จักรพรรดิหนิงได้ยินคำพูดนั้นก็ขมวดคิ้ว ยังไม่ทันที่จะตอบ ก็ได้ยินเสียง “เคล้ง” จักรพรรดิหนิงหันไป ก็ทรงพบว่าถ้วยที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ หยุนชางตกลงพื้นและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ชางเอ๋อร์…” พระสนมจิ่นจ้องไปที่หยุนชาง ดวงตาของนางฉายแววกังวล หยุนชางยิ้มเล็กน้อย ด้วยรอยยิ้มขี้เล่นเล็กน้อย “โอ้ ช่างเป็นแผนการที่ดีจริงๆ”
หยุนชางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา เช็ดน้ำชาออกจากมือ แล้วพูดอย่างนิ่งๆ “เฉินซีมีเจิ้งมามาและข้าอยู่ที่นี่เพียงพอแล้ว ในเมื่อคุณหนูจิ่งต้องการหมอ ก็พาหมอที่ลานด้านข้างไปเถิด”
พระสนมจิ่นรีบเดินไปหาหยุนชาง และนั่งลงจับมือหยุนชาง “ชางเอ๋อร์ แม่ให้คนไปตามจิ้งอ๋องมา”
หยุนชางส่ายหัว “ไม่เป็นไรเพคะ ท่านอ๋องจะมาในไม่ช้า”
ตามที่คาดไว้ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงคารวะจิ้งอ๋องดังมา แล้วก็ตามด้วยเสียงขององครักษ์ดังขึ้น “ท่านอ๋อง องค์ชายน้อยเป็นอีสุกอีใส เข้าไปไม่ได้ขอรับ”
หยุนชางเรียกเจิ้งมามา มาทำความสะอาดพื้น และได้ยินว่าจิ้งอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจะงงงวย “ข้าจำได้ว่า พระชายาของข้าก็ไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใส ทำไมพระชายาเข้าไปได้ แต่ข้าเข้าไปไม่ได้”
“ให้ท่านอ๋องเข้ามาเถอะ” พระสนมจิ่นถอนหายใจและพูดด้วยเสียงอันดัง
ประตูถูกผลักเปิดออก และหยุนชางเห็นจิ้งอ๋องสวมเสื้อคลุมสีเขียวเข้ม กำลังเดินตรงมาทางพวกเขา ซึ่งดูไม่ใช่ชุดในตอนเช้า คงจะได้เปลี่ยนแล้ว
จิ้งอ๋องเดินไปที่ห้องโถง และทำความเคารพต่อจักรพรรดิหนิง จากนั้นเขาก็ไปนั่งลงข้างๆ หยุนชาง หันศีรษะถามอย่างนุ่มนวลว่า “เจ้าเข้ามาได้ยังไงในเมื่อไม่เคยเป็นอีสุกอีใสเลย ก่อนหน้านี้ตอนเดินทาง ข้าได้ยินองครักษ์ลับพูดถึงเรื่องนี้ ทำเอาข้าตกใจมาก”
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย “หือ ท่านอ๋องมีหญิงงามอยู่ในอ้อมอก ยังมีใจที่ต้องการฟังสิ่งนี้อยู่อีกหรือเพคะ”
“ชางเอ๋อร์” พระสนมจิ่นถอนหายใจและเรียกเบาๆ มีตำหนิเล็กน้อยในน้ำเสียงของนาง
เมื่อจิ้งอ๋องได้ฟัง เขาก็ตกใจ แล้วเขาก็หัวเราะ “พระชายาดูเหมือนจะเข้าใจข้าผิดอย่างมาก?” เสียงหางยกขึ้นเล็กน้อยและให้ความรู้สึกที่เอ้อระเหย
และไม่ได้อธิบายอีกต่อไป เพียงแค่หันศีรษะไปที่จักรพรรดิหนิง “หลี่จิ้งเหยียนและเซี่ยโหจิ้งนำคนมาที่นี่เพียงสี่หมื่นคนเท่านั้น และต่อสู้กับพวกเขา จนพวกเขาสูญเสียคนไปกว่าหนึ่งหมื่นคน ดังนั้นหม่อมฉันจึงรีบถอยกำลังออกมา หม่อมฉันสงสัยว่าพวกเขาแค่แสร้งทำ กลัวว่าพวกเขามีจุดประสงค์อื่น แต่ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ไม่เป็นไร กองกำลังเสริมของเรากำลังจะมาถึงที่นี่แล้ว เพียงแค่ให้คนคอยจับตาดูพวกเขาเอาไว้”
จักรพรรดิหนิงพยักหน้า “แต่อย่าปล่อยให้พวกเขาถ่วงเวลาตามใจชอบ ชายแดนอาจอยู่ได้ไม่นาน ข้าได้ให้ฉินจิ้งและหวังจ้าวสี่ไปสนับสนุนที่คังหยางแล้ว”
จิ้งอ๋องตอบรับ ยิ้มและหันศีรษะมองหยุนชาง “เดิมทีหม่อมฉันควรพูดคุยกับท่านพี่อย่างละเอียด แต่วันนี้ดูเหมือนพระชายาจะงอนแล้ว ท่านพี่ดูสิ?”
หยุนชางจ้องไปที่จิ้งอ๋อง ยืนขึ้น และเดินไปที่ห้องโถงด้านข้าง ดูเหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะของจักรพรรดิหนิงและจิ้งอ๋องอยู่ด้านหลัง จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลังนาง ที่ไม่เร่งหรือช้าไป
หยุนชางเดินกลับไปที่ห้องโถงด้านข้าง และกำลังจะปิดประตู แต่ถูกจิ้งอ๋องขวางไว้ “โอ้ ข้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว และพระชายายังไม่ยอมให้ข้าพักผ่อนอีก โหดร้ายจริงๆ”
หยุนชางยิ้มเยาะ “จำได้ว่าเมื่อครู่เจ้าได้อุ้มกลับมาคนหนึ่ง คิดว่านางคงจะยินดีถ้าเจ้าไป”
จิ้งอ๋องมองไปที่หยุนชาง ด้วยการจ้องมองที่ล้ำลึก เขาเห็นหัวใจหยุนชางค่อยๆพองขึ้นราวกับว่ามีอารมณ์หงุดหงิด เมื่อนางกำลังจะพูด ก็ได้ยินจิ้งอ๋องหัวเราะคิกคัก “ข้าดูชางเอ๋อร์แล้ว ปฏิกิริยานี้ดูเหมือนกำลังหึง?”
หยุนชางเบิกตากว้างด้วยสายตาหงุดหงิดเล็กน้อย มือของนางคลายเล็กน้อย จิ้งอ๋องฉวยโอกาสนี้เบียดตัวเข้ามา โอบไหล่หยุนชางแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าใครบอกเจ้าว่าเป็นข้าที่อุ้มคุณหนูจิ่งกลับมา ทั้งที่ข้าเรียกองครักษ์คนหนึ่งมาอุ้ม ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า พรุ่งนี้เจ้าจะไปถามใครในวังก็รู้”
“อ๋อ แต่ข้าได้ยินว่าคุณหนูจิ่งถูกยิงเพื่อช่วยท่านอ๋อง ถ้าหากคุณหนูจิ่งต้องการให้ท่านอ๋องชดใช้ที่นางช่วยชีวิตโดยการมอบหัวใจ พระชายาอย่างข้างมิใช่ต้องมีน้องสาวอีกคนหนึ่งหรือไม่?” หยุนชางเพิกเฉย หันหลังและเดินไปที่ห้องโถงด้านใน
จิ้งอ๋องเดินตามหลังไป พูดด้วยน้ำเสียงที่ช่วยไม่ได้เล็กน้อย “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่านางวิ่งมาจากไหน แม้จะไม่มีนาง ข้าก็จะไม่โดนธนูยิง นางทำตัวของนางเอง จะมีน้องสาวเพิ่มเมื่อไหร่กัน? ทำไมข้าไม่รู้ หรือเพราะพระสนมจิ่นมีพระครรภ์อีกแล้ว?”
หยุนชางเห็นว่าเป็นครั้งแรกที่จิ้งอ๋องมีท่าทีช่วยไม่ได้ รู้สึกตลกเล็กน้อยในใจ เมื่อนางได้ยินสิ่งที่องครักษ์ลับพูด นางเดาได้แล้วว่าเป็นแผนของจิ่งเหวินซี แต่นางก็ยังรู้สึกไม่มีความสุขอยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ตอนจิ้งอ๋องพูดว่านางหึง นางก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยในใจ หยุนชางขมวดคิ้ว เป็นไปได้ไหมว่านางหึงจริงๆ
จิ้งอ๋องตามหยุนชางไปที่ห้องโถงด้านใน จากนั้นเดินไปที่เตียงและนอนลง หาวออกมา หลับตาแล้วกล่าวว่า “ชางเอ๋อร์วางใจได้ ไม่ว่าจิ่งเหวินซีจะเล่นอะไร ข้าจะไม่ปล่อยนางได้ตามใจอย่างราบรื่น ชาตินี้ข้าไม่มีแผนจะแต่งหญิงอื่นแล้ว”
หยุนชางสะดุ้งเล็กน้อย แต่เห็นว่าเขาหมดแรง ดูเหมือนว่าเขาหลับไปในชั่วพริบตา
หยุนชางยิ้มแหยๆ ไม่คิดจะแต่งงานกับหญิงอื่นหรือ? ชีวิตยังอีกยาวไกล เรื่องต่างๆใครจะรู้ได้ชัดเจน เอาเป็นว่าเรื่องในวันนี้ เกรงว่าจิ้งอ๋องก็แค่รู้สึกว่าเป็นการสมปรารถนาข้างเดียว เรื่องนี้แก้ได้ง่ายมาก ตอนนี้จิ่งเหวินซีไม่รู้เรื่องนี้ เกรงว่าเมื่อนางฟื้นขึ้นมา นางจะทำเรื่องนี้ให้ใหญ่โต
มันเป็นความประมาทของตน นางไม่เคยคิดว่าจิ่งเหวินซีสามารถหาจิ้งอ๋องได้สำเร็จในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ และยังขวางธนูให้จิ้งอ๋องได้อย่างชำนาญ
เมื่อมองด้วยวิธีนี้ หญิงสาวที่ดูเหมือนจะไม่มีอุบาย กลับมีอุบายมากกว่าที่หยุนชางคิด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่
หยุนชางถอนหายใจ แต่นางได้ยินคนบนเตียงพึมพำอย่างคลุมเครือ “ดึกมากแล้ว ชางเอ๋อร์มาพักผ่อน”
หยุนชางลุกขึ้น แล้วสังเกตเห็นว่า นางไม่คิดว่าจิ้งอ๋องจะขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงโดยตรง ห้องโถงนอนนี้ไม่มีฟูกนุ่ม แต่ตอนนี้ เตียงนี้ถูกจิ้งอ๋องครอบครองแล้ว นางนอนหลับได้อย่างไร? หรือว่าว่าเพลานี้จะให้เจิ้งมามาไปหาฟูกนุ่มมาให้? วันนี้มีเรื่องเช่นนี้ ถ้าทำเช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้เสด็จแม่คงจะมาคุยสนทนาเปิดใจแล้ว
หยุนชางถอนหายใจเบาๆอีกครั้ง ลืมตาขึ้นและเห็น จิ้งอ๋องนอนลงทั้งที่ยังไม่เปลี่ยนชุด และเขาไม่ได้ถอดรองเท้าและถุงเท้าด้วยซ้ำ แม้ว่าจะเป็นฤดูร้อน แต่ก็เป็นช่วงกลางดึก ก็ยังหนาวอยู่บ้าง เกรงว่าจะป่วยเอาได้ถ้านอนในสภาพเยี่ยงนี้
หยุนชางเดินไปที่เตียง ช่วยจิ้งอ๋องถอดรองเท้าและถุงเท้าของเขา และดึงผ้าห่มมาคลุมให้จิ้งอ๋อง ทันทีที่ดึงผ้าห่มมาคลุมยังไม่ทันได้ดึงมือกลับ ก็ถูกจิ้งอ๋องคว้าไว้ ด้วยแรงดึงเบาๆจากจิ้งอ๋อง หยุนชางไม่มั่นคงและล้มลงบนตัวของจิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องหันกลับ วางหยุนชางไว้ข้างๆตน และวางมือบนเอวของหยุนชาง กอดนางไว้ในอ้อมอกของเขาอย่างแน่นหนา
หยุนชางขมวดคิ้ว “เจ้าให้ข้าถอดรองเท้าก่อน”
จิ้งอ๋องไม่ปล่อย แต่เพียงลุกขึ้นนั่งช่วยหยุนชางถอดรองเท้า โยนทิ้ง แล้วนอนลงอย่างรวดเร็ว
หยุนชางถูกเขารัดไว้อย่างแน่นหนา แม้ว่านางจะไม่เต็มใจนัก แต่นางก็ต้องปล่อยให้เขากอดไว้ เมื่อครู่นางเห็นใบหน้าของเขามีความเหนื่อยเล็กน้อย
ผ่านไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจิ้งอ๋องจะหลับสนิทแล้ว เนื่องจากหยุนชางเคยหลับมาในก่อนหน้านี้ ตอนนี้ นางไม่ง่วงนัก เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นเยี่ยงนี้ นางนอนหลับตานิ่งๆ แต่ก็ผล็อยหลับไป
เมื่อนางตื่นขึ้น หันกลับมา ก็เห็นจิ้งอ๋องนอนลืมตาอยู่ หยุนชางผงะไปครู่หนึ่ง ความทรงจำของนางค่อยๆ หวนคืน และถามอย่างงุนงงว่า “ตอนนี้กี่ยามแล้ว”
จิ้งอ๋องตอบเบาๆ “บ่ายสามแล้ว”
หยุนชางผงะไป “สายป่านนี้แล้วรึ?” แล้วนางก็ลุกขึ้นนั่ง “ทำไมตื่นแล้วถึงไม่ลุกขึ้นล่ะเพคะ หิวหรือไม่ ข้าจะให้คนนำสำรับมา”
จิ้งอ๋องยิ้ม “เมื่อเห็นเจ้านอนหลับสบายข้างข้า กลัวจะรบกวนเจ้า จึงขี้เกียจลุกขึ้นมั้ง”
หยุนชางจ้องมาที่เขา ลุกขึ้น เปิดประตูและเรียกคนให้นำน้ำร้อนมา แล้วนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เริ่มหวีผมตัวเอง เพียงแค่มวยผมขึ้นมาแบบลวกๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด จากนั้นออกมา น้ำก็ได้นำมาแล้ว
หยุนชางเรียกให้จิ้งอ๋องไปชำระตัว จิ้งอ๋องมองซ้ายขวา ขมวดคิ้ว “ไม่มีใครปรนิบัติ ข้ามัดไม่เป็น ต้องรบกวนพระชายาแล้ว”
หยุนชางจ้องมองเขา หยิบหวีขึ้นมาแล้วช่วยเขามัด
ผมของเขาไม่ง่ายที่จะมัด ขณะที่กำลังยุ่งอยู่กับศีรษะของเขา ก็ได้ยินเสียงองครักษ์ดังขึ้นนอกห้องโถง “คุณหนูจิ่งฟื้นแล้ว ร้องไห้และเรียกหาท่านอ๋อง เป็นตายร้ายดีนางไม่เชื่อว่าท่านอ๋องไม่เป็นไร ข้าน้อยเกลี้ยกล่อมนางตั้งนาน แต่นางไม่เชื่อขอรับ… ”งขอเชิญหมอ แต่หมออยู่ในลานด้านข้างสั่งยาสำหรับองค์ชายน้อยอยู่ หม่อมฉันมาขอคำแนะนำจากฝ่าบาท”
เมื่อได้ยินเยี่ยงนี้ จักรพรรดิหนิงและหยุนชางทั้งสองยืนพร้อมกัน “เกิดอะไรขึ้น จิ้งอ๋องได้รับบาดเจ็บหรือ”
เสียงด้านนอกดังขึ้นทันที “ทูลฝ่าบาท ไม่ใช่ท่านอ๋องที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นคุณหนูจิ่ง สถานการณ์โดยรวมหม่อมฉันไม่ชัดเจนมากนัก เห็นเพียงท่านอ๋องอุ้มนางเข้ามาในวัง ดูเหมือนว่านางจะช่วยท่านอ๋องรับลูกธนู และยังหมดสติอยู่พ่ะย่ะค่ะ”