พอจัดการทุกอย่างแล้ว หลิงเยว่ก็ดูชิลล์ผิดปกติ ถึงความสัมพันธ์ชู่จี้กับซังอี๋จะแตกร้าวกันแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังตัวติดกันเป็นปลิง เธอเลยรับไม่ได้
เธอรักชู่จี้ ไม่มีทางยอมให้ผู้หญิงคนอื่นมาแย่งไปเด็ดขาด ยิ่งไม่ยอมให้ผู้หญิงคนอื่นมีเยื่อใยกับเขา
เธออยากให้ทั้งสองกลับไปตอนเด็ก ไร้เดียงสา สนิทสนมกัน
เธอรู้ หลังจากที่เกิดเรื่องนั้น ชู่จี้ก็ทำตัวเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ว่าเธอจะทำยังไง ชู่จี้ก็ไม่ยอมเปิดใจให้
แล้วตอนนี้ เธอทำได้แค่แย่งเขากลับมาจากผู้หญิงพวกนั้น
เพราะเหตุการณ์ต่างๆซังอี๋เลยไม่ได้ไปทำงานสักที ถึงตอนนี้จะความจำเสื่อม แต่เธอก็อยากอยู่ข้างชู่จี้ แล้วทำอะไรเพื่อเขา
“ปวดหัวอีกแล้วเหรอ?” เห็นชู่จี้ขมวดคิ้วแน่น ซังอี๋เลยนวดขมับให้เขา ให้เขาสบายใจขึ้น
นิ้วมืออุ่นๆของเธอนวดอย่างชำนาญ เลยทำให้ชู่จี้ปวดหัวน้อยลง
“ให้ฉันเอาเอกสารไปให้ผู้จัดการหลี่?” ถึงซังอี๋จะมาทำงานวันแรก แต่เธอฉลาด ความจำดี เลยจำเรื่องต่างๆได้ง่าย
“เธอยุ่งขนาดนี้ ฉันเป็นห่วงแทน” เขายิ้มอ่อน คล้องคอเธอไว้ “คืนนี้อยากกินอะไร?”
“ยุ่งที่ไหน แค่ทำเรื่องเล็กเท่าที่ทำได้” ซังอี๋ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย อาจจะเพราะได้อยู่กับคนที่ชอบ ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนก็มีความสุข
อยู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูมาทำลายบรรยากาศ
ซังอี๋รีบถอยห่างจากชู่จี้ แล้วไปยืนอยู่ด้านขวาของเขา
ชู่จี้แอบขำ
“เข้ามา” เขาก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ จนกระทั่งเสียงที่คุ้นหูดังขึ้น เขาค่อยเงยหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ “เธอมาได้ยังไง?”
“ฉันเหรอ ฉันมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของนายไง คุณลุงกลัวว่านายจะยุ่งเกินไป เลยอยากให้ฉันมาช่วยนาย” หลิงเยว่เห็นซังอี๋ที่ยืนอยู่ข้างชู่จี้ เธออิจฉาจนอยากจะถลกหนังเธอ
“ที่นี่ไม่ต้องการเธอ” ชู่จี้ไม่สบอารมณ์กว่าเดิม ไม่สนใจผู้หญิงคนนั้นด้วยซ้ำ
แต่หลิงเยว่จะยอมแพ้ได้ยังไง
“จริงๆ ไม่เชื่อนายไปถามคุณลุงสิ” หลิงเยว่กลัวว่าเขาไม่เชื่อ เลยอ้างชื่อพ่อชู่
วันนี้เธอแต่งหน้าสวยๆ ใส่ชุดที่เซ็กซี่ แต่ผู้ชายตรงหน้าไม่แม้แต่จะมองเลย
ชู่จี้ยิ้มอย่างเยือกเย็น “เธอไม่รู้เหรอว่าฮวาเจิงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา? บริษัทของฉัน เขามีสิทธิ์มาสั่งการตั้งแต่เมื่อไหร่”
น่าตลกชะมัด บริษัทฮวาเจิงเขาเป็นคนสร้างมากับมือ เขาไม่ได้ลงทุนสักบาท ตอนนี้บริษัทเขาใหญ่โตเป็นอันดับต้นๆ ตอนนี้เลยอยากได้ผลประโยชน์?
สีหน้าหลิงเยว่เดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด เธอไม่ใช่ไม่รู้ แต่ตอนนี้นอกจากอ้างพ่อชู่ คงไม่มีใครจะยกมาอ้างได้แล้ว เธอแค่คิดว่าถ้าทั้งสองใกล้ชิดกัน ชู่จี้อาจจะรักตัวเองอีกครั้ง อย่างน้อย เธอรู้สึกว่า แต่ก่อนชู่จี้เคยชอบเธอ
“ชู่จี้……นายฟังฉันนะ” กับสายตาที่แหลมคมของชู่จี้ หลิงเยว่เลยเริ่มเกร็งแล้วกลัว “ฉันช่วยงานนายได้เยอะเลย ฉันไม่ด้อยกว่าเธอ เธอทำได้ ฉันก็ทำได้” เธอพยายามกลืนน้ำลาย แล้วเหลือบมองชู่จี้
เห็นสีหน้าชู่จี้เย็นชา กำลังจะไล่เธอออกไป แต่ก็มีคนเคาะประตูอีกครั้ง ชู่จี้จึงไม่สบอารมณ์ “เข้ามา!”
อวี้เฟิงไม่รู้ว่าใครยั่วอารมณ์บอส แต่พอเขาเห็นหลิงเยว่เท่านั้นแหละ
เขามาพูดข้างหูชู่จี้ เสียงเบาที่ได้ยินแค่สองคน “บอสครับ หลิงเยว่เป็นคนที่ชู่จินซันเรียกมาจริงๆครับ ถึงแม้……เขาจะไม่ได้ลงทุน แต่ความจริงเขาลงทุนในนามของคนอื่น นี่เป็นเรื่องที่พวกผมเพิ่งรู้วันนี้ครับ”
ชู่จี้ตงิดใจมาก ตาแก่จะเล่นแบบนี้กับเขาเหรอ
ตอนที่เขาโมโห เขาก็คิดแผนออกแล้ว
พูดง่ายๆก็คือ ถ้าเขาไม่ตกลงให้หลิงเยว่เป็นผู้ช่วย งั้นชู่จินซันก็จะให้คนพวกนั้นถอนทุน?
เขาน่าจะเดาได้แต่แรกแล้ว ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะโดนเข้าตัวเอง แต่ตอนนี้เขาเผยธาตุแท้ออกมา ซ่อนตัวเก่งจริงๆ
ชู่จี้ดึงสติกลับมา แล้วใช่นิ้วเคาะโต๊ะช้าๆทีละครั้ง เหมือนกำลังเคาะใจของหลิงเยว่ “ตำแหน่งผู้ช่วยตอนนี้ยังไม่จำเป็น แต่ว่า อวี้เฟิงต้องการคนที่ไปวิ่งงานให้ จะอยู่ต่อหรือไป เธอเลือกเอง”
เขาคิดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ให้คำตอบ
ให้หลิงเยว่เป็นคนเลือกเอง ดีกว่าให้เขาบังคับ
อวี้เฟิงทำงานกับตัวเองมาตั้งกี่ปี คงต้องจัดการอะไรๆได้ดีแน่นอน
ตอนที่หลิงเยว่กำลังลังเล ชู่จี้จึงเลิกคิ้วแล้วพูดเสริมว่า “เธอแค่ทำตามคำสั่งอวี้เฟิงก็พอ อีกอย่าง อย่าทำตัววีไอพี คุณหนูหลิงเข้าใจนะครับ?”
เขาแยกความสัมพันธ์ของทั้งสองชัดเจน แต่ในสายตาชู่จี้ ทั้งสองไม่เคยเกี่ยวอะไรกันเลย
หลิงเยว่ลำบากใจกว่าเดิม เธอรู้ว่าอวี้เฟิงเป็นคนยังไง เลยระแวงมากขึ้น
อวี้เฟิงไม่ปล่อยเธอแน่ แต่เพื่อชู่จี้ เธอยอมลองสักตั้ง
“ได้ ฉันจะทำเต็มที่” หลิงเยว่ทำอะไรไม่ได้ เลยต้องตอบตกลง อย่างน้อย ก่อนที่เธอจะชนะซังอี๋ เธอห้ามยอมแพ้เด็ดขาด
“อวี้เฟิง พาเธอไปทำงาน” ชู่จี้สั่งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ทั้งสองออกไปจากห้องทำงานแล้ว ซังอี๋ค่อยดึงสติกลับมา “ผู้หญิงคนนั้นคือ?” เธอรู้สึกว่าเธอไม่เป็นมิตรกับตัวเอง ถึงจะไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่ซังอี๋ก็รู้สึกได้
“คุณหนูตระกูลหลิง หลิงเยว่ ไม่ดูแลบริษัทตัวเอง แต่มาลำบากที่นี่” เขาไม่มีทางให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่เป็นสุขอยู่แล้ว เธออยากยื่นมือมายุ่งในที่ของเขา เขาไม่มีทางให้เกิดเรื่องแบบนั้นแน่นอน
ตามคาด อวี้เฟิงพาหลิงเยว่กลับห้องทำงาน อวี้เฟิงก็เริ่มสั่งเธอ “คุณไปถ่ายเอกสารพวกนี้ ใช่สิ ไปเปลี่ยนชุดด้วยนะครับ แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสม”
หลิงเยว่เคยโดนอะไรแบบนี้ที่ไหน? เธอกำลังจะอาละวาด แต่ก็นึกได้ว่าไม่ได้อยู่บริษัทตัวเอง เลยจำเป็นต้องก้มหน้า “ฉันโตมากับชู่จี้ตั้งแต่เด็ก นายทำแบบนี้อีก ฉันจะบอกคุณลุง”
“ก่อนมาอ่านระเบียบพนักงานหรือยังครับ? ทำไมถึงเรียกชื่อเต็มบอสแบบนั้น” พออวี้เฟิงจับผิดเธอได้ “ผมว่าคุณเป็นคนที่ไม่รอบคอบขนาดนี้ ไม่ทำตามคำสั่งของหัวหน้างาน ที่ไหนสบายก็กลับไปเถอะครับ บริษัทเราคงไม่กล้าจ้างพนักงานที่เป็นคุณหนูอย่างคุณ”