ฉีหล่างพลันได้ยินประโยคแรกพลางคิดคร่ำครวญอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าเมื่อได้ยินฉีอวี้เฟิงเอ่ยถึงหยุนชางแล้ว ใบหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนสี “หวางเฟย. หวางเฟย เป็นเพียงสตรีนางนึงเท่านั้น นางจักไปรู้เรื่องอันใดมาก หลิ่วหยินเฟิงแข่งแกร่งมาก นั่นก็เป็นแค่เรื่องเล่าเท่านั้น ” เมื่อพูดจบพลันไม่สนใจฉีอวี้เฟิ่งที่ยืนขวางอยู่ กระโดดลงจากก้อนหินพร้อมชักดาบออกมาจากฝัก “ไป! วันนี้ พวกเราจะบุกไปตีกองทัพแคว้นเซี่ยให้แตกพ่าย”
“ท่านพ่อ ” ฉีอวี้เฟิงขมวดคิ้วลง วันนี้เขารู้สึกมีบางอย่างที่ไม่ปกติ อีกทั้งเขาเป็นเพียงแค่นายกอง ท่านพ่อไม่ฟังเขาเป็นแน่
ฉีหล่างนำกำลังพลบุกเข้าไปหากองทัพแคว้นเซี่ยที่กำลังถอยกลับอย่างใกล้ชิด หากแต่เมื่อถอยกลับไปได้เพียงห้าลี้ พลันเห็นกองทัพแคว้นเซี่ยที่ถอยไปเมื่อครู่ กลับมาตั้งแถวตรง และเคลื่นไหวอย่างเป็นระเบียบ ไม่เหมือนดั่งเช่นเมื่อครู่ที่ตื่นตระหนก
ทันใดนั้นทหารม้าทั้งสองแถวก็ปรากฏขึ้น พลางเดินมาหยุดอยู่ข้างหน้าเหล่าทหารทั้งหลาย เสมือนเป็นดั่งคันศร ตรงกลางนูนเด่นออกมา ปีกทั้งสองข้างเคลื่อนตัวไปข้างหลัง
พลันทหารที่อยู่ทัพหลังจึงแปลเปลี่ยนรูปแบบทัพเป็นแปดรูปแบบ มีเพียงหลิ่วหยินเฟิงและเซี่ยโหเหยียนที่ยืนอยู่ตรงกลางโดยมีทหารคอยอารักขาอย่างแน่นหนา
ทว่าทหารแคว้นหนิงทั้งสองฝั่งเมื่อเห็นทหารม้า ก็ค่อย ๆ โดนล้อมไปอยู่ตรงกลางวง
“เป็นหลุมพลาง” ทหารแคว้นหนิงพลันโอดครวญขึ้นมา สีหน้าของฉีหล่างพลันแปลเปลี่ยนเป็นลำบากใจ จ้องมองไปยังเซี่ยโหเหยียนและหลิ่วหยินเฟิงด้วยแววตาเครียดแค้น “พวกเจ้ากลัวอะไรกัน. หากใครกล้าขัดคำสั่งของกองทัพ ข้าจะฆ่าให้หมด”
“ท่านนายพล หลิ่วหยินเฟิงจะใช้รูปแบบค่ายกลเป็นแน่ พวกเราต้องชิงโจมตีก่อนที่กองทัพแคว้นเซี่ยจะแปลขบวนได้เสร็จสิ้น หากคว้าโอกาสนี้ไว้ได้แล้ว พวกเราถึงจะชนะ หากรอจนพวกเขาแปลขบวนเสร็จแล้ว จะเป็นเราเองที่พลาดท่า ” รองนายพลที่ยืนอยู่ข้างกายฉีหล่างพูดด้วยเสียงต่ำ
ฉีหล่างพยักหน้าพลางดึงดาบออกมาจากฝัก พร้อมตะโกนออกมาว่า “ฆ่า ! ” ทหารที่อยู่ข้างกายรองนายพลจึงนำทัพมุ่งหน้าไปหากองกำลังแคว้นเซี่ย
แม้ว่าการแปรทัพเป็นค่ายกลจะยังไม่เสร็จสิ้น. ทว่าทหารม้าที่อยู่เบื้องหน้าก็ทำหน้าที่ขัดขวางได้เป็นอย่างดี. ตรงกลางของกองทัพ หลิ่วหยินเฟิงยืนอยู่บนม้าพลางโบกธงสีแดงในมือว่า “ทหารม้าเคลื่อนพลสยายปีก”
ทหารม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้าพลางเคลื่อนพลมายังตรงกลาง พลันโอบล้อมทัพแคว้นหนิงเอาไว้ได้ ด้วยความร่วมมือของทหารม้า เพียงผ่านไปไม่ถึงชั่วครู่ ทัพหน้าแคว้นหนิงก็ถูกทำลายลง
สีหน้าของฉีหล่างเต็มไปด้วยความยากลำบาก พลันทหารม้าค่อยๆ แปลขบวนอีกรอบ ภายในใจของฉีหล่างเต้มไปด้วยความกังวล จึงสั่งให้พลธนูก้าวไปข้างหน้า พลันลูกศรที่ตกลงมาดั่งเม็ดฝนก็พุ่งเข้าใส่กองทัพแคว้นเซี่ย
“ทหารม้าถอยทัพ พลโล่เคลื่อนที่” หลิ่วหยินเฟิงพลางโบกธงไม่เร่งรีบ
ทหารม้าพลันถอยทัพออกมาสองก้าวอย่างรวดเร็ว พลทหารสองแถวถัดมาจึงก้าวเข้าไปข้างหน้าเพื่อตั้งเป็นโล่กำบัง
“ทหารม้าของพวกเขาโดนทำลายแล้ว พลธนูถอยกลับไป พวกเราบุก! ” ฉีหล่างรีบร้อนบุกเข้าไปในทันที ทว่าพลโล่สามารถสกัดกั้นการโจมตีได้ เมื่อพลโล่ถอยทัพกลับแล้ว พลันทหารม้าก็แปลแถวกลับมาเสร็จสมบูรณ์อีกครั้ง
ฉีหล่างจ้องมองทัพของแคว้นเซี่ยด้วยสายตาเบิกกว้าง ในใจรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย คิดไม่ถึงว่ารูปแบบค่ายกลของกองทัพที่ง่ายดายเช่นนี้ กลับทำให้ตนเองรู้สึกหมดหนทางได้. หลังจากใช้เวลาไม่นาน ก็ไม่มีทางที่จะสามารถตีทัพแคว้นเซี่ยให้แตกพ่ายได้
“กลศึกค่ายกลนี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ท่านนายพล ก่อนหน้านี้หวางเฟยมีรับสั่งไว้ว่า หากเกิดเหตุผิดพลาดอันใดขึ้นมาให้รีบถอยทัพทันที อย่าให้โดนแคว้นเซี่ยจับตัวได้เป็นอันขาด ” พลทหารข้างกายพันกระซิบที่ข้างหูฉีหล่าง ฉีหล่างขบริมฝีปากด้วยความคับแค้นใจ ดวงตาแดงกร่ำไปด้วยความโกธรเกี้ยว “ฆ่า ! ไม่ว่าจะแลกด้วยอันใด ข้าจะฆ่าให้ได้!”
ทันใดนั้น ภายในหุบเขาชิงเฟิงก็เกิดการสังหารขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซากศพกองพะเนินเสมือนภูเขา ทั่วทุกที่เสมือนอยู่บนขุมนรกก็ไม่ปาน
ในขณะที่กองทัพแคว้นเซี่ยนั้น หลิ่วหยินเฟิงเมื่อมองไปยังสถานการณ์ตรงหน้านั้น มุมปากพลันกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าฉีหล่างไม่สามารถทะลวงเข้ามาในค่ายกลได้ จึงนั่งลงดั่งเดิม
เซี่ยโหเหยียนหันไปมองหลิ่วหยินเฟิงพร้อมโบกมือไปมา “กุนซือช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ฉีหล่างชั่งเป็นคนอวดดีเสียจริง อีกทั้ง เขายังถูกเราชักจูงให้สับสนอีก ฮ่าฮ่า นั่นเป็นเพราะเขาตกหลุมพลางของกลอุบายเราเสียแล้ว แม้จะเห็นได้ชัดว่าไม่สามารถบุกทะลวงค่ายกลเข้ามาได้ ทว่าก็ยังลังเลที่จะถอยทัพกลับอีก นับว่าเป็นกำไรของพวกเราแล้ว หากทางฝั่งภูเขาหลิวหยุนกำลังพัฒนาไปได้ดี เมืองคังหยาง ก็จะตกเป็นของเรา ”
หลิ่วหยินเฟิงพยักหน้าตอบพลันขมวดคิ้วลงเล็กน้อย “มีบางอย่างผิดปกติ ข้าได้ยินมาว่า ค่ายทหารที่ตั้งอยู่นอกเมืองคังหยางนั้นมีทหารอย่างน้องสามแสนนาย ทว่า ที่ตรงหน้านี้มีพลทหารอยู่ไม่ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นนาย แล้วอีกครึ่งหนึ่งไปไหนเล่า ? ”
เซี่ยโหเหยียนขมวดคิ้วฉงน พลางนิ่งคิด. “ตามที่สายข่าวรายงานว่า อำนาจการจัดการกองทัพฉีหล่างนั้น นำทัพมาเพื่อต้านเราที่หุบเขาชิงเฟิงโดยเฉพาะ”
พลันมีเสียงรายงานดังเข้ามา ” รายงาน” ในมือพลางถือตราสัญลักษณ์ทหารควบม้าเดินเข้ามา ผ่านกลุ่มทหารเพื่อมาคุกเข่าลงต่อหน้าเซี่ยโหเหยียนและหลิ่วหยินเฟิง “รายงานท่านแม่ทัพ ท่านกุนซือ กองทัพที่ภูเขาหลิวหยุนถูกศัตรูลอบโจมตี กองทัพศัตรูมีประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นนาย ตอนนี้กองทัพแคว้นเราถูกตีพ่ายแล้วพะยะค่ะ”
“มีศัตรูอยู่ในภูเขาหลิวหยุน? ” หลิ่วหยินเฟิงกับเซี่ยโหจิ้งสบตากัน พลันขมวดคิ้วขึ้น หลิ่วหยินเฟิงเงียบไปสักพักจึงพูดขึ้นมาว่า ” นี่ไม่ใช่วิถีของฉีหล่าง เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีคนคอยวางแผนอยู่เบื้องหลัง?”
เซี่ยโหเหยียนพลันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ข้าได้ยินมาว่า พระชายาจิ้งอ๋องของแคว้นหนิงมาที่เมืองคังหยาง ถึงแม้ว่าจะเป็นพระราชโองการให้ดำรงตำแหน่งนำทัพ ทว่าฉีหล่างกลับดูถูกนางว่าเป็นสตรีที่ไร้ประโยชน์ คอยสร้างแต่ปัญหาให้เขา แม้แต่ในค่ายทหารก็ไม่ให้นางเข้ามา เมื่อข้าได้ยินถึงทัศนคติของฉีหล่างแล้ว ข้าจึงไม่ได้ใส่ใจนางเท่าใดนัก หรือแท้จริงแล้วอาจจะเป็นนางก็ได้”
หลิ่วหยินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “พระชายาจิ้งอ๋องหรือ ข้าเคยได้ยินมาว่าเป็นองค์หญิงฮุ่ยกั๋วแห่งแคว้นหนิง. เป็นที่เคารพรักของประชาชนแคว้นหนิงเป็นอย่างมาก จิ้งอ๋องรักนางปานจะกลืนกิน ทว่า จากที่สายข่าวรายงานมา พระชายาจิ้งอ๋องร่างกายอ่อนแอ อีกทั้งยังมีคุณธรรมสูงส่ง ข้าไม่รู้สึกว่านางจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ หากแต่เป็นที่โปรดปรานของจิ้งอ๋องแล้วล่ะก็ เกรงว่าจะมิใช่บุคคลธรรมดาเสียแล้ว”
“ดูเหมือนว่า เราจะโดนนางหมายหัวไว้แล้ว ทว่าฉีหล่างผู้นี้ ดูเหมือนว่า ” เซี่ยโหเหยียนพลันนิ่งเงียบไปสักพัก จึงพูดต่อว่า “เกรงว่าที่ฉีหล่างและพระชายาจิ้งอ๋องไม่ลงรอยกันจะเป็นเรื่องจริง ฉีหล่างผู้นั้นหยิ่งยโสเกินไปจึงไม่ทำตามแผนที่พระชายาจิ้งอ๋องวางไว้”
หลิ่วหยินเฟิงพลางพยักหน้ารับ ภายในใจหมายมาดไว้ว่าจะต้องไปสืบหาข้อมูลของพระชายาจิ้งอ๋องมาบ้าง หลังจากจบศึกครั้งนี้ เขาจะต้องส่งคนไปตรวจสอบทันที ครั้งนี้เป็นเขาที่ประมาทเลินเล่อไปเอง
ยังมิทันไร ก็มีพลทหารเข้ามารายงานว่า “รายงาน ! กองกำลังแคว้นหนิงกว่าห้าหมื่นนาย นำกองกำลังลอบเข้ามาในค่ายทหารแคว้นเซี่ย แล้วลอบวางเพลิงที่คลังเสบียงของเราพะยะค่ะ ทว่าเป็นโชคของเราที่มาได้ทันเวลาพอดี ทว่าก็เสียหายไปไม่น้อยเลย”
เซี่ยโหเหยียนและหลิ่วหยินเฟิงลอบมองหน้ากันด้วยสีหน้าตกตะลึง พลางขมวดคิ้วครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ “เกรงว่า ทหารแคว้นหนิงทั้งห้าหมื่นคน จะถอนกำลังจากหุบเขาชิงเฟิง ก่อนหน้าที่ฉีหล่างจะเข้ามาโจมตีแล้ว พวกเราต้องรีบโจมตีโดยเร็วที่สุด ”
เซี่ยโหเหยียนไม่ติดใจในการตัดสินของหลิ่วหยินเฟิงแม้แต่น้อย และรีบตอบรับทันควัน พลางดึงดาบออกจากฝักแล้วชูขึ้นฟ้า “พี่น้องทั้งหลาย ที่ช่วยต่อสู้ให้กับแคว้น พวกเราบุกเข้าไป หากใครฆ่าศัตรูได้ข้าจักมีรางวัลให้! ”
เหล่าทหารทั้งหลายพลันตอบสนองมาอย่างรอบเร็ว พร้อมตะโกนเสียงดังว่าฆ่าดังไปทั่วสนามรบ
ฉีหลางได้ยินดังนั้น ใบหน้าพลันถอดสี กวาดสายตามองพลทหารที่อยู่ในมือโดนฆ่าตายไปมากมายนั้น พลางรู้สึกว่าอยากให้ตนเองหายไปจากสถานการณ์ที่อยู่ข้างหน้านี้ เกรงว่าจะไม่สามารถหาวิธีตีกองทัพแคว้นเซี่ยให้แตกพ่ายได้ เขากัดฟันขบคิดอยู่นาน ทว่าในเวลานี้ชีวิตเหล่าทหารสำคัญที่สุด จึงตะโกนออกมาว่า “ถอย ” แล้วชักม้าหันหลังกลับ
เมื่อหลิ่วหยินเฟิงเห็นความพ่ายแพ้ของฉีหล่างนั้น จึงมิได้สั่งการให้ไล่ล่าต่อ “อย่าได้ไล่คนให้จนมุม ให้รอเวลาซุ่มโจมตี ให้ทัพแคว้นหนิงกลับไปยังค่ายทหารได้เพียงชั่วครู่ ค่อยซุ่มโจมตีอีกครั้ง”
เมื่อเหล่าทหารแคว้นเซี่ยได้ยินดังนั้น จึงรีบไปหาพื้นที่ลอบซุ่มโจมตีทันที
เพียงผ่านไปสองชั่วยาม พลันได้ยินเสียงเกือกม้าดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ พลางหยุนตรงที่แคว้นเซี่ยรอลอบซุ่มโจมตีอีกครั้ง “ท่านนายพล มีซากศพมากมายอยู่ที่นี่ เกรงว่าเมื่อครู่จะมีการสู้รบกันเกิดขึ้นที่นี่ ทว่าเป็นซากศพของกองทัพเราซะส่วนใหญ่พะยะค่ะ”
นายพลนำทัพนั้นคือหลิวหัว หลิวหัวได้ยินดังนั้นพลางขมวดคิ้วลง “เป็นไปได้หรือไม่ว่า ทัพของนายพลฉีแตกพ่ายแล้ว กำลังถูกทัพของแคว้นเซี่ยไล่ล่า”
เมื่อครุ่นคิดไปสักพัก พลันมีแสงสว่างวาบขึ้นมาในตาพวกเขา จึงรีบร้อนพูดขึ้นมาว่า “หากมีการซุ่มโจมตีเกิดขึ้นที่นี่เล่า รีบให้กองทัพเร่งฝีเท้าผ่านจุดนี้ไปโดยเร็วเสีย”
เมื่อพูดจบ พลันได้เสียงเกราะที่กระทบกับพื้นดินดังขึ้นมา เมื่อมองไปรอบด้านพลันพบกับกองทัพแคว้นเซี่ยเต็มไปหมด หลิ่วหยินเฟิงยืนอยุ่มุมสูง มองหลิวหัวด้วยรอยยิ้มว่า “ที่แท้เป็นนายพลหลิวหรือ”
หลิวหัวพลันขมวดคิ้ว “ยุติการต่อสู้ กองทัพทั้งหมดจะผ่านจุดนี้ไปโดยเร็ว”
เมื่อพูดจบ กองทัพแคว้นหนิงพลันเร่งฝีเท้าไวขึ้น หากแต่เซี่ยโหเหยียนยิ้มพูดขึ้นมาว่า “นายพลหลิวเผาคลังเสบียงของแคว้นเซี่ยไปแล้ว ท่านคิดว่าจะผ่านไปได้ง่ายหรือ ? หากเรื่องนี้จะง่ายขึ้น ก็ให้ข้าฆ่าท่านซะ”
หลิวหัวมิได้ตื่นตระหนกอันใด จึงดึงดาบออกมาต้านการโจมตีของแคว้นเซี่ย และรีบสั่งให้กองทัพหนิงเคลื่อนพลไปอย่างรวดเร็ว