ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง – บทที่ 287 หลิ่วหยินเฟิง กุนซือแห่งแคว้นเซี่ย

บทที่ 287 หลิ่วหยินเฟิง กุนซือแห่งแคว้นเซี่ย

“หันหน้ามา” คนด้านหลังเอ่ยเสียงเบาแต่แฝงไปด้วยแววที่ไม่อาจขัดได้

หยุนชางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงหันกลับไป นางจึงได้เห็นใบหน้าของชายผู้นั้น เขาสวมชุดสีน้ำเงิน นั่งอยู่บนหลังม้า หน้าตาคมคาย มีกลิ่นอายของม้วนหนังสือ แต่แววตากลับเย็นชาและสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันมาก เพียงมองแวบเดียวหยุนชางก็รู้ว่าคนผู้นี้คือหลิ่วหยินเฟิง กุนซือผู้โด่งดังแห่งแคว้นเซี่ย

หยุนชางคิดไม่ถึงว่านางจะพบเขาที่นี่ แต่นางก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอันไม่สมควรใดๆ มีเพียงความตกใจและความกังวลเท่านั้น เนื่องจากนางเหน็ดเหนื่อยมาหลายวัน สีหน้าของนางจึงดูซีดเซียวเล็กน้อย พอมีเค้าแววของลูกที่กังวลเรื่องมารดาป่วยอยู่บ้าง

ชายคนนั้นเห็นท่าทางของหยุนชางแล้วก็ชะงักไปเล็กน้อย ผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้เอ่ยขึ้น เสียงของเขาเบาลงไปอีกทำให้ความน่าเกรงขามน้อยลงกว่าเมื่อครู่ไปบ้างเล็กน้อย

หยุนชางเหลือบมองเขาอย่างขลาดกลัวแล้วก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง “ข้อต่อของท่านแม่ไม่ค่อยดีนัก ตอนนี้นางแทบจากเตียงไม่ได้แล้ว…” หยุนชางกล่าวพร้อมนัยน์ตาเป็นกังวล

“แล้วทำไมข้าถึงเห็นว่าเจ้าไม่ได้เก็บหญ้าเจ็ดเซียนนั่น?” หลิ่วหยินเฟิงกวาดตามองหน้าหยุนชางและไปตกอยู่ที่มือของหยุนชางและเฉี่ยนอิน

“หญ้าเจ็ดเซียนที่ขึ้นตามผาหินจะมีสรรพคุณที่ดี ผาหินริมน้ำข้างหลังข้าก็มีอยู่หลายต้น เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าข้าจะเก็บมันอย่างไร จึงคิดหาวิธีที่ข้างลำธารอยู่พักหนึ่ง” หยุนชางเล่าอย่างสงบ โชคดีที่นางมาที่หุบเขาชิงเฟิงบ่อยมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา นางจึงคุ้นเคยกับพืชพรรณในหุบเขานี้เป็นอย่างดี เดิมหยุนชางก็วิชาแพทย์อยู่แล้ว เมื่อพูดเช่นนี้จึงทำให้หาพิรุธไม่พบ

หลิ่วหยินเฟิงจ้องมองไปที่ผาหินด้านหลังหยุนชาง จากนั้นก็มองมาที่หยุนชาง จากนั้นส่งสัญญาณให้ชายที่ถือดาบพาดคอหยุนชางลดดาบลง

“ไปช่วยคุณชายเก็บหญ้าเจ็ดเซียนนั้นลงมาเถอะ” หลิ่วหยินเฟิงกล่าวอย่างเรียบเฉย

หยุนชางได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “พี่ชายพูดจริงหรือ เช่นนั้นก็ลำรบกวนท่านแล้ว” นางพูดแล้วหันกลับไปมองผาหินอีกครั้งพร้อมมองชายชุดดำด้านข้างอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย สุดท้ายก็กำหมัดแน่นและเอ่ยขึ้นว่า “พี่ชาย ต้นที่ใบสีเขียวแกมม่วงนั่นแหล่ะ รบกวน… พี่ชายแล้ว… ”

ชายชุดดำไม่พูดอะไร คนหนึ่งกระโดดขึ้นไป หยุนชางผงะไปเล็กน้อย นางจ้องไปที่ชายชุดดำอย่างตกตะลึง เมื่อเห็นว่าชายชุดดำได้หยิบหญ้าเจ็ดเซียนบนผาหินแล้วจึงได้เผยรอยยิ้มออกมา

เมื่อชายชุดดำส่งหญ้าเจ็ดเซียนให้หยุนชาง หยุนชางก็รีบรับมาและหันไปขอบคุณหลิ่วหยินเฟิง “ขอบคุณ พี่ชาย”

หลิ่วหยินเฟิงสีหน้าไร้อารมณ์ ครู่ใหญ่จึงกล่าวว่า “เจ้าอาศัยอยู่ส่วนไหนของเมืองคังหยาง? ข้าจะให้พวกเขาไปส่งหญ้าเจ็ดเซียนนี้ ส่วนเจ้า ตามมาเป็นแขกของข้าเสียหน่อยก็แล้วกัน”

เมื่อครู่หยุนชางคิดว่าวิกฤตของวันนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหยินเฟิงจะระวังตัวเช่นนี้ จึงจ้องไปที่หลิ่วหยินเฟิงอย่างตกตะลึงอยู่นาน บนหน้าของนางฉายแววลังเล นางมองไปที่หญ้าเจ็ดเซียนในมือแล้วจึงถอนหายใจออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ขอน้อมรับไมตรีของท่านก็แล้วกัน แต่ข้าจำเป็นต้องเขียนจดหมายถึงท่านแม่ มิฉะนั้นเกรงว่านางอาจเป็นกังวล”

“เจ้ามีคำพูดใดก็ให้คนของข้านำไปก็ได้” หลิ่วหยินเฟิงสีหน้าราบเรียบ

หยุนชางกลับส่ายหัว “ข้าเป็นลูกคนเดียว เพราะท่านแม่สุขภาพไม่ดี ข้าจึงไม่ค่อยออกจากบ้านนัก หากเพียงนำแค่คำพูดไปเกรงว่านางจะเป็นห่วง ข้าจะเขียนจดหมายฉบับหนึ่งบอกนางว่าได้พบกับสหายเก่า จะไปอยู่กับเขาสองสามวัน ท่านแม่คงจะไม่สงสัยอะไร”

ม้าของหลิ่วหยินเฟิงพยศเล็กน้อย มันร้องสองสามครั้งและย่ำเท้าอยู่กับที่ หลิ่วหยินเฟิงดึงบังเหียนและพยักหน้า “เขียนจดหมายตามที่เจ้าว่าเถอะ” เขากล่าวพลางในคนที่อยู่ข้างหลังนำกระดาษและพู่กันออกมายื่นให้

หยุนชางเห็นว่าเขานำพู่กันและกระดาษมาด้วยก็รู้อยู่ในใจว่าเขาคงจะมาสำรวจภูมิประเทศด้วยเช่นกัน เกรงว่าเขาคงจะวาดแผนที่ของหุบเขาชิงเฟิงไว้อย่างละเอียดแล้ว ดูเหมือนว่าเขาคงคิดจะเข้ามาจากทางหุบเขาชิงเฟิงจริงๆ

หยุนชางคิดพลางยื่นหญ้าเจ็ดเซียนในมือให้ชายคนนั้น รับพู่กันและกระดาษมาเขียนจดหมายบอกว่านางได้พบกับสหายเก่าตอนมาเก็บสมุนไพร หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานมากจึงตัดสินใจที่จะอยู่กับเขาสักสองสามวันและประโยคง่ายๆ อีกสองสามประโยค เมื่อลงชื่อว่าเซียวหยุนแล้ว นางก็คืนพู่กันและกระดาษให้กับลูกน้องของหลิ่วหยินเฟิงและกล่าวว่า “ข้าอาศัยอยู่ที่จวนเซียวบนถนนหยิงซีในเมืองคังหยาง รบกวนท่านด้วย”

โชคดีที่หยุนชางได้คาดการณ์ถึงสถานการณ์ไม่คาดคิดเอาไว้แล้วจึงได้ใช้ชื่อเซียวหยุนหาจวนไว้ในเมืองคังหยางเผื่อไว้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีประโยชน์ในยามคับขันเช่นนี้

หลิ่วหยินเฟิงพยักหน้าหยิบกระดาษขึ้นมาดูแล้วยื่นให้คนที่อยู่ด้านหลังเขา “ทำตามที่คุณชายเซียวว่า ไปส่งของเถอะ” เขาพูดจบแล้วก็เงยหน้ามองหยุนชาง “เช่นนั้นก็รบกวนคุณชายเซียวแล้ว”

“มิกล้าๆ” หยุนชางยิ้มบางๆ สีหน้าของนางสงบ สายตาจ้องมองชายชุดดำที่นำหญ้าเจ็ดเซียนไปส่งอย่างโล่งใจ

หลิ่วหยินเฟิงสะบัดแส้และพูดว่า “คุณชายเซียวตามข้ามาเถอะ”

หยุนชางเรียกเฉี่ยนอินเพื่อขึ้นม้าด้วยกันและตามหลิ่วหยินเฟิงออกจากหุบเขาชิงเฟิงไป

แต่หลิ่วหยินเฟิงกลับไม่ได้กลับไปที่ค่ายทหารของแคว้นเซี่ย เขาพาหยุนชางไปที่จวนเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากค่ายทหารพอประมาณ จวนนั้นไม่ใหญ่นักและดูเหมือนเรือนสี่ประสาน* ในลานมีต้นท้อ ตรงกลางเป็นภูเขาจำลองเล็กๆ (*บ้านจีนโบราณล้อมรอบด้วยห้องและกำแพงทั้งสี่ด้าน มีลานบ้านอยู่ตรงกลาง)

ดูแล้วหลิ่วหยินเฟิงจะยังคงสงสัยในตัวนาง กลัวว่าหากพานางไปที่ค่ายแล้วนางจะถือโอกาสสืบข่าวในค่าย เขาจึงเพียงนำนางมาที่นี่ เพียงแต่สีหน้าของหน้าไม่ได้แสดงอะไรออกมา ดวงตาของนางมองดูต้นท้อกลางลานแล้วผุดยิ้มบางๆ ขึ้น “ต้นท้อในลานนี้เติบโตได้ไม่เลว ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเมื่อดอกท้อบานสะพรั่งเต็มลานคงจะสวยงามมาก”

หลิ่วหยินเฟิงหันหลับมามองนางแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับ แต่เขากลับมองหยุนชางอย่างข้องใจ หลิ่วหยินเฟิงจึงเอ่ยว่า “ลุงหลิ่ว นี่คุณชายเซียว เป็นแขกที่ข้าพามา ช่วยรับรองเขาให้ดีด้วย” เขากล่าวแล้วจึงเดินผ่านพ่อบ้านหลิ่วเข้าไปในห้อง

เมื่อพ่อบ้านหลิ่วได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบก้าวเข้ามาหาหยุนชางและกล่าวว่า “คุณชายเซียวขอรับ ข้าเป็นคนรับใช้ในจวนแห่งนี้ เรียกข้าว่าลุงหลิ่วก็ได้ ในจวนมีห้องแขกอยู่ทั้งด้านตะวันตกและตะวันออก คุณชายเซียวชอบด้านไหนขอรับ?”

หยุนชางเลิกคิ้วเล็กน้อย มองซ้ายขวาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตะวันตกแล้วกัน ข้าค่อนข้างขี้เกียจ ชอบนอนตื่นสาย หากแสงอาทิตย์สาดมาแทงตาข้าก็คงนอนได้ไม่สบายนัก”

พ่อบ้านหลิ่วพยักหน้าและผายมือเชิญนาง “ข้าจะพาคุณชายไปชมห้องขอรับ”

เมื่อประตูถูกเปิดออกข้างในก็ดูสดชื่นมาก มีโต๊ะกินข้าวด้านนอกรวมไปถึงโต๊ะหนังสือ โต๊ะวางฉิน ใช้ฉากไม้ไผ่กั้นไว้ ด่านในน่าจะเป็นเตียง

“ห้องนี้ถูกสร้างไว้ที่นี่ แต่ไม่มีใครเคยอยู่อาศัยมาก่อน เดี๋ยวข้าจะเปลี่ยนเครื่องนอนใหม่ให้ จวนแห่งนี้เล็กนิดเดียวเพราะคุณชายของข้าไม่ชินกับการถูกคนอื่นคอยรับใช้ ดังนั้นที่นี่จึงมีข้าเพียงคนเดียว หากคุณชายต้องการอะไรก็สามารถบอกข้าได้โดยตรง” พ่อบ้านหลิ่วยิ้มอย่างใจดี ดวงตาของเขาฉายแววอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย

หยุนชางพยักหน้าติดกัน “เช่นนี้ก็ดีแล้วๆ”

“เช่นนั้นเชิญคุณชายพักผ่อนสักครู่ อีกไม่นานก็จะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ข้าขอตัวไปทำอาหารก่อน”

หยุนชางตอบรับ พ่อบ้านหลิ่วยิ้มและก้าวออกไป

เฉี่ยนอินสีหน้าร้อนรนเล็กน้อย ในขณะที่นางกำลังจะพูดก็ถูกหยุนชางปิดปากไว้ หยุนชางส่ายหัวให้เฉี่ยนอินแล้วจึงค่อยๆ ปล่อยนาง เฉี่ยนอินกระทืบเท้าและกังวลเล็กน้อย “คุณชาย เมื่อครู่คุณชายชุดน้ำเงินคือใครหรือ? เหตุใดจึงได้เผด็จการเช่นนี้? ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี คุณชายเป็นคนดูแลฮูหยินใหญ่ หากเขาไม่ยอมปล่อยท่านกลับไปจะทำอย่างไรดี?” นางพูดพลางก้าวเข้ามาจับมือหยุนชางและวาดอะไรบางอย่างลงบนมือของนาง

หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มบางๆ และพูดออกมาอย่างขมขื่น “ใช่ จะทำอย่างไรดี? หวังว่าหญ้าเจ็ดเซียนนั้นจะบรรเทาอาการของท่านแม่ได้ หากร่างกายของท่านแม่ดีขึ้นก็ไม่เป็นไร ในจวนยังมีสาวใช้อยู่ เพียงแต่เมื่อข้าไม่อยู่ สาวใช้เหล่านั้นก็จะไม่มีคนคอยควบคุม หากรังแกท่านแม่ที่สุขภาพไม่ดีเข้า ก็…” ก่อนจะนางพูดจบก็ถอนหายใจออกมาแต่มือของนางกลับเขียนอะไรบางอย่างลงบนมือเฉี่ยนอินอย่างช้าๆ

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็สนทนาเรื่องทั่วไปที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญประการใดเล็กน้อยแล้วจึงเงียบลง

หยุนชางถอนหายใจ “ในเมื่อมาถึงนี่แล้วก็จงทำใจให้สบายดีกว่า สองสามวันมานี้เพื่อที่จะหาหญ้าเจ็ดเซียนให้ท่านแม่แล้ว ข้าไม่ได้นอนดีๆ เลย ข้าจะพักสักหน่อย อีกครู่เจ้าค่อยมาเรียกข้าก็แล้วกัน”

เฉี่ยนอินขานรับและช่วยพยุงหยุนชางไปพักผ่อนที่หลังฉากกั้น

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง

Status: Ongoing

ในภพก่อน นางเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ มีเสด็จพ่อที่ทรงโปรด “เสด็จแม่” ทรงตามพระทัย พี่หญิงที่คอยปกป้อง พระสวามีคอยดูแล จนนางมีนิสัยที่หยิ่งผยอง จนกระทั่ง นางได้เห็นด้วยตาตัวเอง ว่าพี่หญิงผู้ที่ตนเคารพนับถือที่สุด และพระสวามีที่รักของตนได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกัน ลูกชายที่ป่วยหนักถูกพระสวามีลงมือฆ่าด้วยตัวเอง นางจึงตระหนักว่าเรื่องทั้งหมดนี้ เป็นกลยุทธ์ที่วางแผนไว้อย่างรอบคอบโดย “เสด็จแม่” การทรยศ เหล้าที่อาบยาพิษ นางสูญเสียทุกสิ่ง…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท