“งั้นต้องถามหัวใจเธอเอง”
หลินหย่วนพูดแบบนี้
“หัวใจตัวเอง” ซังเวยสัมผัสหัวใจตัวเองที่เต้นช้าๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แต่ในตอนนี้ เธอก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
“ฉันรู้แล้ว ขอบคุณนะ” ซังเวยยิ้มไร้เดียงสาและมีเสน่ห์ ทำให้ในใจหลินหย่วนมีแสงแดดส่องเข้ามา
ในแววตาหลินหย่วนมีความยินดี
ถึงแม้หลายๆ คนจะหัวเราะเยาะที่เขาตกหลุมรักซังเวย แต่หลินหย่วนก็ไม่เคยหวั่นไหว
เพราะคนพวกนั้นจะรู้ได้อย่างไร ว่าอาเวยของเขาจริงๆ แล้วภายนอกเย่อหยิ่งแต่จริงๆ เป็นเด็กไร้เดียงสา ข้อดีของเธอ แค่เขาเข้าใจคนเดียวก็พอแล้ว
หลังจากเห็นเด็กเดินออกไป เฉินเฉียวก็เดินกลับมา ก็เห็นคนที่กำลังยืนพลอดรักกันอยู่ไม่ไกล มุมปากก็กระตุก ในใจก็แอบพูดว่า โชคดีวันนี้เห็นจนชินแล้ว สามารถเผชิญหน้าได้อย่างใจเย็น
เดินไปอย่างเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เมื่อเฉินเฉียวเดินไปยังที่ที่หลินจวินอยู่ ก็ได้ยินพวกเขาคุยกัน
“หลินจวิน ผ่านไปตั้งนานแล้ว นายควรให้เสี่ยวอวี้ออกมาจากสถานีตำรวจแล้วหรือเปล่า ยังไงเขาก็ยังเป็นเด็กอยู่ อยู่ที่สยดสยองอย่างสถานีตำรวจ ไม่รู้ต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน คนในตระกูลซังเดิมทีก็น้อยอยู่แล้ว ลุงสองของนายก็เหลือแค่เสี่ยวอวี้คนเดียว”
คนที่พูดคือซังเสี่ยน เขาเหมือนเป็นชายชราที่ดี พูดจาเป็นห่วง ใบหน้าก็พยายามโน้มน้าวสุดๆ
ถ้าเขาเป็นห่วงจริงๆ ทำไมตอนซังอวี้ถูกจับเข้าไปในสถานีตำรวจไม่พูดล่ะ รอจนกว่าสถานีตำรวจจะตัดสินคดี ตัดสินทุกอย่างแล้ว เขาก็อยู่มาเกือบปีแล้วค่อยมาพูด
ถึงแม้เฉินเฉียวจะไม่เคยพูดคุยกับลุงสามของหลินจวิน ก็ยังรู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดมันเกินจริง
อีกอย่างหลินจวินเป็นคนเปิดสถานีตำรวจหรือไง อยากปล่อยออกมาเมื่อไรก็ปล่อยได้น่ะ
นี่มันช่างไร้สาระเกินไป
ทั้งสองคนที่รักกันมักคิดคล้ายๆ กัน ตอนแรกซังหลินจวินนั่งโซฟาคนเดียวก็ขมวดคิ้วหัวเราะเยาะ “ลุงสามพูดตลกมาก เด็กเหรอ อายุสามสิบปีแล้วนะ ยังเป็นเด็กอีก ต้องรอให้เขาเจ็ดสิบแปดสิบหรือไง ถึงจะบอกว่าเขาโตแล้วได้ ลุงสาม ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยให้โอกาสเขา ผมเคยให้โอกาสเขาไปหลายครั้งด้วยซ้ำ ไม่งั้นผมก็พาเขาส่งสถานีตำรวจตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาลงมือกับเฉียวเฉียวแล้วสิ”
“แต่ตอนนั้นนายตัดนิ้วเขาด้วยไม่ใช่เหรอ?” ประโยคนี้ของซังเสี่ยนเป็นการเตือนอย่างเห็นได้ชัด
ยังไงแล้วเฉียวเฉียวก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ซังอวี้โดนตัดหนึ่งนิ้ว นี่มันอยุติธรรมเกินไป
ซังหลินจวินเข้าใจความหมายซังเสี่ยนแน่นอน เขารู้สึกไม่มีอะไรต้องแก้ตัว
ยังไงเขาก็เป็นคนส่งเขาเข้าไป ปล่อยให้เขาออกมา มันจะเป็นเรื่องที่ดีได้อย่างไร
เฉินเฉียวเริ่มเห็นว่าบรรยากาศแข็งทื่อ ก็เดินเลี้ยวเข้าไปมุมหนึ่ง ไปที่ห้องเก็บของ
ในห้องเก็บของ ใช้จานใส่พวกขนม เฉินเฉียวถือไปอย่างระมัดระวัง หลังจากวางลงบนโต๊ะกระจก ก็นั่งข้างๆ ซังหลินจวิน “อันนี้เป็นขนมที่เอามาจากต่างประเทศ ทุกคนกินสิคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
แววตาซังเหยามีความอยาก รีบหันหน้าไม่มองมัน ยังไงแล้วช่วงนี้เธอยุ่งกับการลดน้ำหนัก ไม่มองพวกขนมขบเคี้ยวเลยสักนิด
แต่ยี่ห้อที่เฉินเฉียวเอาออกมา เป็นยี่ห้อที่เธอชอบที่สุดตอนที่เธอผอมพอดี
เฉินเฉียวเห็นทุกคนไม่ยอมกิน ก็หยิบกล่องทรงสูงข้างๆ หลังจากเปิดฝา กล่องกลมสามารถถอดแยกได้ทีละชิ้น เฉินเฉียวนำขนมใส่ลงไปในกล่องบางส่วน
จากนั้นก็ส่งให้ทีละคน
ก่อนที่ซังเหยาจะทนไม่ไหว หยิบกระเป๋าแล้วยืนขึ้น พูด “ที่บ้านมีธุระ ฉันจะไม่อยู่นาน หลินจวิน นายหาภรรยาได้ไม่เลวเลยนะ งั้น นี่เป็นของขวัญพบหน้ากันของน้า”
ซังเหยาหยิบการ์ดสีชมพูระยิบระยับด้วยเพชรออกมาจากกระเป๋า ยัดมันใส่มือเฉินเฉียว จากนั้นก็เดินไปโดยไม่หันศีรษะกลับมา
หัวสมองเฉินเฉียวสับสน ไม่เข้าใจเลย ทำไมเธอไปกะทันหัน
ตั้งแต่วันนี้ ซังหลีหย่วนที่ไม่พูดอะไรเลยก็เอ่ยขึ้นมาในตอนนี้ “น้องเล็กก็เป็นแบบนี้ ทุกครั้งที่โวยวายจะลดน้ำหนัก ก็ไม่มองขนมพวกนี้เลย”
เฉินเฉียวได้ยินก็รู้สึกแปลก ถามขึ้นประโยคหนึ่ง “คุณชายซัง ถ้าน้าสี่เห็นแล้วจะเป็นยังไงคะ”
ซังหลีหย่วนได้ยินชื่อเรียกที่เฉินเฉียวเรียกเขา ในใจก็อึดอัดจริงๆ ทำไมเรียกน้องสาวเขาว่าน้าสี่ เรียกน้องชายเขาว่าลุงสาม พอกับเขา กลับเรียกเหมือนชายชราห่างเหิน
ใครจะอยากได้ยินคำว่าคุณชายซัง เป็นคนที่แต่งงานกับลูกชายเขาแล้ว แม้แต่เรียกว่าพ่อก็ยังเรียกไม่ได้
ถึงแม้ในใจซังหลีหย่วนจะมีชีวิตชีวาครึกครื้นมาก เขาก็ไม่ได้เผยออกมา
ยังไงแล้วตอนแรกเขาเกลียดเฉินเฉียวมาก ตอนนี้ยอมรับเธอเร็วแบบนี้ ไม่ได้เป็นการตบหน้าตัวเองเหรอ
ซังหลินจวินเห็นพ่ออึ้งไป เพื่อไม่เฉินเฉียวอึดอัด ก็อธิบายให้เธอฟัง “เฉียวเฉียว ถึงหุ่นของน้าสี่จะบริหารจัดการได้ไม่เลว แต่มันอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เห็นขนม ถ้าน้าสี่เห็นขนม ก็จะทนไม่ไหว ทุกครั้งมีเท่าไรก็กินเท่านั้น กินต่อไปแบบนี้ โดยปกติไขมันในขนมก็มีเยอะมากเป็นพิเศษ แบบนี้ก็จะน้ำหนักไม่ลดแน่ๆ ดังนั้นทุกครั้งที่เธอประกาศว่าจะลดน้ำหนัก ทุกคนก็จะไม่ให้เธอเห็นขนม”
“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง” เฉินเฉียวเข้าใจแล้ว
ในขณะนี้ เฉินเฉียวก็ตอบสนองทันที เมื่อครู่นี้เธอเอาขนมไปวางตรงหน้าน้าสี่ตรงๆ เหมือนเป็นการยื่นมีดให้เธอ ไม่แปลกที่เธอจะหนีไป
หลังจากหัวข้อนี้จบลง บรรยากาศก็เย็นชาขึ้นอีกครั้ง
เพราะวันนี้ซังเสี่ยนมากับซังเวย เพราะภรรยาเขาไม่ได้มากับเขา
พูดตามตรง ซังเสี่ยนฟ้องหย่ากับเจียงฉีนานแล้ว แค่สองสามปีนี้ ยังไม่แยกจากกัน ยังไงแล้วระหว่างพวกเขาก็มีหลายอย่างเกี่ยวข้องกันมากมาย สิทธิในการเลี้ยงดูลูกสาว หุ้นของบริษัท อสังหาริมทรัพย์และร้านค้าพวกนี้ ต้องตั้งใจวางแผนให้ดี
เพราะในมือเจียงฉีมีหลักฐานหนาแน่น อำนาจเธอจึงมากพอ
ในทางกลับกันซังเสี่ยน ตอนแรกเขาเดินมาถึงตำแหน่งในวันนี้ พูดตามตรงแล้วก็มาจากภูมิหลังครอบครัวร่ำรวยของภรรยาเขา
ถ้าหย่ากันจริงๆ เขาจะเสียเปรียบเยอะมากกว่าในตอนนี้
อย่างน้อยที่สุดคอนเน็กชั่นที่สะสมของพ่อตาก็จะพังพินาศลง
ดังนั้นไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องยืดเยื้อต่อไป
และเพราะเรื่องนี้ ตอนนี้เขาไม่ได้อดทนกับบริษัทเหมือนกับแต่ก่อน
ซังเสี่ยนกระแอมไอเบาๆ ยืนขึ้นมาแล้วพูด “ในเมื่อน้องเล็กไปแล้ว ฉันก็จะไปกับเธอแล้วกัน เฉินเฉียว นี่ลุงสามให้เธอ รับไว้นะ เอาล่ะ ฉันไปก่อนนะ ถ้าเสี่ยวเวยอยากอยู่ต่ออีกหน่อย ก็อยู่ต่ออีกสักพัก ยังไงแล้วผู้หญิงท้องก็อย่าไปไหนมาไหนบ่อยๆ”
แน่ๆ ว่าควรเลือกอย่างไร
เอาน้ำร้อนวางในมือเธอ หลังจากเธอถือไว้แล้ว ก็พูดประโยคหนึ่งที่ลึกลับมาก