“เรื่องเมื่อวานที่คุยกับเธอไง” ซังอวินยิ้มอย่างอ่อนโยน
พอเห็นซังอวินยิ้มกับเฉินเฉียว รอยยิ้มบนหน้าซังหลินจวินก็หายไป แล้วยืนบังเฉินเฉียวไว้
จากนั้นก็กางมือเชิญ “คุยเรื่องงาน ไปชั้นสองดีกว่า”
ซังอวินพยักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธ
เพราะครั้งนี้เขาเป็นคนเสนอเอง เขาคงไม่ขัดคู่ร่วมธุรกิจหรอก
ครั้งนี้ซังอวินต้องการความช่วยเหลือจากซังหลินจวิน ความจริงตัวเขาเองก็คาดไม่ถึง
คนอื่นเอาแต่พูดว่าเขาเป็นอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ หรือว่าลงทุน แม้แต่เรื่องเกมส์เขาก็ยังเป็นคนที่เสนอไอเดียด้วย
เกมส์เทพเก้าวิมานทำให้เขาภาคภูมิใจมาก แต่ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่เยอะ
เหมือนตอนแรกเขาทุ่มเงินทั้งหมดในนี้ เสียไปกับระบบตอนเริ่มไปเยอะ แล้วยังมีอีกหลายๆที่ต้องเสียเงินอีก
พอระบบเริ่มใหญ่ขึ้นไปพร้อมกับเกมส์ ก็ต้องคอยอัพเดท เลยมีค่าใช้จ่ายตลอด
นอกจากจะพัฒนาเกมส์เพลย์สมจริงแล้ว ในชีวิตจริง ตอนนี้เขานำรายได้ทั้งหมดไปสร้างโลกใบใหม่ในเกมส์แล้ว
นี่เลยทำให้เงินในมือเขาลดน้อยลง
ทำอะไรไม่ได้ เขาเลยต้องหาคนที่เขาเชื่อถือได้แล้วมาลงทุนด้วย
ถ้าเขาปล่อยข่าวว่าเงินลงทุนเกมส์เทพเก้าวิมานไม่พอ คงต้องมีคนมาลงทุนแน่นอน
แต่เขาไม่อยากทำแบบนั้น
เพราะคนพวกนั้นชอบเอาความชอบของตัวเองมายัดเยียดให้เขา
แต่ถ้าคนคนนั้นคือซังหลินจวิน ซังอวินเชื่อว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน
พูดแล้วอาจจะมองโลกแง่ร้าย แต่บนโลกนี้คนสนใจเรื่องเงินมากกว่า เขาเลยต้องคิดให้รอบคอบ
อาจจะเพราเขาไม่เคยจน เลยไม่สนใจเรื่องเงินทอง
ก่อนขึ้นชั้นบน ซังอวินเอาแต่คิดมาก แต่กลับหยุดเพราะคำพูดของซังหลินจวิน
“ซังอวิน ฉันยอมช่วย นอกจากเกมส์เทพเก้าวิมานน่าสนใจแล้ว ที่สำคัญคือ ลูกทั้งสองคนของฉันชอบ ฉันหวังว่านายจะสร้างเกมส์ตามที่นายคิดไว้ ทำให้เต็มที่ก็พอ อย่าทำให้เขาสองคนผิดหวัง”
“ไม่แน่นอน” ซังอวินคิดไม่ถึงว่าซังหลินจวินจะใช้เด็กสองคนนั้นมาให้กำลังใจเขา
ยังดีที่ซังอวินอึ้งไปแค่วิเดียว แล้วดึงสติกลับมาได้ “เกมส์เกมส์นี้ มีหยาดเหงื่อของฉัน ฉันไม่ทำให้มันแย่หรอก”
“งั้นก็ดี ในเมื่อพวกนายอยากรีบเปิดโมเดลใหม่ งั้นแผนงานใหม่ ตัวละคร ฉากความเชื่อมโยง ภาพออกแบบมีหรือยัง?”
พอซังหลินจวินตัดสินใจที่จะลงทุนแล้ว เขาก็หาเวลาว่างไปทำความรู้จักเกมส์นั้น
เพราะเวลาเร่งรีบ ยังทำความเข้าใจไม่ลึกมาก เลยเอ่ยส่วนที่สำคัญก่อน
“เรียบร้อย” ในเมื่อจะร่วมงานกัน ของที่ต้องพกติดตัวพวกนี้ เขาจะไม่เตรียมมาได้ยังไง
ซังอวินหยิบซิงเอกสารออกมาแล้วยื่นให้ซังหลินจวิน “นี้เป็นเกมส์เพลย์ใหม่ เพราะตั้งแต่เริ่มทุกฉากมีเรื่องราวของตัวมันเอง แต่ในฉากพวกนั้นก็มีคนคนหนึ่งทุกฉาก เขานี่แหละเป็นตัวหลักของโมเดลใหม่”
ซังอวินเอาภาพออกแบที่ยังไม่ได้ลงสีออกมา มีแค่เค้าโครงที่นักออกแบบวาดไว้
มองจากงานออกแบบก็มองออกเลยว่า เขาต้องเป็นคนที่หัวแข็งดื้อรั้นแน่นอน
คนแบบนี้ ต้องทะเยอทะยานมาก ให้เขาเป็นตัวหลักครั้งนี้ คงต้องสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจแน่ๆ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตอนที่เห็นโมเดลออกแบบแล้ว ซังหลิจวินอยากเซ็นสัญญากับเขาอย่างไม่ลังเลเลย
ไม่เพียงเท่านี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ซังหลินจวินอยากเล่นเกมส์นี้
“เกมส์ของพวกนายมีGMที่เป็นNPCหรือเปล่า?” ซังหลินจวินถาม
“นายอยาก?” เป็นคนฉลาดเหมือนกัน แค่ซังหลินจวินพูดแบบนี้ ซังอวินก็รู้เลยว่าเขาคิดอะไร
“ใช่ ฉันอยากเป็นGMที่ทำภารกิจเป็นNPC ฉันอยากได้สี่บัญชี ถ้านายตกลง เราเซ็นสัญญาตอนนี้ได้เลย ฉันคิดว่าคงมีฉันคนเดียวที่รับเงื่อนไขของนายได้” ที่ซังหลินจวินเอาสี่บัญชี ก็เพราะจะให้เฉินเฉียวกับลูกทั้งสองคนด้วย
ถึงเหมิงเหมิงยังไม่โต แต่เป็นNPCแอบแฝง มีโอกาสหนึ่งในล้านที่คนอื่นจะรู้
ไม่แน่ ถ้าเจอเหมิงเหมิงที่เป็น NPC เด็กคงจะโตแล้ว
เขารู้มาว่าในเกมส์เทพเก้าวิมานนี้โอกาสเจอ NPCแอบแฝงมีน้อยมาก
ซังอวินเข้าใจเขา เขาก็ไม่ได้ลังเลอะไรแล้วตอบตกลงเลย
“ได้ เดี๋ยวฉันจะเปิดช่องทางพิเศษให้” ซังอวินรู้ว่าเขาต้องให้โยว่อี เฉียวเฉียวกับเหมิงเหมิง
ในสามคนนั้นมีสองคนที่เขาแคร์ เขาก็ต้องยอมทำให้อยู่แล้ว ถึงจะอยู่ในเกมส์ เขาก็อยู่กับเฉียวเฉียวไม่ได้ ในใจเลยไม่โอเค
ตอนนั้นเขาก็เคยคิดที่จะสร้างภารกิจระหว่างขากับเฉียวเฉียว
นั่นเป็นตอนที่อยู่อิตาลี ก่อนที่เขาจะขอแต่งงาน เขาเขียนโมเดลเสร็จแล้วด้วย
แต่ว่าโมเดลนั้น ตอนนี้ปิดผนึกไว้ที่อิตาลี
ก็เหมือนเฉินเฉียว สุดท้ายคนที่เลือก ก็ไม่ใช่เขา
ยังดีที่เขาค่อยๆลืมเธอแล้ว ถึงจะยากมากก็ตาม
ซังหลินจวินกับซังอวินคุยกันนานมาก พอคุยรายละเอียดทุกอย่างเสร็จแล้ว ซังอวินก็เอาสัญญาที่เซ็นเสร็จแล้วลงมา
เฉินเฉียวกับเหมิงเหมิงกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา
พอได้ยินเสียงฝีเท้า เฉินเฉียวก็หันไปมอง เลยเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของซังอวิน
ในใจเลยโล่งอก ดูเหมือนว่าเรื่องจะราบรื่นมาก
ทีแรกเฉินเฉียวยังเป็นห่วง พวกเขาสองคนอยู่ห้องเดียวกัน อาจจะทะเลาะกันก็ได้
ไม่คิดเลนว่าจะเงียบสงบกว่าที่เธอคิด
“จะไปแล้วเหรอ?” เฉินเฉียวยิ้มถาม
“ใช่ คุยงานเรียบร้อยแล้ว ฉันไม่รบกวนครอบครัวเธอกินมื้อเที่ยงแล้วกัน”
พวกเขาคุยกันนานไป ตอนที่ลงมาชั้นล่าง ซังอวินค่อยเห็นว่าเข็มนาฬิกาชี้เลยสิบสองแล้ว
เฉินเฉียวกำลังจะชวนเขากินด้วยกัน ซังหลินจวินก็พูดแทรกก่อนว่า “กินข้าวเที่ยงแล้วค่อยไป ไม่งั้นเดี๋ยวจะหาว่าหยวนเซิ่งไม่มีข้าวให้รองผู้บริหารกิน”
ซังอวินทึ่งกับซังหลินจวินจริงๆ เขายังจำเรื่องนี้ได้
ถ้าเขาไม่พูดถึง ซังอวินคงลืมไปแล้วว่าเขายังมีชื่ออยู่ในหยวนเซิ่ง