หยุนชางกระโดดไปยังต้นไม้อีกต้นหนึ่ง นางมองไปยังภาพภูเขาที่สลับซับซ้อน รู้สึกพะวงขึ้นในใจ หมอกควันนั่น ไม่รู้เลยว่าเหล่าทหารและพวกชาวบ้านจะทนรับไหวหรือไม่ นี่ก็ผ่านไปเกือบจะ 2 ชั่วยามแล้ว……
ยังคงไร้วี่แววจากสายลับ หยุนชางขมวดคิ้ว นางร้อนใจ ทหารแคว้นเซี่ยวางเพลิงเผาภูเขา เกรงว่าเหล่าสายลับจะทนควันไฟไม่ไหวจึงต้องแอบหนีไปพักที่อื่นเสียก่อน
หลังจากนั้นไม่ถึง 1 ชั่วยาม กองกำลังเสริมก็กลับมา กลุ่มแรกได้มารายงานตัวต่อหน้าของหยุนชางแล้ว หลิวหัวและเฉี่ยนอินเข้ามาเป็นแถวแรก เมื่อได้พบหยุนชาง นัยน์ตาของพวกเขาก็เปล่งประกาย “ใต้เท้า……” “พระชายา……”
เฉี่ยนอินลงจากหลังม้าก่อนใคร นางเดินมาใกล้ๆหยุนชาง “พระชายา หม่อมฉันนำกองกำลังเสริมมาแล้วเพคะ”
หยุนชางยิ้มให้และพยักหน้า นางมองไปที่หลิวหัว นางเห็นว่าแววตาของเขาดูจะอ่อนล้าเล็กน้อย จึงหยิบกระบอกน้ำที่อยู่ข้างๆตัวม้าส่งไปให้ นางพูดอย่างอ่อนโยน “ดื่มน้ำเสียหน่อยเถิด”
หลิวหัวมองไปที่ม้าของหยุนชาง เขารู้สึกประหลาดใจ “ใต้เท้าเตรียมกระบอกน้ำเอาไว้มากมายเช่นนี้เพื่อเหตุใดหรือขอรับ?”
หยุนชางตอบ “กองกำลังแคว้นเซี่ยปิดทางเดินน้ำของกองกำลังแคว้นหนิง เหล่าทหารที่อยู่บนเขานั่นไม่ได้ดื่มน้ำกันมาเกือบ 2 วันแล้ว ดังนั้นข้าจึงจะให้ทุกคนเตรียมกระบอกน้ำเอาไว้”
เมื่อหลิวหัวได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไปสักพัก แล้วเขาก็พยักหน้า
ไม่นานนัก ฉีหล่างและหวังชงก็นำหน้าขบวนม้าศึกเข้ามาหาหยุนชาง พวกเขาลงจากม้าแล้วคารวะหยุนชาง “ใต้เท้า”
หยุนชางพยักหน้า “ลำบากท่านแม่ทัพทั้งสองจริงๆ กองกำลังเสริมมีมากี่คนหรือ?”
“ตามบัญชาของใต้เท้า นอกจากทหาร 5 หมื่นนายที่เหลือเอาไว้เฝ้าเมืองคังหยางแล้ว ทหารที่นำมาในวันนี้มีทั้งสิ้น 2 แสนนายขอรับ ให้รับมือกับกองกำลังแคว้นเซี่ยเห็นทีจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แม้ว่าแคว้นเซี่ยจะเตรียมไพร่พลมามากกว่า 4 แสนนาย แต่พวกเขาก็บาดเจ็บและสูญเสียไพร่พลไปมากกว่าฝ่ายเรา ตอนนี้ก็คงเหลือกันมากสุดเพียง 3 แสน 3 หมื่นนายขอรับ” ฉีหล่างกล่าวรายงานอย่างแข็งขัน
หลิวหัวเองก็พยักหน้า “แม่ทัพฉีพูดได้ดี จริงสิ ใต้เท้าขอรับ ทหารของเราหลายนายมีบ้านเกิดคือเมืองจิ้งหยาง ข้าน้อยคิดว่า พวกเรารู้จักสภาพพื้นที่ของเมืองคังหยางเป็นอย่างดี แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจสภาพพื้นที่ของเมืองจิ้งหยางเท่าใดนัก ให้ทหารที่มาจากเมืองจิ้งหยางเป็นผู้นำทาง แล้วพวกเราก็เรียนรู้สภาพพื้นที่ของเมืองจิ้งหยางไปด้วย ทางฝั่งแคว้นเซี่ยมีทหารเช่นนี้น้อยกว่าทางฝั่งเราขอรับ”
หยุนชางตาลุกวาว นางรีบหันไปมองหลิวหัว “ท่านแม่ทัพหลิวพูดได้ดียิ่งนัก ข้าลืมคำนึงถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย”
“เช่นนั้นข้าน้อยจะขอไปคัดเลือกทหารดังกล่าวมานะขอรับ” หลิวหัวดีใจมากเมื่อได้ยินหยุนชางพูดเช่นนั้น เขารีบขึ้นม้า แล้วมุ่งหน้าไปทางเหล่าทหาร
ไม่นานนัก เขาก็ได้พาทหารราวๆ 10 นายมาอยู่ตรงหน้าหยุนชาง “ท่านผู้นี้คือใต้เท้ากำกับการของพวกเรา ที่นำตัวพวกเจ้ามาก็เพราะพวกเจ้าเป็นคนเมืองจิ้งหยาง พวกเรามีเรื่องต้องการถาม พวกเจ้าจงให้คำตอบแก่เราก็พอแล้ว”
สิบคนนั้นมองหน้ากัน แล้วตอบรับพร้อมกัน “ขอรับ ขอรับ”
หยุนชางเริ่มตั้งคำถาม “ภูเขาที่กำลังถูกเผาอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามโน้น มีลักษณะทางภูมิศาสตร์อย่างไรบ้าง? บนเขามีแหล่งน้ำไหม? มีความพิเศษประการใดหรือไม่?”
ถามจบไปสักพัก ก็มีคนค่อยๆเอ่ยปากให้คำตอบ “เรียนใต้เท้า ภูเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นชื่อว่าภูเขาหยุนจิน เนื่องจากมีแม่น้ำขวางกั้นเมืองจิ้งหยางกับภูเขาลูกนั้นไว้ พวกเราจึงไม่ค่อยได้ขึ้นไปบนภูเขาแห่งนั้น บนภูเขามีสัตว์ป่าชนิดต่างๆ สัตว์ป่าหลายตัวถูกนำมาขายในเมืองเพื่อใช้ประกอบอาหาร นายพรานส่วนใหญ่จะล่าเนื้อสัตว์ป่ามาจากภูเขาแห่งนี้ขอรับ”
หยุนชางพยักหน้า “ในเมื่อมีสัตว์ป่าถูกล่ามากมาย เลือดของพวกสัตว์ป่าที่ไหลออกมาก็คงจะสร้างความชุ่มชื้นให้กับผืนดินได้บ้าง แต่ว่าบนภูเขามีคนอยู่กันเยอะ และหมอกควันจากไฟป่าก็กำลังคละคลุ้งอบอวลเป็นบริเวณกว้าง เกรงว่าผู้คนจะทนต่อไปไม่ไหว”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไปสักพัก พลันมีทหารนายหนึ่งพูดเสริมขึ้นมา “เรียนใต้เท้า ข้าน้อยเคยเป็นพรานป่ามาก่อนที่จะเป็นทหาร ข้าน้อยรู้จักภูเขาหยุนจินเป็นอย่างดี ใต้เท้าโปรดวางใจได้ ที่ตอนกลางของภูเขาหยุนจินมีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง เป็นถ้ำที่ลึกมาก แต่ปากทางเข้าถ้ำได้ถูกป่ารกทึบบดบัง มองผ่านๆอาจจะหาทางเข้าถ้ำไม่เจอ ข้าน้อยเคยพลัดหลงเข้าไปในนั้น ใช้เวลากว่า 2 วัน 2 คืนจึงจะออกมาได้ ทางออกของถ้ำอยู่ที่หมู่บ้านซิ่งฮัวขอรับ”
“หมู่บ้านซิ่งฮัวงั้นหรือ?” หยุนชางเอ่ยถาม “นำแผนที่มาให้ข้าที”
คนที่อยู่ใกล้ๆรีบนำแผนที่ส่งมอบให้หยุนชางทันที เมื่อกางแผนที่ออกมา หยุนชางไล่หาบริเวณรอบๆเมืองจิ้งหยาง จนกระทั่งได้พบหมู่บ้านซิ่งฮัวตามคำบอกเล่า นางตกใจเล็กน้อย พลันเรียกให้ทหารคนเมื่อครู่มาดูแผนที่ “หมู่บ้านซิ่งฮัวที่เจ้าพูดมาคือตรงนี้น่ะหรือ?”
ทหารผู้นั้นพยักหน้า “ใช่แล้วขอรับ ตรงนี้แหละขอรับ ตอนที่ข้าน้อยไปถึงหมู่บ้านซิ่งฮัว ก็ได้พบกับภรรยาของข้าน้อย นางเป็นคนหมู่บ้านซิ่งฮัวขอรับ”
หยุนชางชี้นิ้วไปบนตำแหน่งภูเขาหยุนจิน เป็นภูเขาที่ทอดยาวมาก ผ่านภูเขาจิงซานและภูเขาฉีซาน จากนั้นจึงจะเป็นหมู่บ้านซิ่งฮัว
ทหารผู้นั้นเอ่ยเสริม “ภายในถ้ำมีน้ำ ข้าน้อยจำได้ว่ามีแอ่งน้ำอยู่ในนั้นหลายจุด ราวๆ 10 จุดได้ แม้ว่าน้ำแต่ละจุดจะมีปริมาณไม่มาก แต่หากนำน้ำทุกๆจุดมารวมกันแล้วก็จะมีปริมาณเทียบเท่ากับสระน้ำได้ขอรับ”
หยุนชางดีใจมาก นางสั่งให้หลิวหัวพาทหารคนอื่นๆถอยออกไปก่อน เหลือไว้เพียงแค่ทหารผู้ที่เคยเป็นพรานป่าผู้นั้น
“เจ้าชื่ออะไร?” ทหารนายนั้นเดิมทียืนก้มหน้าอยู่ เมื่อได้ยินคำถามจากหยุนชาง เขาจึงค่อยๆเงยหน้า เมื่อเขาเห็นหน้าของหยุนชางแล้ว ก็เหม่อมองอยู่สักพัก
“ใต้เท้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ!” ฉีหล่างขมวดคิ้วและดุเขา
ทหารนายนั้นได้สติขึ้นมา เขาตอบอย่างรวดเร็ว “เซียวต้าป่าว ข้าน้อยชื่อเซียวต้าป่าวขอรับ”
หยุนชางยิ้มให้แล้วพยักหน้า “เห็นทีว่าตอนนี้ทหารแคว้นหนิงของพวกเราคงจะติดอยู่ภายในถ้ำที่เจ้าว่า เห็นเจ้าบอกว่าเจ้ารู้จักภูเขาหยุนจินลูกนี้เป็นอย่างดี ข้าจะขอให้เจ้าช่วยนำทางให้พวกเราเข้าไปได้หรือไม่?”
เมื่อเซียวต้าป่าวได้ฟัง ก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก “ขอรับ ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง”
หยุนชางให้เขาหลบไปรอข้างๆ แล้วจึงหันมาพูดกับฉีหล่าง “หากเป็นดังเช่นเซียวต้าป่าวพูด ทหารแคว้นหนิงและชาวบ้านในเวลานี้ก็คงจะพออยู่รอดกันได้บ้าง ท่านอ๋องคงจะให้พวกชาวบ้านอพยพไปยังหมู่บ้านซิ่งฮัว เพราะการหลบอยู่ในถ้ำนานๆคงไม่เป็นการดีแน่ เสบียงของกองกำลังแคว้นเซี่ยกำลังร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ พวกเขาคงคิดที่จะรีบทำการจู่โจมให้แล้วเสร็จ ข้าคิดว่า พวกเขาคงคอยท่าอยู่ไม่นาน แล้วคงจะขึ้นเขาต่อไปแน่ๆ เมื่อถึงเวลานั้น หากทหารแคว้นเซี่ยได้ไปเจอถ้ำแห่งนั้นแล้ว ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที”
“แต่ว่า หากถ้ำนั้นเชื่อมไปยังหมู่บ้านซิ่งฮัวได้ ท่านอ๋องอาจจะออกไปรอที่นั่น แล้วล่อให้กองกำลังแคว้นเซี่ยทำการโจมตีที่นั่นหรือไม่? หากพวกเราเข้าไปช่วยคนของเราในเวลานี้ อาจจะเข้าทางแผนของฝั่งแคว้นเซี่ยก็เป็นได้ ไพร่พลของพวกเรามีจำนวนไม่มาก……” ฉีหล่างขมวดคิ้วแสดงความคิดเห็นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หยุนชางส่ายหน้า “ไม่หรอก ท่านอ๋องจะไม่ทรงทำเช่นนั้น” หยุนชางยิ้ม “ข้าเข้าใจความคิดของท่านอ๋องดี หากทหาร 2 แสนนายหายตัวไปภายในภูเขาหยุนจิน ทหารแคว้นเซี่ยก็จะเกิดความสงสัย ถ้ำแห่งนั้นก็จะแอบซ่อนต่อไปไม่ได้อีก หากถึงเวลานั้น ทหารแคว้นเซี่ยจะเคลื่อนกำลังพลผ่านถ้ำเพื่อไปยังหมู่บ้านซิ่งฮัว พวกชาวบ้านก็จะได้รับความเดือดร้อน แล้วอีกอย่าง กองกำลังแคว้นเซี่ยก็อาจจะบุกเข้ามาที่แคว้นหนิงได้โดยง่าย ความเสี่ยงเช่นนี้ ท่านอ๋องไม่มีวันยอมเสี่ยงแน่นอน”
ฉีหล่างยืนนิ่งไปสักพัก เขารู้แล้วว่าวิธีนี้คงจะไม่เป็นผล เขาพยักหน้า “ใต้เท้า เช่นนั้นแล้ว พวกเราจะทำเช่นไรต่อไปขอรับ?”
ระหว่างที่กำลังใช้ความคิดอยู่นั้น หยุนชางพลันก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นางส่งสัญญาณมือขึ้นมาต่อหน้าผู้คน นางก้มหน้าอยู่สักพัก แล้วค่อยๆยิ้มที่มุมปาก “ตกลง ทำตามนี้เลยแล้วกัน”
“ใต้เท้า เป็นอะไรไปหรือขอรับ?”
หยุนชางหันไปมองเหล่าผู้บัญชาการทหารทั้งหลาย นางยิ้ม “สายลับส่งข่าวมา เป็นไปตามที่ข้าคาดการณ์ ทหารของท่านอ๋องซ่อนตัวอยู่ในถ้ำแห่งนั้น ท่านอ๋องบอกมาว่า พวกเราอย่าเพิ่งลงมือ กองกำลังแคว้นเซี่ยคงจะทนรอต่อไปได้ไม่นาน หากฝั่งแคว้นเซี่ยต้องการขึ้นเขา ก็ต้องดับไฟบนเขาเสียก่อน เมื่อถึงเวลานั้น ท่านอ๋องก็จะเปิดศึกกับฝั่งแคว้นเซี่ยอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน”