Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1602

ตอนที่ 1602
ตอนที่ 1602 100 ปีแห่งการตรัสรู้

เวลาแห่งความหนุ่มสาวได้ผ่านพ้นไปถึงสิบปีอย่างรวดเร็ว

ในวันนี้จู่ ๆ ก็เกิดคลื่นมิติขึ้นในหลุมมิติ

สิ่งนั้นทำให้ร่างของเล่งหยูต้องสั่นสะท้านในทันที เขาเบิกตากว้างและหันไปมองหน้าเย่หยวน

“บ้าน่า! ในเวลาแค่สิบปีเจ้ากลับสามารถเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติหนึ่งดาวระดับปลายได้แล้ว?”

เล่งหยูนั้นแทบจะไม่เชื่อสัมผัสของตัวเองจนคิดว่าตัวเขาเข้าใจผิดไปเอง เพราะตอนนี้ตัวของเล่งหยูเองก็ยังอยู่ในแนวคิดแห่งห้วงมิติสวรรค์หนึ่งดาวระดับปลายเช่นกัน!

ตอนนั้นเขาใช้เวลากว่าหมื่นปีในการพัฒนามันให้ขึ้นมาถึงขั้นนี้ และเขาเองก็พอใจกับมันอย่างมากด้วย

เพราะคนที่เข้ามาในห้วงมิติสืบทอดและรอดชีวิตอยู่ได้จนทุกวันนี้มันก็มีแค่เขาเท่านั้น

แต่ทว่าเด็กน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตรงหน้าเขานี้กลับสามารถไล่ตามเขาจนทัน!

เล่งหยูนั้นเกิดหวั่นไหวขึ้นในจิตใจ

เวลาหลายปีมานี้เขาได้ด่าว่าเย่หยวนอย่างไม่หยุดหย่อน

แต่ที่เขาทำลงไปไม่ใช่เพราะว่ามีแผนการใด ๆ แต่เป็นเพราะว่าเขาเห็นว่าเย่หยวนจะเอาชีวิตไปทิ้งต่างหาก

เขารู้สึกได้ว่าทำแบบนี้ต่อไปสักวันเย่หยวนต้องมาเสียใจภายหลัง

แต่ตอนนี้เขากลับได้รู้ตัวแล้วว่าตัวเขามันช่างอวดดีเสียเหลือเกิน

เด็กหนุ่มคนนี้สามารถขึ้นจากระดับกลางสู่ระดับปลายได้ด้วยเวลาแค่สิบกว่าปี!

แค่นี่มันก็แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่ราวฟ้ากับเหวแล้ว

นี่มันเรียกอะไร?

นี่มันตรงกับคำที่ว่า ไม่เข้าถ้ำเสือไม่ได้ลูกเสือ!

ในที่สุดเย่หยวนก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ดวงตานั้นมีความตื่นเต้นปะปนอยู่ไม่น้อย

เพราะแนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นมันแตกต่างจากแนวคิดใด ๆ ที่เขาเคยศึกษามาก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ความยากของมันนั้นสูงกว่าลิบลับ!

มหาพิภพถงเทียนนี้มันมีโครงสร้างมิติที่แตกต่างจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างสิ้นเชิง

มิติอวกาศนั้นคือต้นกำเนิดแห่งสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน มันเป็นกฎพื้นฐานที่สุดของโลกนี้

หากไม่มีมิติอวกาศ มันก็จะไม่มีแนวคิดแห่งดาบ ไม่มีแนวคิดแห่งไฟ ไม่มีแนวคิดแห่งลม ไม่มีแนวคิดไหนที่จะเกิดขึ้นมาได้เลย

และยิ่งเขาทำความเข้าใจมันไปเรื่อย ๆ เย่หยวนก็ยิ่งเข้าใจในความยิ่งใหญ่และอลังการของมัน

“เจ้า…เจ้าบรรลุแล้ว?” แม้ตัวเขาจะรู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ แต่เล่งหยูก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป

เย่หยวนยิ้มและตอบกลับมา “เวลาหลายปีที่เหน็ดเหนื่อยนี้ไม่ได้ไร้ค่า! แต่สิ่งที่ท่านว่ามามันก็ถูก ความยากของแนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นมันหนือล้ำกว่าที่ข้าจะจินตนาการได้! คงไม่สามารถสำเร็จมันได้ด้วยเวลาสั้น ๆ แน่”

เย่หยวนนั้นไม่ได้กลัวความอันตรายของห้วงโกลาหลเลย เขาแค่พูดออกมาว่ามันคงไม่สำเร็จในระยะเวลาสั้น ๆ ตอนนี้สิ่งเดียวที่เย่หยวนจะห่วงก็คงเป็นพวกลี่เอ๋อ

แต่เย่หยวนก็วางใจไปได้เปลาะหนึ่งเพราะมีซวนอี้คอยดูอยู่ข้างนอก คน ๆ นี้เป็นผู้มีจิตใจดี ทั้งอาจารย์และศิษย์ต่างได้รับความช่วยเหลือของเขาไปไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้นพวกเขาทั้งสองน่าจะคอยดูแลลี่เอ๋ออย่างดีเป็นแน่

เล่งหยูนั้นได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขารู้สึกคอแห้งผากก่อนจะถามออกมา “นี่มันคือแนวคิดแห่งห้วงมิติ ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะมีพรสวรรค์ที่เหนือฟ้าเพียงใดแต่ข้าก็ไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีใครบรรลุได้ในเวลาอันแสนสั้นเช่นนี้! เจ้าทำได้ยังไงกัน?”

เย่หยวนยิ้มและตอบ “จริง ๆ แล้วข้าเองก็บังเอิญเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้ ตอนที่ข้าฝึกฝนทำความเข้าใจแนวคิดแห่งดาบข้าก็บังเอิญอนุมานความเข้าใจของแนวคิดแห่งห้วงมิติได้ด้วย”

เล่งหยูเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “หมายความว่า…เวลาที่เจ้าเข้าไปในห้วงโกลาหลเจ้าเข้าไปทำความเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติด้วยวิชาดาบเช่นนั้นรึ?”

เย่หยวนพยักหน้ายอมรับเรื่องนั้นออกมากลาย ๆ

เล่งหยูไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีใครสามารถทำความเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้ด้วยวิธีการเช่นนี้

การอนุมานความเข้าใจนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาเองก็รู้ แต่การอนุมานความเข้าใจแนวคิดอื่นจากแนวคิดที่ตัวเองฝึกนั้น มันล้วนจะเป็นการเข้าใจแนวคิดที่อยู่ต่ำกว่าทั้งสิ้น

นี่เป็นครั้งแรกของเขาเลยที่เขาได้ยินว่ามีคนใช้แนวคิดที่ต่ำกว่าเพื่ออนุมานความเข้าใจแนวคิดที่อยู่ระดับสูงกว่า!

แม้ว่าแนวคิดแห่งดาบนั้นมันจะยิ่งใหญ่ไม่น้อย แต่หากเอามาเทียบกับแนวคิดแห่งห้วงมิติมันก็ยังห่างชั้นกันมากโข

เย่หยวนเดินเข้ามากุมมือของเล่งหยูไว้ก่อนจะพูดขึ้น “พี่เล่ง ข้าขอตัวกลับเข้าไปก่อนล่ะ หากวันหนึ่งข้าสามารถบรรลุได้จริง ๆ ข้าจะพาท่านออกไปด้วย!”

พูดจบเย่หยวนก็มุ่งหน้าเข้าสู้ห้วงโกลาหลพร้อมดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าในมือ ทิ้งเล่งหยูอ้าปากค้างไว้ด้านหลัง

จู่ ๆ เล่งหยูก็รู้สึกว่าร่างทั้งร่างของเขากำลังสั่นเทา

เมื่อกี้เย่หยวนว่ายังไงนะ?

ข้า…ออกไปได้?

เล่งหยูผู้นี้ยังสามารถที่จะออกไปสู่โลกภายนอกได้!

ในเวลานับแสนปีนี้เล่งหยูได้ทิ้งความหวังที่จะออกไปด้านนอกแล้ว

เขาคิดว่าตัวเองคงได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในนี้ไปจนค่อย ๆ แก่เฒ่าตาย

แต่จู่ ๆ วันหนึ่งก็มีเด็กหนุ่มเดินมาบอกเขาว่า “ข้าจะพาท่านออกไป!”

ความรู้สึกที่เขามีในตอนนี้ใครจะสามารถเข้าใจได้?

หากเย่หยวนบอกแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเล่งหยูก็คงหัวเราะเยาะเย้ยเด็กในความโอหังหนุ่มออกไปแน่ ๆ

เพราะจริง ๆ เขาก็ได้ทำแบบนั้นออกไปแล้ว

แต่ตอนนี้เล่งหยูกลับแห่งแสงแห่งความหวัง!

หากเขาสามารถพัฒนาไปได้ในระดับนี้จริง ๆ บางทีเย่หยวนอาจจะสามารถเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้จริง ๆ ก็ได้

ตอนนี้เล่งหยูได้รู้แล้วว่าตัวเขา ตัวเขาที่เคยเชื่อว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะนั้นด้อยกว่าเย่หยวนมากเพียงใด

ไม่ใช่แค่ความสามารถในการเข้าใจ แม้แต่จิตใจแห่งวิชายุทธของเขาทั้งสองก็แตกต่าง!

เล่งหยูรู้สึกว่าการฝึกฝนนั้นน่าเบื่อไร้รสชาติ

หลังพัฒนาตัวเองไปได้หนึ่งระดับ คนเราก็จะรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรสำเร็จและเริ่มเกิดความเกียจคร้านขึ้นมาในใจ

แต่เย่หยวนนั้นไม่เคยคิดที่จะหยุดและก้าวกลับเข้าไปฝึกฝนต่อไปในทันที

ที่สำคัญแม้แย่หยวนจะผ่านช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายในห้วงโกลาหลไปมากมายเพียงใด แต่หลังจากรักษาตัวหายเขาก็กล้าที่จะเข้าไปท้าทายมันใหม่อย่างไม่ลังเล

แต่ตัวเล่งหยูเองล่ะ?

เขานั้นกลัว!

เขากลัวคำว่าตายอย่างถึงที่สุด!

แต่เย่หยวนนั้นไม่ได้ถอยกลับแม้แต่ก้าว เขาสามารถเอาชนะความกลัวในหัวใจได้อย่างเด็ดขาด

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดเวลาอีกยี่สิบปีก็ได้ผ่านพ้นไป

ในห้วงโกลาหลนี้ ภาพร่างของเย่หยวนนั้นเป็นเหมือนเงาลวง บิดพลิ้วไหวไปอย่างไม่มีหลักแหล่ง

แต่จู่ ๆ เขาก็หยุดเท่าลงในจุดหนึ่งของมิติอวกาศด้วยคิ้วที่ขมวดจนชนกันแน่

“ข้าได้ฝึกฝนแนวคิดแห่งห้วงมิติหนึ่งดาวมานานมากแล้ว แต่กลับไม่สามารถบรรลุขึ้นสองดาวได้เสียที ข้าตามหาจุดที่จะนำไปสู่การบรรลุมานาน การบรรลุสู่ระดับสองดาวนี้มันต้องทำยังไงกันนะ?” เย่หยวนบ่นกับตัวเอง

ห้วงมิติสืบทอดนั้นมีสิ่งที่สืบทอดต่อกันมาเพียงแค่ไม่มาก และคนที่จะเข้าใจถึงความลึกซึ้งของมันได้นั้นยิ่งมีน้อยกว่า

เย่หยวนนั้นสามารถบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติหนึ่งดาวได้ด้วยการคลำหาอย่างสะเปะสะปะ

แต่กับระดับสองดาวนั้นเขากลับไม่สามารถหาจุดที่จะใช้ในการบรรลุได้เสียที

เย่หยวนเงยหน้าขึ้นมองไปยังมิติที่ด้านบน

ที่ตรงนั้นมีเงาของเขาอยู่

นั้นทำให้สายตาของเย่หยวนลุกวาว ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้ว

เวลาหนึ่งร้อยปีได้ผ่านพ้นไป เวลาแค่นี้มันเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้นสำหรับยอดยุทธอาณาจักรพระเจ้า

แต่กับเย่หยวนแล้วมันเป็นเวลาที่พลิกผันตัวเขาไปอย่างสิ้นเชิง

หลังจากจุติใหม่ เวลาที่เขาใช้ในการฝึกฝนทั้งชีวิตมามันแค่ร้อยกว่าปี

แต่การเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิตินี้กลับกินเวลาของเขาไปแล้วหนึ่งร้อยปี

ในวันนี้เย่หยวนได้เข้าสู่การเก็บตัวในหลุมมิติ

และจู่ ๆ พื้นที่รอบ ๆ ก็เกิดการสั่นไหวขึ้น

หลุมมิติที่เคยเสถียรตอนนี้กลับค่อย ๆ แสดงถึงสัญญาณในการพังทลายลง

เล่งหยูที่เห็นแบบนั้นจึงตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางตกใจ “เกิดอะไรขึ้น? หืม? เย่หยวน เขา…เขาบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติแล้ว?”

เล่งหยูหันไปมองเย่หยวนและได้เห็นว่าร่างของเย่หยวนกำลังอยู่ตรงหน้าเขาจริง ๆ แต่ภาพที่เขาเห็นมันกลับเหนือล้ำเกินกว่าที่เขาจะเชื่อลงได้

ความขัดแย้งในใจของเขามันมาถึงจุดสูงสุด

ในเวลาหนึ่งร้อยปีมานี้เขาได้เห็นการเติบโตของเย่หยวนจนเกิดความเลื่อมใสอยู่ในใจแล้ว

เขาได้รู้แล้วว่าระหว่างตัวเขาและเย่หยวนนั้นมีระยะห่างที่ไม่สามารถวัดได้อยู่

คำว่าอัจฉริยะมันน้อยเกินไปที่จะใช้อธิบายเด็กหนุ่มคนนี้

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้มันจะมาถึงได้รวดเร็วปานนี้!

โครม…

หลุมมิติเริ่มการพังทลายลง ส่งชิ้นส่วนแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทำให้เกิดพลังงานอันรุนแรงพุ่งตรงเข้ามาหาเล่งหยู

สิ่งนั้นทำให้เล่งหยูหน้าถอดสีก่อนจะตะโกนขึ้น “เย่หยวน…ช-ช่วยข้าด้วย!”

…………………………………………………

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ

Status: Ongoing
จักรพรรดิโอสถแห่งยุคได้ถูกก่อกบฏโดยผู้ทรยศ
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา…แผ่นดินไร้ซึ่งนาม ฉิงหยุนซี และผู้ได้รับ แพรไหมหมื่นปี ก่อนที่จะสิ้นชีพลง….
กาลเวลาผ่านไป…เขาได้กลับมาอีกครั้ง ขณะที่ร่างกายเจ้าของคนเก่ากำลังเดินเล่นอยู่ใน สำนัก…
ข้าจะทลายสวรรค์ให้สิ้น…ด้วยโอสถในมือข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท