เข้าใจว่าที่พ่อเขาพูดสักครู่นี้หมายความว่าอะไร

ยังไงซะคำพูดนี้ก็แฝงไปด้วยหลายความหมาย เขาเดาไม่ออกว่าเป็นความหมายไหน

เมื่อซังหลินจวินเดินลงมาจากชั้นสองเขาเห็นคนที่นอนหลับอยู่บนโซฟาเขาเลิกคิ้วและถอนหายใจ

ที่โย่วอีพูดไม่ผิดเลยจริงๆ

ซังหลินจวินไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าตอนแรกที่เขาขอให้ผู้หญิงคนนี้สอนโย่วอีมันเป็นเพราะเสียงของเธอ

เสียงของเธอเหมือนกับเฉินเฉียวทุกประการ

แม้แต่ชื่อก็ยังต่างกันแค่ตัวเดียว

ซู้เฉียว เฉินเฉียว

เขามองไปที่เธอร่างสูงของเขาเดินลงบันไดอย่างไม่เร่งรีบและเมื่อเขาเดินไปที่โซฟาเขาก็ดีนิ้ว

เสียงที่คมชัดทำให้เธอตื่นขึ้นในทันใด

เมื่อซู้เฉียวตื่นขึ้นมาเธองัวเงียเธอจะหลับไปในบ้านของคนแปลกหน้าแบบนี้ได้อย่างไร

เมื่อรู้สึกได้ถึงคนข้างตัวเขาร่างกายของเธอก็ยิ่งแข็งและไม่สามารถขยับได้

“ คุณซู้ เมื่อวานไม่ได้พักผ่อนหรอ”เมื่อเห็นเธอดูเหนื่อยๆซังหลินจวินจึงเดินไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามเธอและพูดอย่างไม่เป็นทางการ

“ ขอโทษค่ะคุณซังฉันไม่ได้ตั้งใจ”ซู้เฉียวลุกขึ้นยืนทันทีขอโทษด้วยความงุนงง

ก่อนที่เธอจะเห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจนเธอก็ก้มศีรษะลงและกล่าวอย่างรู้สึกผิด

“คุณซู้ไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้นคุณเรียนศิลปะ ไม่ใช่ว่าน่าจะผ่อนคลายกว่าคนอื่นหรอกหรอ?”เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

ซู้เฉียวรู้สึกผิดเล็กน้อยในใจความทรงจำในใจของเธอมีเพียงสามปีที่ผ่านมาและเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเคยเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาก่อนหรือไม่

อย่างไรก็ตามเธอได้สติอย่างรวดเร็ว

“พูดตามตรงค่ะคุณซัง ฉันเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ไม่ค่อยเจอผู้คน เลยไม่ค่อยเหมือนคนอื่น”

“ฮ่า ๆ จริงหรอ?”เขาเม้มริมฝีปากและยิ้ม

ซู้เฉียวรู้สึกว่าเสียงหัวเราะของเขาเป็นการเยาะเย้ยเธอ

เธอกลั้นหายใจและเงยหน้าขึ้นพยายามเถียงกับเขา

แต่เมื่อเขาเห็นชายที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นหัวใจเริ่มเต้นแรงดัง “ตึกตึกตึก” อย่างกะทันหัน

เธอไม่เคยพบคนแบบนี้มาก่อน เพียงแค่นั่งตรงนั้นออร่าของเขาแทบทำให้คนหยุดหายใจ

ในบรรยกาศที่เงียบสงบแบบนี้ เสียงหัวใจที่เต้นแรงของเธอยิ่งดังขึ้น

ซู้เฉียวรู้สึกอึดอัดจู่ๆหัวใจดวงนี้ก็ควบคุมไม่ได้

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ก้มหน้าลงและพูดด้วยเสียงเบาๆ: “คุณซัง ในฐานะที่เป็นครูสอนพิเศษ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะนำความรู้ทั้งหมดที่มีสอนลูกของคุณ กรุณาให้้โอกาสฉันด้วยนะคะ ”

ซังหลินจวินหันศีรษะและมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยความมั่นใจในตัวเองที่ไม่มีใครเทียบได้เขายืนขึ้นเดินเข้าไปหาเธอและพูดว่า “รบกวนด้วยนะครับ ครูซู้”

“โย่วอี ยังไม่ลงมาหาครูอีก”เห็นโย่วอีที่ยื่นอยู่ชั้นบน สีหน้าบูดบึ้ง เขาเลยตำหนิให้เดินลงมา

รอจนโย่วอีเดินลงมา เขาจับไหล่แล้วให้พูดกับครูซู้: “ครูซู้ครับ โย่วอีเป็นเด็กฉลาด แต่นิสัยเอาแต่ใจ ถ้าเขาทำให้คุณโกรธ บอกผมได้เลยนะครับ”

ซู้เฉียวตอบรับอย่างดี แต่ในใจคิดว่าน่าจะไม่ใช่

ท้ายที่สุดถ้าเธอตั้งใจฟังสิ่งที่พ่อของเด็กพูด ถ้างั้นเธอก็โง่จริงๆสิ

หลังจากทั้งสามพบกันสักพักซู้เฉียวก็ตรงเข้าไปในห้องที่เตรียมไว้สำหรับการสอนโย่วอี

ซังหลินจวินยังคงต้องจัดการกับเรื่องบริษัท เขาได้ยินสองสามประโยคที่หน้าประตูและเดินออกไป

จนกระทั่งเขาเดินจากไปหัวใจซู้เฉียวก็ผ่อนคลายลง

หลังจากจบการเรียนการสอนของวันนั้นแล้วท้องฟ้าก็มืดลง

ซังอวิ๋นห่อผ้ากันเปื้อนและทำอาหารที่บ้านเขาก็กอดเหมิ้งเหมิ้งและนั่งที่โต๊ะอาหารเย็นและพูดคุยกับเธอ: “เหมิ้งเหมิ้ง พอวันนี้แม่กลับมาแล้วก็เอาอันนี้ให้แม่ดีไหม”

เขาหยิบกล่องสี่เหลี่ยมออกมาจากกระเป๋ากางเกงขนาดที่พอดีมือเล็ก ๆ ของเหมิ้งเหมิ้งถือได้

เหมิ้งเหมิ้งลูบกล่องอย่างอยากรู้อยากเห็นมองไปที่ลุงซังอวิ๋นด้วยปากที่มุ่ยแล้วถามด้วยน้ำเสียง: “ลุงคะ นี่อะไร?”

ซังอวิ๋นลูบผมนุ่ม ๆ ของเธอและพูดด้วยรอยยิ้มในดวงตาของเขา: “นี่คือสิ่งที่สามารถทำให้ลุงซังและแม่อยู่ด้วยกันตลอดไป เหมิ้งเหมิ้งชอบหรือไม่?”

เมื่อได้ยินว่าสิ่งนี้สามารถทำให้ลุงซังและแม่อยู่ด้วยกันตลอดไปเธอก็พยักหน้าโดยไม่หยุด

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

Status: Ongoing

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท