หยุนชางรอเป็นเวลานานโดยไม่ได้ยินเสียงใดๆ นางรู้สึกสงสัย และรอไปสักพัก หันหลังกลับอย่างเงียบๆ โผล่ดวงตาทั้งคู่จากผ้าห่มและมองไปที่จิ้งอ๋อง
ภายใต้แสงเทียนที่สลัว จิ้งอ๋องสวมชุดซับในสีขาว สีหน้าของเขาไม่ได้เย็นชาเหมือนตอนกลางวัน มีความอ่อนโยนอย่างมาก ถือผ้าเช็ดหน้าสีขาวอยู่ในมือ ห่อผมที่ยาวๆ แล้วถูอย่างเบามือ
หยุนชางอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองมากขึ้น แต่ไม่สามารถละสายตาของนางได้มาก ชายผู้นี้ หน้าตาดีจริงๆ หยุนชางคิดในใจ มุมปากของนางก็โค้งงอเล็กน้อย
จิ้งอ๋องรู้นานแล้วว่าหยุนชางกำลังมองเขา แต่เขาไม่ส่งเสียงใดๆ เขาค่อยๆเช็ดผมให้แห้งโดยทำเหมือนไม่มีใครอยู่รอบๆตัว จากนั้นก็ลุกขึ้น และเดินไปที่เตียง
หยุนชางรีบหลับตา ทำทีว่าได้หลับไปนานแล้ว
จิ้งอ๋องรู้สึกตลกเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่อยากเปิดโปงนาง ดังนั้นเขาจึงเปิดผ้าห่มแล้วนอนลง
หยุนชางปิดคลุมผ้าห่มจนอุ่น จิ้งอ๋องถอนหายใจอย่างสบายใจ แต่กระแสความอบอุ่นที่ไม่คุ้นเคยก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของเขา แม้ว่าตอนอยู่ที่ชายแดน ข้ามักจะเบียดกับเหล่าทหารในค่าย แต่ว่า เป็นครั้งแรก มีหญิงสาวนอนอยู่ข้างๆ ที่มีกลิ่นหอมจางๆ
จิ้งอ๋องสังเกตเห็นว่าคนที่อยู่ข้างๆเกร็งมาก แต่ไม่ได้สะกิด เอามือออกจากผ้าห่ม ใช้กำลังภายในเบาๆ โคมไฟบนโต๊ะดับลง และทั้งห้องก็ตกอยู่ในความมืด
วันนี้จิ้งอ๋องเหนื่อยมากจริงๆ ตอนกลางวันยุ่งกับการต้อนรับแขก และถูกมอมเหล้าหลายถ้วย แทบจะไม่ได้สติ เพราะความกระหายน้ำเขาเลยตื่นขึ้น และได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพระสนมจิ่น ได้ฟังองครักษ์ลับรายงาน เมื่อคิดว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆคนนั้นคงจะกลัวจนกระวนกระวายใจมาก จึงรีบไปหาหมอตำแยที่ดีที่สุดในเมืองหลวง และรีบพาเข้าวัง
หลังจากยุ่งวุ่นวายกับเรื่องต่างๆ ในที่สุดก็โล่งใจ รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย หลับตาลง และผล็อยหลับไปทันที
หยุนชางหลับตาแน่น ไม่สามารถผ่อนคลายได้แม้แต่นาทีเดียว ตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวในห้อง หลังจากฟังไปสักพัก ก็ได้ยินเพียงเสียงหายใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การหายใจที่ยาว ดูเหมือนว่าได้หลับไปแล้ว?
