เห็นท่าทางที่ไร้ชีวิตชีวาของเซิ่งชิง เฉินเฉียวเลยรู้สึกว่าเธอคล้ายกับฉยงฉยงที่อยู่ที่บ้านเธอมาก
เศร้าหมอง
เพราะวันนี้จะไปบริษัทกับฉยงฉยง เฉินเฉียวแค่คุยกับเซิ่งชิงอีกไม่กี่คำก็กลับไปแล้ว
พอกลับถึงบ้าน เฉินเฉียวกลับเห็นว่าฉยงฉยงที่บอกว่าจะไปบริษัทด้วยกันใส่ชุดกระโปรงสีแสด
เธอที่เพิ่งคลอดลูกดูมีน้ำมีนวล แล้วบวกกับโครงหน้าที่น่ารักดูมีเสน่ห์
“เฉียวเฉียว ฉันใส่แบบนี้สวยไหม?” เห็นเฉียวเฉียวเอาแต่มองตัวเอง ฉยงฉยงเลยทำตัวไม่ค่อยถูก
“สวยสิ สวยมาก” ฉยงฉยงที่ร่าเริงกลับเขินอายแบบนี้ เฉินเฉียวเลยแอบถอนหายใจ
เฉินเฉียวเดินวนรอบๆเธอ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างพอใจ
ทั้งสองคนจะไปบริษัท เลยพาลูกไปด้วยไม่ได้
เพราะฉะนั้นเลยให้ป้ามั่วดูแลเด็กก่อน
ยังดีที่ป้ามั่วเคยดูแลเด็กหลายคน นี่เลยเป็นเรื่องที่ป้าถนัดมาก
ตอนที่เฉินเฉียวกับฉยงฉยงอยู่บนรถ พวกเธอพูดถึงช่วงเวลาที่อยู่ห่างกัน แต่กับโรคซึมเศร้าของฉยงฉยงเกิดขึ้นได้ยังไง พวกเธอไม่พูดถึงเลย
พอถึงบริษัท เจียงฉยงฉยงก็ยืนนิ่งอยู่ข้างล่าง
เฉินเฉียวเป็นห่วง เลยจงใจพูดแซวว่า
“ทำไม ไม่ได้มานานตื่นเต้นล่ะสิ”
“นิดหน่อย” เจียงฉยงฉยงตอบตรงๆ อยู่ต่อหน้าเฉียวเฉียว แต่ไม่จำเป็นต้องปิดบัง
ตอนนี้มีแค่อยู่กับเฉียวเฉียว เธอถึงจะเป็นตัวของตัวเอง
แต่กับอี้ฟาน
เห็นท่าทางที่เขาเอ็นดูลูกสาวขนาดนั้น เลยตงิดใจ
“ไม่ต้องกลัวหรอก แกไม่ได้เดินคนเดียว อย่างน้อยข้างแกยังมีฉันอยู่”
เฉินเฉียวจับมือเธอไว้ แล้วพูดอย่างจริงจัง
เห็นใบหน้ากับรอยยิ้มที่อ่อนโยนของเธอ เจียงฉยงฉยงเลยรู้สึกแสบจมูก ในตาก็มีม่านน้ำตา แล้วพยักหน้าตอบว่า “ฉันรู้ แกอยู่ข้างๆฉันตลอด”
อาจจะเพราะเฉินเฉียวสร้างความมั่นใจให้เธอ ตอนที่ยกเท้าก้าวเดิน ความเกร็งความกลัวในใจหายไปไม่น้อย
พอเฉินเฉียวกับฉยงฉยงขึ้นลิฟต์ เพิ่งเดินออกมา ยังไม่ทันได้เดินเข้าไป ข้างในก็ได้ยินเสียงหลีชิงกำลังสั่งการอยู่
“หลี่หมิง ไปฝ่ายการเงินแล้วประเมินต้นทุนของแผนงานใหม่”
“หวูชวน ไปดูฝ่ายบุคคลว่าช่วงนี้ทำอะไรกัน เรียกพวกเขามาประชุมตั้งนานแต่ไม่เห็นวี่แววเลย”
หลีชิงที่ใส่ชุดสูทสีดำ ให้ความรู้สึกเย็นชาเข้มงวดมาก จนเฉินเฉียวกับฉยงฉยงทำหน้างง
“เธอเปลี่ยนไปเยอะมาก” เจียงฉยงฉยงเห็นบนตัวหลีชิงมีแสงมาส่องสว่าง เลยแอบถอนหายใจ
“ใช่ อาจจะเป็นเสน่ห์ของผู้หญิงทำงานเก่ง” เฉินเฉียวตบไหล่ฉยงฉยงเบาๆ
พอหลีชิงสั่งงานทุกคนแล้ว กำลังจะกลับที่นั่งตัวเอง พอหันกลับไป กลับเห็นบอสทั้งสองคนที่หายหน้าหายตาไปนาน
ภาพเหตุการณ์นี้เหมือนหลายปีก่อน พอเธอดึงสติกลับมา ทั้งสองก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วพูดชมว่า “หลีชิง ตอนนี้เธอทำงานยิ่งอยู่ยิ่งคล่อง ไม่รู้ว่าเธอยอมหรือว่าถ้าจะเปลี่ยนโบนัสเป็นหุ้นของบริษัทแทน”
“อะไรนะคะ?” หลีชิงไม่คิดเลยว่าเฉินเฉียวจะพูดแบบนี้ เหมือนเธอกำลังลองใจเธอ
แต่เธอก็รู้ดีว่าเฉินเฉียวเป็นคนยังไง เธอไม่ทำแบบนั้นหรอก
ในเมื่อเธอพูดแบบนี้ งั้นก็คงคิดจะทำแบบนี้จริงๆ
หลีชิงทำงานในบริษัทมาตั้งกี่ปี ถ้าจะบอกว่าเธอไม่อยากเลื่อนตำแหน่งก็เป็นไปไม่ได้
ตอนนี้บอสให้โอกาสเธอ เธอจึงพยักหน้าตกลงอย่างไม่ลังเล
“ขอบคุณบอสเฉินกับบอสเจียงนะคะ ฉันยอมเป็นหุ้นส่วนค่ะ”
พอเป็นหุ้นส่วนแล้ว งั้นก็แสดงว่าเธอเป็นเจ้าของบริษัทด้วย ถึงหุ้นจะน้อย แต่ถ้าอะไรที่เป็นของตัวเอง ยังไงก็อยากทุ่มเทให้อยู่แล้ว
เฉินเฉียวกับฉยงฉยงไม่ได้มาดูงานที่บริษัทนานแล้ว ตอนที่กำลังเตรียมเอกสารให้หลีชิง เลยถามเรื่องในบริษัทด้วย
ปีนี้เพิ่งเริ่มต้น แต่ตลาดตอนนี้ไม่ค่อยดี เลยทำให้ธุรกิจต่างๆซบเซา
เพราะฉะนั้นงานที่รับปีนี้เลยน้อย แต่กลับมีงานหนึ่งที่สำคัญมาก
หลีชิงอธิบายกับพวกเธอว่า “ถ้ายังปล่อยให้บริษัทเป็นแบบนี้ อาจจะขาดทุนได้ เพราะฉะนั้นฉันเลยจะดึงธุรกิจอื่นมาร่วมงานด้วย กี่ปีนี้แต่ละเว็บไซต์ก็เริ่มมีการไลฟ์สด บางคนสอนหนังสือทำการบ้าน โชว์กิน ร้องเพลงต่างๆ ฉันเลยให้น้องๆบริษัทที่หน้าตาดีไปไลฟ์สด แบบไลฟ์สดเล่นเกมอะไรแบบนี้”
เฉินเฉียวรู้สึกว่าโลกพัฒนาเร็วมาก เธอเหมือนยังไม่มีวิธีจัดการปัญหาบริษัท แต่หลีชิงกลับจัดการเรียบร้อยแล้ว นี่เลยแสดงให้เห็นว่าหลีชิงเป็นคนที่มองเห็นโอกาส
โดยเฉพาะไอเดียที่เธอเสนอเป็นอะไรที่กำลังนิยมอยู่
คนที่ไลฟ์สดเล่นเกมมีไม่น้อย แต่ถ้าจะเป็นดาวเด่นนั้นยากลำบากมาก
เพราะฉะนั้น พวกเธอเลยไม่ทำเหมือนคนทั่วๆไป แต่กลับคอสเพลย์ในเกม
เฉินเฉียวรู้สึกว่าไอเดียของหลีชิงน่าสนใจมาก คอสเพลย์ในเกม เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก
เฉินเฉียวถูมือไปมาอยากลอง แต่ยังไม่ทันยื่นมือออกไป โทรศัพท์กลับดังขึ้นก่อน
ทำอะไรไม่ได้ เธอจึงต้องรับโทรศัพท์ก่อน
ในโทรศัพท์มีเสียงที่รีบร้อนดังออกมา “แม่ครับ น้องโดนคนอื่นอุ้มไปแล้วครับ”
“อะไรนะ” น้ำเสียงเฉินเฉียวมีความหวาดกลัว ไม่อยากเชื่อว่าเป็นความจริง
“ตอนที่ผมกับน้องกลับบ้าน น้องบอกว่าจะไปซื้อไอศกรีม ผมเลยไปจ่ายเงินให้ ทีแรกคิดว่าน้องตามหลังผมอยู่ แต่ไม่คิดว่าพอผมหันไป น้องก็หายตัวไปแล้ว”
แม้แต่คนก่อเรื่องก็ไม่เห็น เฉินเฉียวเลยลนลานกว่าเดิม
เฉินเฉียวได้ยินความกังวลกับรู้สึกผิดของโยว่อี เลยปลอบใจเขาว่า “โยว่อี เราไว้ใจเถอะ แม่ต้องหาตัวน้องเรากลับบ้านได้แน่นอน เชื่อใจแม่นะคะ”
“ครับ แม่ครับ เมื่อกี้ผมโทรไปบอกพ่อแล้ว ตอนนี้พ่อน่าจะกำลังตามหาน้องอยู่””
“โอเค แม่รู้แล้ว ตอนนี้ที่เราต้องทำคือ รีบกลับบ้านก่อน เรื่องพวกนี้ปล่อยให้ผู้ใหญ่จัดการ”
พอวางสายแล้ว เฉินเฉียวไม่รู้ตัวเลยว่าเหงื่อเธอเต็มหน้าผาก
แต่พอฉยงฉยงเตือนเธอ
เฉินเฉียวค่อยใช้แขนเสื้อเช็ด จากนั้นก็พูดอย่างขอโทษ “ฉยงฉยงวันนี้ฉันอาจจะอยู่บริษัทกับแกไม่ได้ เกิดเรื่องที่บ้านนิดหน่อย ฉันต้องรีบกลับไป”