Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1592

ตอนที่ 1592
ตอนที่ 1592 โอสถสุริยันจักรวาล

การผสานรวมเพื่อขึ้นรูปโอสถนับเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการหลอมกลั่นโอสถ!

กล่าวได้ว่าเสมือนกับ ชักพาสายน้ำนับหมื่นสายให้บรรจบกลายเป็นธารน้ำใหญ่

สุ่มเสียงเย็นของเย่หยวนประดุจคมมีดสับ บริเวณจุดบรรจบของสายน้ำเหล่านั้น

รสชาติชนิดแบบนี้ประดุจขัดขากันอย่างแรง

สีหน้าผู้อาวุโสใหญ่พลันแปรเปลี่ยน น้ำเสียงเอ่ยกล่าวเยือกเย็นยิ่งยวด

“เย่หยวน! เจ้าหมายความอย่างไร?”

เย่หยวนเอ่ยกล่าวแสดงท่าทีไร้เดียงสาโต้ตอบ

“ข้าทำอะไรงั้นรึ? โอ้ พอดีข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายคอเล็กน้อย จึงกระแอมเค้นเสียงออกมา หรือตอนนี้เองผู้อาวุโสใหญ่เองก็รู้สึกไม่ค่อยสบายคอนัก?”

“เจ้า!”

หรงซูโกรธเกรี้ยวจัดจนใบหน้ามืดทมิฬลง แต่ความจริงแล้ว เขากลับมิอาจเสาะหาถ้อยคำใดมาหักล้างได้เลย

เหล่าผู้อาวุโสที่เหลือกลั้นขำจนหน้าแดงก่ำ เย่หยวนคนนี้ช่างปั่นประสาทเกินไปจริงๆ

แต่เรื่องนี้ ผู้อาวุโสใหญ่ไปปฏิบัติตามกฎก่อน ไม่มีใครสามารถกล่าวโทษได้

แม้วาจาของเย่หยวนจะมิได้ถึงขั้นทำให้ซงฉีหยางเสียสมาธิทั้งหมดไป แต่อย่างไรก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพโอสถอย่างยิ่ง

“เกิดอะไรขึ้นกับข้า? หรือเป็นไปได้ไหมว่าข้ากระทำอันใดผิดไป? ถึงทำให้ผู้อาวุโสใหญ่บันดาลโทสะปานนี้?”

เย่หยวนเอ่ยกล่าวพร้อมสีหน้าไร้เดียงสาดูไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ใดๆ

สีหน้าของหรงซูดูมืดทมิฬลงอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะเดียวกัน เขาปริปากเค้นเสียงขรึมยิ่งว่า

“ผู้อาวุโสเย่ เจ้าเก่งมาก! เก่งมากจริงๆ! คล้อยหลังจากนี้ เราจะได้เห็นกันเสียทีว่า เจ้าจะมีความสามารถแกร่งกล้าปานใด!”

เย่หยวนยิ้ม กล่าวตอบว่า

“ได้รับคำชี้แนะจากผู้อาวุโสใหญ่ทั้งที โอกาสเช่นนี้มิได้มีมาอยู่บ่อยครั้ง เราผู้อาวุโสยินดีเป็นอย่างยิ่ง”

ท่ามกลางบรรยากาศอันเย็นสะท้านปะทะคารมปานนี้ โอสถของศิษย์ทุกคนก็ถูกหลอมกลั่นกันเสร็จสมบูรณ์

เหล่าศิษย์ที่ผ่านเข้าถึงรอบสามสิบคนสุดท้ายได้ จุดแข็งของพวกเขาล้วนโดดเด่นอย่างยิ่ง

แม้ว่าโอสถจิตสวรรค์วชิระพิโรธจะหลอมกลั่นยากเข็ญ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถหลอมกลั่นได้เลย

“เปิดหม้อหลอม! เหล่าผู้อาวุโสโปรดตรวจสอบเม็ดโอสถ!”

ผู้ดดูแลที่เป็นกรรมการเอ่ยกล่าวเสียงดังฟังชัด

ทุกคนต่างเปิดหม้อหลอมของตนออกมา โอสถเม็ดแล้วเม็ดเล่าบินเหินออกมา

เมื่อหนิงซื่ออวี๋เห็นโอสถจิตสวรรค์วชิระพิโรธของตน นางก็อดดีใจมิได้

นางทำได้จริงๆ!

ขั้นสูงสุด!

เพียงอีกก้าวเดียวก็สามารถทะลวงขึ้นเป็นขั้นยอดเยี่ยมได้!

กลุ่มผู้อาวุโสเดินลงมาจากบนอัฒจันทร์สูง เมื่อเห็นโอสถสีแดงทับทิมเป็นประกายของหนิงซื่ออวี๋ ชั่วขณะทันที ทุกคนอดตื่นตะลึงมิได้

พวกเขาหรือจะคาดหวังว่าหนิงซื่ออวี๋จักสามารถหลอมกลั่นได้ถึงขั้นสูงสุด?

“ดูเหมือนว่ารอบนี้จะค่อนข้างชัดเจนมากแล้ว หนิงซื่ออวี่คว้าอันดับหนึ่งในบรรดาทั้งสามสิบคน!”

ผู้อาวุโสกล่าวขึ้น

เหล่าผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งต่างแห่เข้ามาแสดงความยินดีต่อหน้าซวนอี้

“ผู้อาวุโสรองขอแสดงความยินดีด้วย! หนึ่งในสิบสิทธิ์ที่จะเข้ารับตำแหน่งในหอโอสถครั้งนี้ เป็นของศิษย์เชื้อสายท่านแล้ว! นี่นับว่าน่าทึ่งโดยแท้!”

ขณะเดียวกัน ซวนอี้คลี่ยิ้มกล่าวหันมากล่าวว่า

“แค่โชคดีเท่านั้น ทั้งหมดต้องขอบคุณผู้อาวุโสเย่เป็นอย่างยิ่ง!”

ซวนอี้ย่อมรู้สึกยินดีปรีใจเป็นธรรมชาติ แต่เขาก็ทราบดี ทั้งหมดเป็นความดีความชอบของเย่หยวน และมิได้เกี่ยวข้องกับตัวเขาเลย

หลายปีมานี้ถูกผู้อาวุโสใหญ่กดขี่รังแกมาโดยตลอด ในที่สุดวันนี้ก็ได้ระบายความในใจออกมาจนหมดสิ้น

ผู้อาวุโสใหญ่เดินลงมาตรวจดูโอสถของทุกคนเพียงเที่ยวเดียว และขึ้นกลับไปยังอัฒจันทร์สูงในทันที เขายังมีหน้ายืนอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร?

เสียงอุทานของเย่หยวนที่ดังขึ้นชั่วขณะ ทำให้โอสถของซ่งฉีหยางกลายมาเป็นขั้นต่ำ

แล้วโอสถขั้นต่ำจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะติดสิบอันดับแรกได้อย่างไร?

ซ่งฉีหยางยามนี้ หายไปไหนไม่ทราบ เขาเองก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป

วันนี้เขาเสียหน้าโดยสมบูรณ์

หลังจากผ่านไป หนึ่งชั่วยามเต็ม ลวี่อี้ และ ติงซุนเองก็ได้รับสิทธิ์เข้าสู่หอโอสถได้สำเร็จเช่นกัน

เมื่องานประลองจบลง หรงซูลุกขึ้นพรวดสุดเหลืออด คำรามเสียงเย็นว่า

“ผู้อาวุโสเย่ ถึงตาพวกเราแล้ว!”

เย่หยวนค่อยๆลุกขึ้นกิริยาแสนใจเย็น ยิ้มกล่าวว่า

“ผู้อาวุโสใหญ่ดูตื่นเต้นเสียจริง ระวังส่งผลกระทบต่อสมาธิของท่านเอาได้”

หรงซูเค้นเสียงเย็นตะคอกดังลั่น

“ไม่ต้องแส่กังวลแทนข้า! วันนี้เราชายชราจักสั่งสอนเจ้าเองว่า ตำแหน่งผู้อาวุโสใช่ว่าใครจะเป็นก็ได้”

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ผู้อาวุโสใหญ่ เช่นนั้นประลองอย่างไรดี?”

หรงซูกล่าวเสียงเย็นตอบ

“เดี๋ยวหาว่าเราชายชรากำลังกลั่นแกล้งเจ้า โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามชนิดใดก็ได้ เจ้าเลือกตามใจอิสระ!”

สุดท้ายนี้ผู้อาวุโสยังคงกังวลเรื่องภาพพจน์ตนเองเป็นที่สุด และไม่ต้องการเป็นที่ครหาว่าตนกลั่นแกล้งผู้เยาว์ดังนั้นแล้ว เขาจึงให้เย่หยวนเลือกชนิดโอสถเอง

ในมุมมองของเขา ไม่ว่าจะเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามชนิดใด เขาก็ไม่มีปัญหา สามารถบดขยี้เย่หยวนได้สบายเขาเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่แห่งหอโอสถ ซึ่งเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาว มีหรือจะพ่ายให้แก่จอมเทพโอสถสามดาว?

แม้ว่าเย่หยวนจะแตกต่างจากคนอื่นๆอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเพียงจอมเทพโอสถสามดาว ในมุมนี้หรงซูมั่นใจเต็มเปี่ยม

เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวว่า

“ผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนใจกว้างโดยแท้ แล้ว…ข้าจะเลือกโอสถชนิดใดดี?”

หรงซูตะคอกสวนเสียงเย็นตอบกลับไปว่า

“เจ้าก็รีบเลือกมา! เราชายชราอาวุโสกว่าเจ้า หรือเป็นไปได้หรือไม่ที่ยังต้องลดตัวกลั่นแกล้งเจ้า? อย่าลืมไปเสีย เจ้ายังเป็นแค่จอมเทพโอสถสามดาว หรือต้องการให้คนทั้งเมืองเย้ยหยันข้า?”

เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า

“ผู้อาวุโสรอง ข้าสงสัยเสียจริงว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามชนิดใดที่ผู้อาวุโสใหญ่เชี่ยวชาญที่สุด?”

ซวนอี้เข้าใจความหมายในคำกล่าวทันที ยิ้มตอบไปว่า

“โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามที่ผู้อาวุโสใหญ่เชี่ยวชาญที่สุด มีมากมายเกินชี้แจง แต่หากกล่าวว่าผลงานใดที่เขาเคยสร้างไว้และตราตรึงที่สุดคงเป็น โอสถสุริยันจักรวาล โอสถเม็ดนี้สามารถหลอมสร้างขุมกำลังระดับชั้นราชันพระเจ้าขึ้นได้เป็นกองทัพได้เชียว!”

เย่หยวนเลิกคิ้วมองไปที่หรงซู เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย

ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า หรงซูจะเชี่ยวชาญในเรื่องโอสถสุริยันจักรวาลที่สุด!

โอสถสุริยันจักรวาลชนิดนี้ หาใช่โอสถทั่วไป แต่เป็นโอสถที่ช่วยให้ราชันพระเจ้าครึ่งขั้นหรือบรรพชนพระเจ้าขั้นสุด เปิดขอบเขตกว้างไพศาลทั่วฟ้าด ขยายโลกทัศน์ให้กว้างใหญ่ยิ่งขึ้นหลายเท่าตัว

ไม่มีโอสถชนิดใดที่ช่วยให้เหล่าเซียนทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้โดยตรง แต่โอสถสุริยันจักรวาลจะช่วยเพิ่มโอกาสในการบรรลุของเหล่าเซียน ให้ก้าวข้ามขีดจำกัดได้ง่ายขึ้น

โอสถชนิดนี้กล่าวได้ว่าหายากมาก

ไม่จำต้องคำนึงถึงวัตถุดิบที่ใช้หลอมกลั่นว่าหายากปานใด แต่มันยังต้องการฝีมือการหลอมกลั่นระดับวิปลาสขั้นสุด

แม้แต่จอมเทพโอสถสี่ดาวหลายคนยังไม่สามารถหลอมกลั่นโอสถชนิดนี้ได้

ส่วนจอมเทพโอสถสามดาว ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนเลยว่าสามารถหลอมกลั่นกันได้