หยุนชางแอบลืมตาขึ้นข้างหนึ่ง ในความมืด มองไม่เห็นอะไรเลย หยุนชางเพียงแต่เห็นโครงร่างที่อยู่ตรงหน้านาง หยุนชางตัวแข็งและมองดูเป็นเวลานาน เหมือนจะหลับไปแล้ว? หยุนชางคิดในใจ แล้วหันหลังกลับอย่างระมัดระวัง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้หลับในรถม้าหรือเปล่า หยุนชางไม่รู้สึกถึงอาการง่วงนอน แต่ไม่สามารถผ่อนคลายได้แม้แต่นาทีเดียว ในใจคิดอยู่ว่า ถ้าจิ้งอ๋องได้ตรวจสอบทุกสิ่งที่นางใช้ในวันนี้แล้ว เช่นนั้น ในเครื่องแป้ง คงจะไม่มีปัญหาอะไร แล้วมันผิดพลาดตรงไหนล่ะ?
หยุนชางถอนหายใจ ในหัวของนางมีแต่ความสับสนวุ่นวาย ตั้งแต่นางได้รับบาดเจ็บจากภูเขากิเลนแล้วฟื้นขึ้นมา หลายสิ่งหลายอย่างดูเหมือนจะไม่เข้าท่า ดูเหมือนว่า ระหว่างที่นางบาดเจ็บหมดสติ จิ้งอ๋องจะทำอะไรต่างๆ มากมาย แต่เนื่องจากนางยังไม่หายดี จิ้งอ๋องจึงไม่ให้มีอะไรมารบกวน และแม้แต่องครักษ์ลับก็ไม่สามารถรายงานข่าวกับนางได้ นางรู้ดีว่า ในจวนของจิ้งอ๋องแห่งนี้ ต้องได้รับความยินยอมจากพระองค์เท่านั้น นางถึงจะมีโอกาสพบองครักษ์ลับของนางได้
หยุนชางถอนใจ เมื่อนึกถึงรอเรื่องของพระสนมจิ่นจบลงในวันสองวัน แล้วบอกเขาว่าร่างกายของนางไม่น่าห่วงอีกต่อไป
ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะฝันถึงชีวิตภพก่อนบ่อยมาก ไม่รู้ว่าทำไม หยุนชางขมวดคิ้ว นึกถึงความฝันในรถม้าเมื่อครู่นี้ นางไม่เคยเห็นฉากความฝันในชีวิตภพก่อนด้วยตาตนเอง แต่นางเชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้นจริงในชีวิตภพก่อน ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมร่างกายของเหิงเอ๋อร์ถึงอ่อนแอมาก นางประมาทเกินไป ไว้วางใจสาวใช้ที่ฮองเฮามอบให้นาง และนางไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่านางใส่อะไรบางอย่างในยาของเหิงเอ๋อร์ แต่นางก็ยังให้ป้อนยาให้กับเหิงเอ๋อร์ด้วยตนเอง ทุกครั้งที่เหิงเอ๋อร์ไม่ต้องการดื่มยา นางก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาดื่ม
เมื่อนางนึกถึงสิ่งนี้ นางก็รู้สึกเหมือนมีดบาดหัวใจ
หยุนชางหลับตา ซ่อนความเกลียดชังไว้ในดวงตาของนาง
หลังจากคิดเรื่องวุ่นวายมากมาย หยุนชางก็รู้สึกง่วงเล็กน้อย และหลับไปอย่างช้าๆ
เมื่อหยุนชางตื่นขึ้น จิ้งอ๋องไม่อยู่ในจวนแล้ว หยุนชางถอนหายใจด้วยความโล่งอก มันยากมากที่จะจินตนาการว่า ตนและจิ้งอ๋องตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกัน
หยุนชางมักจะขี้เซา หลับตาถีบไปมาบนเตียง ไม่อยากลุกเลย แต่พอนึกถึงเรื่องของสนมจิ่น คิดว่าตนต้องเข้าวังดูถึงจะวางใจ จึงลืมตา กลิ้งไปมาบนเตียง หลังจากนั้นไม่นานนางก็เอ่ยปากเรียก “เฉี่ยนอิน”
เฉี่ยนอินรีบเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือบนใบหน้าของนาง “เฮ้ องค์หญิง…โอ้ ไม่ ตอนนี้ควรเรียกพระชายา พระชายาทรงตื่นแล้วหรือเพคะ”
หยุนชางงอนใส่เฉี่ยนอิน และถามว่า “ท่านอ๋องไปไหน”
เฉี่ยนอินหัวเราะเบาๆ “องค์หญิงแต่งงานแล้วเปลี่ยนไปจริงๆ ปกติยังต้องขี้เซาบนเตียงสักพัก แต่วันนี้ทรงตื่นมาอย่างกระฉับกระเฉง อีกทั้งลืมตาขึ้นมาประโยคแรกถามว่า ท่านอ๋องไปไหน” เฉี่ยนอินปิดปากแล้วมองหยุนชางด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องตรัสว่าเขาไปตรวจตราที่ค่ายนอกเมือง ให้พระชายาเสวยอาหารเช้าก่อนเพคะ หลังจากเสวยอาหารเช้าเสร็จ รอท่านอ๋องกลับมา ท่านอ๋องจะเข้าวังพร้อมท่านเพื่อไปเยี่ยมพระสนมจิ่น”
หยุนชางก้มศีรษะลงและใจสั่นเล็กน้อย ที่แท้เขารู้ว่าข้าเป็นห่วงกังวลเสด็จแม่อยู่ตลอด อมยิ้มและลุกขึ้นจากเตียง “แต่งตัวให้ข้าเถิด”
เฉี่ยนอินหยิบชุดสีแดงสด แล้วสวมให้หยุนชาง หยุนชางเข้าไปในห้องอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วพาหยุนชางไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบหวีขึ้นมาแล้วพูดกับหยุนชางว่า “วันนี้เรามาหวีมวยเซียนโบยบินกันเพคะ ตอนนี้องค์หญิงออกเรือนแล้ว จะทำทรงหญิงสาวอีกไม่ได้อีกแล้ว” เฉี่ยนอินหยิบหวีขึ้นมา เริ่มหวีผม เมื่อเห็นหยุนชางไม่พูด นางจึงพูดอีกครั้ง “องค์หญิง ท่านคงไม่รู้ว่า เดิมทีในห้องนี้ไม่มีโต๊ะเครื่องแป้งหรือของอื่นๆ สำหรับหญิงสาวเลย ท่านอ๋องสั่งให้คนเตรียมให้องค์หญิงเป็นการพิเศษนะเพคะ”
หยุนชางมองไปที่ห้อง และแน่นอนว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่มีเฉพาะในห้องส่วนตัวของหญิงสาวเท่านั้น เช่นม่านลูกปัด โต๊ะพิณ โต๊ะเครื่องแป้ง และของประดับตกแต่งที่หรูหรา
ในอดีต ห้องของจิ้งอ๋องนั้นเรียบง่าย ไร้อารมณ์ แต่ตอนนี้ก็ดูเหมาะสมแล้ว
เฉี่ยนอินหวีผมให้หยุนชางอย่างรวดเร็ว และหยิบปิ่นระย้ามาปัก จากนั้นยิ้มและกล่าวว่า “หม่อมฉันรู้ว่าองค์หญิงไม่ชอบปิ่นแบบนี้ แค่องค์หญิงเพิ่งสมรสใหม่ แต่งตัวตามตามกาลเทศะดีกว่านะคะ ไว้อีกสองสามวันหม่อมฉันจะเปลี่ยนปิ่นธรรมดาให้องค์หญิงนะเพคะ”
หยุนชางพยักหน้า ดูหญิงในกระจก ยิ้มเล็กน้อย และถอนหายใจ ไม่รู้ว่าทำไม บางทีอารมณ์ของนางอาจเปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะได้เรียนรู้อะไรมากมาย ดังนั้นรูปลักษณ์ของตนหลังจากเติบโตขึ้นในภพนี้ ค่อนข้างแตกต่างจากภพที่แล้ว และมีความกล้าหาญขึ้นเล็กน้อย รูปลักษณ์เลยดีขึ้นกว่าเดิม และอ่อนโยนขึ้นมาก บางที นี่อาจเป็นสิ่งที่เรียกว่าเกิดจากใจ
เฉี่ยนอินเห็นว่าหยุนชางไม่พูดอะไรมาก นางจึงออกไปสั่งให้คนเตรียมอาหารเช้า หลังจากสั่งการเสร็จ นางก็เดินเข้า ราวกับกำลังพูดอยู่กับตัวเองว่า “แปลกจริง เมื่อวานมีสาวใช้ คิดว่าเป็นท่านอ๋องเห็นว่าองค์หญิงเข้าจวน เลยจัดให้เป็นการพิเศษ แต่ทำไมวันนี้ไม่เห็นนางแล้วล่ะ?”
หยุนชางตกใจและเงยหน้าขึ้นมองเฉี่ยนอิน “เจ้าพูดอะไรนะ?”
เฉี่ยนอินรีบเดินไปที่หยุนชางและกล่าวว่า ” เมื่อวานตอนที่องค์หญิงอยู่ในห้องหอ ท่านอ๋องไม่ใช่สั่งสาวใช้คนหนึ่งเตรียมสำรับให้ท่านเหรอเพคะ? ณ เวลานั้นหม่อมฉันยังคิดเลยว่า เดิมไม่มีสาวใช้ในจวน แต่ทำไมจู่ๆ ถึงมีสาวใช้เพิ่มขึ้น หม่อมฉันคิดว่าเป็นท่านอ๋องเตรียมไว้เพื่อมารับใช้องค์หญิง แต่ทว่าไม่พบนางอีกเลยตั้งแต่เมื่อวาน”
หยุนชางขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น และพูดกับเฉี่ยนอินว่า “ไปตามพ่อบ้านมาให้ที”
เฉี่ยนอินรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย แต่นางก็รับคำอย่างรวดเร็ว และไปตามพ่อบ้าน
พ่อบ้านเป็นกังวลเล็กน้อย กังวลว่าพระชายาตามหาตนอย่างรีบร้อนในวันแรกหลังจากเข้าจวน เป็นไปได้ไหมว่านางไม่พอใจอะไรในจวนนี้ อดไม่ได้ที่จะเช็ดเหงื่อ ท่านอ๋องได้สั่งการไว้แล้ว ต้องปรนนิบัติรับใช้ให้ดี
พ่อบ้านเข้าไปในตำหนัก และยืนรออยู่ที่ห้องโถงด้านนอก หยุนชางเดินออกมาโดยไม่พูดอะไรมาก และไม่นั่งลงก็เอ่ยถามว่า “จวนนี้มีสาวใช้หรือไม่”
พ่อบ้านตะลึงและพูดอย่างเร่งรีบ “เรียนพระชายา ท่านอ๋องไม่ชอบสาวใช้ เลยไม่มีสาวใช้ในจวนขอรับ” โดยคิดว่าพระชายาเป็นหญิงสาว เป็นเพราะการเข้าห้องน้ำเหล่านั้นบริการที่ไม่เหมาะสม เขาพูดอย่างรวดเร็วว่า “เพราะข้าน้อยที่ไม่ได้คิดเรื่องนี้ให้ดีๆ พระชายายังต้องการสาวใช้เพื่อรับใช้ ประเดี๋ยวข้าน้อยจะไปหาสาวใช้มาให้ขอรับ”
หยุนชางส่ายหัว “ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น เมื่อวาน ท่านอ๋องตรัสว่าจะไปสั่งคนเตรียมสำรับให้ข้าก่อนจะไปดื่มฉลองกับแขกเหรื่อ แต่ทว่าผู้ที่มาส่งอาหารเป็นสาวใช้ ข้ารู้ว่าในจวนไม่มีสาวใช้ ข้าจึงอยากถามโดยเฉพาะ”
พ่อบ้านขมวดคิ้วเล็กน้อยและแสดงสีหน้าจริงจัง “เรียนพระชายา ในจวนนี้นอกจากสาวใช้ที่พระชายานำมา ก็ไม่มีสาวใช้อีกแล้วขอรับ…”