ในใจเฉินเฉียวสั่น มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี เธอพยายามควบคุมใจที่ลนลาน แล้วเอ่ยถามอย่างใจเย็น “หลังจากนั้นล่ะ? เธอไปหรือเปล่า?”
คำถามของเฉินเฉียวไม่ได้ทำให้เฉียวยวี่หมินตกใจ ท่านมองเฉินเฉียวแล้วยิ้มอย่างขมขื่น “ถึงเธอไม่อยากไปมากแค่ไหนแล้วยังไง เธออดทนอยู่ในบ้านนั้นไม่ได้แล้ว เธอเคยคิดที่จะพาลูกไปด้วยกัน แต่ตอนที่เธอแอบถามลูกว่าอยากไปอยู่กับแม่หรือเปล่า แต่ลูกสาวเธอกลับอยากอยู่กับพ่อแม่ด้วยกันทั้งสองคน”
“เพราะฉะนั้น เธอเลยไป” เฉินเฉียวที่ได้ผลสรุปแบบนี้กลับดูใจเย็นแปลกๆ
ทั้งๆที่เป็นนิทานทั่วไป ในทีวีมีเหตุการณ์แบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน
แต่เฉินเฉียวกลับรู้สึกว่านิทานเรื่องนี้เธอรู้สึกคุ้นเคย เหมือนเธอผ่านมาด้วยตัวเองอย่างนั้น
ในใจเฉียวยวี่หมินรู้สึกผิด แต่ความจริงเป็นแบบนั้น ท่านเลยพยักหน้าตอบ “ใช่”
ใบหน้าเฉินเฉียวเย็นชา แต่สายตากลับครุ่นคิด
ผ่านไปไม่กี่นาที เธอเลยถามอีกว่า “หนูโดนทิ้งตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เฉินเฉียวพูดแบบนี้ก็เหมือนกำลังบอกว่าเธอรู้แล้ว
แต่ว่าก่อนที่เฉินเฉียวจะถาม เฉียวยวี่หมินเตรียมใจไว้แล้ว
“ห้าขวบครึ่ง” เฉียวยวี่หมินบอกอายุตอนที่ท่านทิ้งเฉินเฉียว
อาจจะเพราะปล่อยวางเรื่องนี้ไม่ได้สักที ท่านเลยจำได้ดีว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ห้าขวบครึ่ง เรียนประถมพอดี” ตอนนั้นเด็กคงจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ก่อนเธอคงจำคนตรงหน้าไม่ได้
ถ้าไม่ใช่ฉยงฉยงที่เห็นเคยรูปเก่าๆของเธอ ก็คงไม่รู้สึกคุ้นหน้าคนตรงหน้า
บางครั้ง เฉินเฉียวก็แปลกใจ ทั้งๆที่ได้ยินว่าเธอคบกับซังหลินจวินนานแล้ว แต่ของที่เกี่ยวกับเธอหรือรูปถ่ายกลับไม่เคยเห็นเลย
เขาอาจจะกังวลว่าถ้าเธอเห็นรูปแต่ก่อนที่หน้าตาไม่เหมืนตอนนี้อาจจะคิดมาก หรือว่ารูปพวกนั้นเขาเก็บไปตั้งแต่ที่เธอเกิดเรื่อง แต่ไม่ว่ายังไง ร่องรอยของเธอคงหลงเหลือแค่กับคนที่รู้จักเธอ
นอกจากนั้น ไม่เหลืออะไรเลย
เพราะไม่มีความทรงจำเลย ถึงจะแน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าเป็นแม่ แต่เฉินเฉียวกลับดูนิ่ง ไม่มีความตื่นเต้นเพราะรู้ว่าแม่แท้ๆเป็นใครเลย
เฉินเฉียวไม่รู้ว่าถ้าเธอหาแม่เจอก่อนที่จะความจำเสื่อม จะเผชิญหน้ากับท่านยังไง
ดีใจจนร้องไห้แล้วคิดถึงอดีตหรือว่าโกรธเกลียดกันแน่
เฉินเฉียวรู้สึกว่ายังดีที่เธอยังจำอะไรไม่ได้ ตอนนี้เธอเลยปล่อยไปตามธรรมชาติ
เฉินเฉียวเป็นฝ่ายที่ก้าวเดินไปทางจิ้งหย่วนก่อน แล้วเอ่ยเสียงเบากับคนข้างหลัง “คุณหญิง หนูคิดว่าไม่ว่าตอนนี้เราจะเป็นอะไรกัน แต่ตอนนี้เรามีชีวิตเป็นของตัวเอง หนูคิดว่าคุณก็คงไม่อยากให้หนูไปรบกวนชีวิตของคุณ เพราะฉะนั้นอีกหน่อยเราก็ปล่อยให้เป็นไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็นดีกว่า”
จนกระทั่งเฉินเฉียวเดินไปไกลแล้ว เฉียวยวี่หมินค่อยเช็ดน้ำตาแล้วเอ่ย “เข้าใจ”
พอเฉินเฉียวกับเฉียวยวี่หมินกลับเข้าไปข้างในแล้ว ค่อยเห็นว่าคุณหญิงไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิมแล้ว
เฉินเฉียวเดินไปถามซังหลินจวิน “คุณแม่ไปไหนแล้วล่ะ กลับแล้วเหรอ”
ซังหลินจวินจับมือเธอให้นั่งลงแล้วเอ่ย “เปล่า แม่บอกว่าเหนื่อยแล้ว ฉันเลยให้แม่ไปพักที่ห้องก่อน”
“อ่อ” เฉินเฉียวนึกถึงโรคของคุณหญิง เลยรู้สึกว่าคุณหญิงควรพักผ่อนเยอะๆ เลยไม่ได้ถามอะไรอีก
ถึงแม้ซังหลีหย่วนยังไม่อยากกลับไป แต่เพราะครั้งนี้ท่านพาเฉียวยวี่หมินมาด้วย จึงแค่นั่งไปอีกสักพักแล้วพาเฉียวยวี่หมินกลับไปพร้อมกัน
มองส่งรถพวกท่านไปไกลแล้ว เฉินเฉียวยืนอยู่หน้าประตู เหมือนเหม่อไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
ซังหลินจวินเม้มปาก นึกถึงตอนที่เฉินเฉียวออกไปพร้อมกับผู้หญิงคนนั้นสองคน ในใจเลยอึดอัด เขากำมือไว้แน่น ห้ามความอยากรู้ในใจไม่ได้แล้วเอ่ยถาม “เฉียวเฉียว เธอรู้หมดแล้วใช่ไหม”
“รู้อะไรเหรอ?” ทีแรกเฉินเฉียวยังดึงสติกลับมาไม่ได้ แต่จากนั้นก็รู้เลยว่าคืออะไร
จึงหันไปแล้วถามอย่างประหลาดใจ “นายรู้หมดแล้วใช่ไหม”
ซังหลินจวินเห็นหน้าประตูที่ไม่มีใคร ถึงจะรู้ว่าในบ้านไม่มีคนอื่น แต่ก็พาเฉินเฉียวกลับไปข้างใน เฉินเฉียวก็เดินไปตามเขา
รอทั้งสองคนเข้าไปในห้องแล้ว เฉินเฉียวค่อยดึงมือกลับมาแล้วนั่งลงบนเตียง เงยหน้าถามซังหลินจวิน “นายว่ามาสิ”
ซังหลินจวินเห็นในสายตาเฉินเฉียวมีความสงสัย แต่ก็หักห้ามไว้ไม่จี้ถามเขา ในใจเลยไม่อยากปิดบังเธออีก “นานแล้ว ตอนที่คลอดโยว่อี ฉันค่อยรู้ว่าเธอเป็นลูกเขา ความสัมพันธ์ของแม่ฉันกับเขา เฉียวเฉียวเธอก็รู้ แต่ก่อนฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา แค่คิดว่าเป็นคนแปลกหน้า จนกระทั่งรู้ว่าเขาเป็นแม่เธอ”
เขาเม้มปาก เหมือนไม่ค่อยอยากพูดคำนี้
เพราะในสายตาเขา เฉียวยวี่หมินทำหน้าที่แม่ได้ไม่ดี เพราะความสุขของตัวเองแล้วทอดทิ้งลูกในไส้
ถ้าเด็กคนนั้นไม่ใช่เฉินเฉียว ซังหลินจวินก็คงไม่ยุ่งเรื่องนี้ แต่คนคนนั้นกลับเป็นคนที่เขารักที่สุด
แค่นึกถึงตอนเฉียวเฉียวยังเด็ก ก็โดนแม่ทอดทิ้ง พ่อไม่ชอบเธอ คิดว่าเธอไม่มีตัวตน แต่แม่เลี้ยงกลับรังแกเธอสารพัดอีก
ซังหลินจวินเลยควบคุมความโมโหไม่ได้
กับคนที่เคยรังแกเฉินเฉียว เขารู้สึกว่าผลกรรมตอนนี้ของพวกเขายังไม่สาแก่ใจ
“ตอนที่ฉันยังมีความทรงจำ นายเคยบอกฉันหรือเปล่า?” อยู่ๆเฉินเฉียวก็ถามซังหลินจวินอย่างไม่ทันตั้งตัว
ซังหลินจวินไม่คิดเลยว่าเฉินเฉียวจะถามแบบนี้ ถึงจะรู้ว่าคำตอบจะทำให้เขาดูแย่ แต่ก็ยังส่ายหน้า “ไม่เคย ฉันไม่เคยบอก”
“ทำไมไม่บอกล่ะ” เฉินเฉียวไม่เข้าใจ เธอคิดว่าแต่ก่อนพวกเขาไม่มีเรื่องที่ปิดบังกัน เพราะซังหลินจวินไม่เคยปิดบังอะไรเธอเลย ถึงเป็นเรื่องที่เธอไม่รู้ เขาก็จะเป็นฝ่ายบอกเอง
เขาไม่เคยทำให้เธอเข้าใจผิดเลย
“เฉียวเฉียว เธอคิดดูสิ เขาเป็นอะไรกับเถ้าแก่ ถ้าเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับเขา แล้วเราจะทำยังไง”