ระดับชั้นอย่างหรงซูและซวนอี้ย่อมสามารถหลอมกลั่นได้โดยธรรมชาติ แต่กลับเป็นหรงซูที่เชี่ยวชาญกว่าในตัวโอสถชนิดนี้

ทันทีที่หรงซูได้ยินแบบนั้น เขาก็กลืนความโกรธลงท้องทันใด สีหน้าดูหยอกเย้าคลี่ยิ้มเย้ยหยันขึ้นว่า

“หุหุ ยังหนุ่มยังแน่นอย่าพึ่งใจร้อนเกินไป! เจ้าคิดจะใช้โอสถที่ข้าเชี่ยวชาญที่สุดเพื่อต่อกร? ข้าขอชื่นชมในความคิดนี้ แต่เจ้า…ยังอ่อนแอเกินไป!”

ความหมายของหรงซูคือ หากเลือกโอสถชนิดนี้ใช้แข่งจริง นี่ไม่เท่ากับว่าตบหน้าตนเองหรอกรึ?

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า เย่หยวนต้องการประลองโดยใช้โอสถชนิดที่เขาถนัดที่สุด?

อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงกลับไม่เป็นไปตามที่หวังเสมอไป!

เขาไม่คิดเลยว่า เย่หยวนจะกล้าตบปากตกลงโดยใช้โอสถสุริยันจักรวาลในการประลอง เพราะสุดท้ายนี้ มันหาใช่โอสถที่จอมเทพโอสถระดับสามจะสามารถหลอมกลั่นได้!

ผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างเผยสีหน้าดูถูกดูแคลน รู้สึกว่าเย่หยวนคนนี้โอ้อวดเกินไป

“ผู้อาวุโสเย่คนนี้ ยิ่งข้ามองเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกไม่น่าเชื่อถือมากเท่านั้น”

“ถูกต้อง จะบอกว่าหนิงซื่ออวี๋ได้รับคำชี้แนะจากเขาเลยเก่งขึ้นทันตา? ข้าไม่มีทางเชื่อจนวันตาย!”

“เด็กน้อยไร้ซึ่งพละกำลัง กลับไม่รู้จักความยิ่งใหญ่ของฟ้าดิน โอสถสุริยันจักรวาลหรือจะหลอมกลั่นได้?”

เย่หยวนเพียงยิ้มตอบและกล่าวกับซวนอี้ว่า

“ผู้อาวุโสรอง ข้าประลองกับเขาด้วยโอสถชนิดนี้ดีหรือไม่?”

ซวนอี้ยิ้มตอบ

“นี่เป็นการประลองของเจ้า ตัดสินใจเอาเองได้เลย”

เย่หยวนพยักหน้าและหันมากล่าวกับหรงซูว่า

“ผู้อาวุโสใหญ่ อย่าตำหนิว่าข้ามิให้โอกาสท่าน เช่นนั้นประลองด้วยโอสถสุริยันจักรวาล!”

“อะไรกัน?! เขาคิดจะประลองด้วยโอสถสุริยันจักรวาลจริงๆน่ะรึ?”

“นี่มันเรื่องตลกอันใด? เด็กนี่มันจงใจก่อกวนสร้างปัญหาใช่ไหม?”

“จอมเทพโอสถสามดาวน่ะรึหลอมกลั่นโอสถสุริยันจักรวาล? เด็กนี่มันปัญญาอ่อนรึเปล่า?”

ประโยคเดียวของเย่หยวน ทำเอาเหล่าผู้อาวุโสระเบิดความโกลาหลออกมาทันใด

…………………………………

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Status: Ongoing
จักรพรรดิโอสถแห่งยุคได้ถูกก่อกบฏโดยผู้ทรยศ
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา…แผ่นดินไร้ซึ่งนาม ฉิงหยุนซี และผู้ได้รับ แพรไหมหมื่นปี ก่อนที่จะสิ้นชีพลง….
กาลเวลาผ่านไป…เขาได้กลับมาอีกครั้ง ขณะที่ร่างกายเจ้าของคนเก่ากำลังเดินเล่นอยู่ใน สำนัก…
ข้าจะทลายสวรรค์ให้สิ้น…ด้วยโอสถในมือข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท