ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง – บทที่ 350 จักรพรรดิแคว้นเซี่ยเดินทางมาแคว้นหนิง

บทที่ 350 จักรพรรดิแคว้นเซี่ยเดินทางมาแคว้นหนิง

เฉียนยินพลางลอบมองหยุนชาง จึงรู้ว่าจิ่งเหวินซีนั้นชะตาถึงฆาตเสียแล้ว ในใจพลันรู้สึกเย็นชา พลางคิดว่าคนตายยังมีกระดูกให้เห็น หากแต่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือหวางเฟยแล้วนั้น ก็เหมือนกับตายไปแล้วทั้งเป็น

พระราชโองการแต่งตั้งฮองเฮาแผ่นใหม่ได้ประกาศออกมาแล้วนั้น ผ่านไปอย่างสงบไม่มีเหตุการณ์ใดใดเกิดขึ้นเลย เพียงแต่ในตอนสาย ๆ พลันมีข่าวลือดังเข้ามาในพระราชวังว่า ที่แท้จิ่นเหวินซีก็เป็นตัวกาลกิณีของแคว้น หลิวชิงหย่าเป็นบุคคลที่ฟ้าดินส่งมาเป็นฮองเฮา

หยุนชางได้ยินข่าวลือเช่นนั้น พลางแอบส่ายหัวไปมาเล็กน้อย มิได้เอ่ยอันใดออกมา แท้จริงแล้วข่าวลือวทุกข่าวนั้นล้วนแต่มีจุดประสงค์แอบแฝงทุกครั้ง

เมื่อครุ่นคิดสักพักจึงเดินทางเข้าวังเพื่อเข้าพบเสด็จแม่ พลางเรียกให้คนเตรียมรถม้าก่อนหน้านั้นแล้วเพื่อเข้าวัง

จิ่นกุ้ยเฟยกำลังยุ่งอยู่กับการป้อนนมให้เฉินซี เมื่อเห็นหยุนชางนั้นจึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน พลางเรียกให้หยุนชางมานั่งข้างเตียง พร้อมถามว่า “อาการบาดเจ็บของจิ้งอ๋องเป็นเช่นไร? แม่ได้ยินมาว่าวันนั้นถึงกลับเป็นลมล้มพับไปเลยหรือ ? ช่วงนี้แม่ยุ่งเป็นอย่างมาก ไม่มีเวลาแวะไปเยี่ยมเยียนเลย”

หยุนชางเมื่อได้ยินคำถามของจิ่นกุ้ยเฟยเช่นนั้น พลางก้มหัวตอบกลับว่า “ท่านอ๋องมิได้เป็นอันใดแล้วเพคะ บาดแผลได้รับการฟื้นฟูจนดีขึ้นแล้ว วันนั้นที่ท่านอ๋องเป็นลมนั่นเป็นเพราะท่านอ๋องเดินออกไปข้างนอกด้วยตัวคนเดียวพร้อมทั้งเกิดอุบัติเหตุลื่นไถลลงไป จึงทำให้บาดแผลมีเลือดออก ทว่าตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วเพคะ”

เกรงว่าตอนนี้คงจะมีชีวิตที่ดีกว่าใครเชียว หยุนชางแอบพูดภายในใจ ช่วงนี้นางต้องทนทุกข์ทรมานทั้งกลางวันและกลางคืน พลางภาวนาให้ฤดูมาไวกว่านี้ นางจักได้พักผ่อนบ้าง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ใบหูของหยุนชางพลันแดงขึ้นเล็กน้อย หากแต่แสร้งทำเป็นมองดูเฉินซีพร้อมพูดว่า “เฉินซีน่ารักเสียจริง ไม่ร้องให้โวยวายเลย”

จิ่นเฟยยิ้มเล็กน้อย พร้อมบอกว่า “เฉินซีมีนิสัยรักสงบ เมื่อเจ้ายังเล็กนั้นส่งเสียงโวยวายเป็นประจำ ไม่คาดคิดว่าโตมา. จะเปลี่ยนเป็นเงียบขรึมได้เช่นนี้ หากแต่บุตรสาวเรียบร้อยหน่อยถึงจะดี”

หยุนชางพยักหน้ารับ พร้อมส่งเสียงพึมพำถามว่า ท่านแม่คิดเช่นไรกับหย่าผินผู้นี้ ? ”

“หื้ม ? ” จิ่นเฟยนิ่งไปสักพัก พลันนึกขึ้นได้ถึงพระราชโองการแต่งตั้งฮองเฮาฉบับใหม่ พลางเข้าใจคำถามของหยุนชางแล้ว พร้อมยิ้มตอบว่า “หย่าผินนิสัยอ่อนหวาน แม้ชาติกำเนิดจะต่ำต้อย หากแต่เป็นสตรีที่เฉลียวฉลาดผู้หนึ่ง อีกทั้งยังจิตใจดี เกรงว่าเมื่อได้นั่งตำแหน่งฮองเฮาแล้วนั้น นิสัยอ่อนหวานนั้นจะไม่ส่งผลดี อาจจะทำให้โดนรังแกได้ง่าย ”

พลางเงียบไปครู่หนึ่ง “ทำไมตำแหน่งฮองเฮาบอกเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ง่ายดายเช่นนั้นหรือ เกรงว่าราษฏรจะหัวเราะเยาะให้แล้วกระมัง”

หยุนชางพลันยิ้มน้อย ๆ “จิ่งเหวินซีป่าเถือนเกินไป และยังมีปัญหากับหม่อมฉันอีก หากให้นางขึ้นเป็นฮองเฮาแล้วนั้น หม่อมฉันไม่อาจวางใจได้ เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าเสด็จแม่และเฉินซีจะต้องโดนรังแกเป็นแน่ เสด็จแม่อย่าได้ดูถูกหย่าผินผู้นี้เชียว นางมิได้อ่อนหวานแต่เพียงอย่างเดียว ยามที่นางควรจะแข็งแกร่งนางก็แข็งแกร่งได้ไม่แพ้กัน หากแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ”

หยุนชางพลันเข้ามากระซิบที่หูของจิ่นกุ้ยเฟยอย่างใกล้ ๆ “หย่าผินขึ้นเป็นฮองเฮาแล้ว จะได้คอยช่วยดูแลและปกป้องท่านได้”

“หื้ม ?” จิ้นกุ้ยเฟยมองไปยังหยุนชางด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นการแสดงออกของหยุนชางแล้ว เกรงว่าหย่าผินจักเป็นคนของนางอย่างแน่นอน ภายในใจซาบซึ้งเป็นอย่างมาก เรื่องราวของจิ่งเหวินซี เกรงว่าก็จะเป็นบุตรสาวของนางที่เป็นคนแอบไปจัดการเช่นกัน

“ชางเอ่อร์จะมิทำให้ท่านแม่ต้องกังวล พวกเขาจะคอยปกป้องท่านแม่เป็นอย่างดี” จิ่นกุ้ยเฟยยิ้มพลางส่งเฉินซีไปให้แม่นม พร้อมกล่าวออกมาว่า “แม่ได้ยินมาว่าจักรพรรดิแคว้นเซี่ยจะมายังเมืองหลวง ?”

หยุนชางได้ยินดังนั้นก็มิได้ตกอกตกใจแต่อย่างใด เสด็จแม่ของนางอยู่ในวังมานานหลายปี นางย่อมมีวิธีหาข่าวสารของนาง พลางพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว คงมาร่วมงานแต่งตั้งฮองเฮากระมัง”

จิ่นกุ้ยเฟยพลางเงียบไปชั่วครู่ “เมื่อสิบปีก่อน ยามที่จักรพรรดิแคว้นเซี่ยมายังเมืองหลวงนั้น เขายังดูเด็กอยู่เลย หากแต่ดูลึกลับเข้าถึงยาก”

หยุนชางพยักหน้าลงเล็กน้อย “จักรพรรดิแคว้นเซี่ยต้องนั่งบนบัลลังค์ตั้งแต่อายุเพียงแปดหนาว กลายเป็นจักรพรรดิที่อายุน้อยที่สุด หากแต่เขาไม่มีความคิดการอ่านที่ล้ำลึกแล้วนั้น จะมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้อย่างไร ? “พลันถอนหายใจออกมา ภายในใจครุ่นคิดว่า เขาคนนั้นคือพ่อของจิ้งอ๋อง

จิ่นกุ้ยเฟยเมื่อเห็นสีหน้าของหยุนชางนั้น พลันรับรู้ได้ว่านางกลัวจักรพรรดิแคว้นเซี่ยไม่น้อย นางจึงมิได้เตือนอะไรให้มากความ หยุนชางรับรู้ได้อยู่แล้วว่าต้องวางแผนรับมือดี ๆ หากแต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเตือนอีกรอบ “เจ้าแม้จะเป็นองค์หญิงแคว้นหนิง หากแต่จิ้งอ๋องเป็นบุตรชายของเขา เกรงว่าจักรพรรดิแคว้นเซี่ยคงมิค่อยต้อนรับเจ้าสักเท่าไหร่ หากแต่วันใดเจ้าต้องไปอยู่ที่แคว้นเซี่ยแล้ว เจ้าจักต้องระวังตัวเองให้ดี”

หยุนชางรู้เรื่องนี้เช่นกัน ก่อนที่นางและจิ้งอ๋องจะได้ตบแต่งกัน ฮวากั๋วกงก็แสดงตนว่าไม่ชอบนางเสียแล้ว พลันครุ่นคิดทางเดินของตนเองนั้น คงมิพ้นความลำบากเป็นแน่ หยุนชางยิ้มเล็กน้อย ลำบากแล้วอย่างไร หนทางข้างหน้าจักเป็นเช่นไร? อย่างไรนางก็เป็นภรรยาของจิ้งอ๋อง นางก็จะอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป เมื่อใดที่จิ้งอ๋องไม่ต้องการนางแล้ว นางก็จะไม่มีวันทอดทิ้งจิ้งอ๋อง

หลังจากได้พูดคุยกับจิ่นกุ้ยเฟยอยู่ครู่หนึ่ง หยุนชางจึงค่อย ๆ อำลาตำหนักจิ่นซิ่วพร้อมเดินผ่านมายังอุทยานหลวง พลางเห็นสตรีสวมใส่อาภรณ์ชุดสีชมพูยืนอยู่ หยุนชางจึงเดินเข้าไป เมื่อเห็นสตรีผู้นั้นหันกลับมาใบหน้าที่คุ้นเคย ฉินเมิ่ง

เมื่อฉินเมิ่งเห็นหยุนชางแล้ว สีหน้าพลันตกตะลึง รีบร้อนเดินมาโค้งกายคำนับหยุนชาง “หม่อมฉันเข้าเฝ้าพระชายาจิ้งอ๋อง”

ริมฝีปากของหยุนชางกระตุกเล็กน้อย “เปิ่นหวางเฟยยังพูดอยู่ว่าเป็นสนมคนใดกันที่มายืนชมดอกไม้ในยามหิมะตกเช่นนี้ ที่แท้เป็นเมิ่งเจี๋ยยวี๋. ไม่ได้พบกันเสียนาน มิรู้ว่าเมิ่งเจี๋ยยวี๋ตอนนี้เป็นเช่นใดบ้าง ? ”

ฉินเมิ่งพลันย่อกายลงเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความลังเล ครุ่นคิดอยู่นานจึงนั่งคุกเข่าลงบนพื้นว่า “หวางเฟยเหนียงเหนียงได้โปรดยกโทษให้หม่อมฉันด้วย เป็นหม่อมฉันที่จิดใจมืดบอดเองเพคะ จึงได้ทำเรื่องเช่นนั้นลับหลังหวางเฟย หวางเฟยได้โปรดลงโทษ”

หยุนชางพลันเดินไปเหยียบมือฉินเมิ่ง พร้อมยิ้มออกมาว่า ” เมิ่งเจี๋ยยวี๋ทำอะไรหรือ ? ในอุทยานแห่งนี้ผู้คนล้วนเดินไปมา หากผู้อื่นเห็นแบบนี้ จะหาว่าเปิ่นหวางเฟยกลั่นแกล้งเมิ่งเจี๋ยยวี๋ได้”

“หม่อมฉันมิกล้า ” ฉินเมิ่งรีบร้อนลุกขึ้น ทั่วร่างสั่นเทาเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นางแกล้งทำเป็นยอมจำนนต่อหยุนชาง หากแต่แอบโต้ตอบลับหลังฮองเฮา เพราะว่าฮองเฮามีตำแหน่งสูงสุด เมื่อกลับมาคิดตอนนี้จึงรู้ว่าเป็นความผิดอย่างร้ายแรง แม้แต่องค์จักรพรรดิก็ไม่สามารถต่อกรได้ อีกทั้งหยุนชางยังเป็นองค์หญิง และยังเป็นองค์หญิงที่แต่งออกไปแล้วอีก ในวังหลวงพลางคิดว่าพึ่งฮองเฮาดีกว่าพึ่งองค์หญิงที่แต่งออกไปแล้ว นางไม่คาดคิดว่าท้ายที่สุดฮองเฮาจะพ่ายแพ้ได้ง่าย ๆ เช่นนี้

หยุนชางพลันยิ้มเล็กน้อย “มีคนเคยพูดว่า ผู้คนต่างลืมความรู้สึกของตนเองได้ง่าย เปิ่นหวางเฟยจะทำเช่นไรกับเมิ่งเจี๋ยยวี๋ เมิ่งเจี๋ยยวี๋มิต้องกังวลอันใด ”

ร่างกายของฉินเมิ่งพลันสั่นเทา พลางขบริมฝีปากเบา ๆ “หม่อมฉันผิดไปแล้ว หวางเฟยได้โปรดให้อภัยหม่อมฉันด้วย อย่าได้คิดถึงสิ่งที่หม่อมฉันได้กระทำลงไปเลย ต่อไปนี้หม่อมฉันจะเป็นม้าเป็นลาให้ท่านรับใช้ไปตลอด จะไม่มีการทำผิดเป็นครั้งที่สอง”

หยุนชางราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดที่เคยฟังมา “เจ้าทรยศข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยังคิดว่าข้าจะเชื่อใจเจ้าเช่นนั้นหรือ ?”

ภายในของฉินเมิ่งรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ทุกวันนี้นางก็ไม่ค่อยจะเป็นที่โปรดปรานอีกแล้ว แม้ว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ หากแต่มิมีความสุขเลยสักนิด หานางขัดขวางหวางเฟยอีกครั้ง. -ต่อไปชีวิตของนางเกรงว่าจะไม่ง่ายเสียแล้ว

ภายในใจกลับนึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง ฉินเมิ่งรีบร้อนรายงานขึ้นมาว่า “หวางเฟย หม่อมฉันมีข่าวเกี่ยวกับองค์หญิงหัวจิ้งและเสนาบดีหลี่ เพคะ”

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง

ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง

Status: Ongoing

ในภพก่อน นางเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ มีเสด็จพ่อที่ทรงโปรด “เสด็จแม่” ทรงตามพระทัย พี่หญิงที่คอยปกป้อง พระสวามีคอยดูแล จนนางมีนิสัยที่หยิ่งผยอง จนกระทั่ง นางได้เห็นด้วยตาตัวเอง ว่าพี่หญิงผู้ที่ตนเคารพนับถือที่สุด และพระสวามีที่รักของตนได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกัน ลูกชายที่ป่วยหนักถูกพระสวามีลงมือฆ่าด้วยตัวเอง นางจึงตระหนักว่าเรื่องทั้งหมดนี้ เป็นกลยุทธ์ที่วางแผนไว้อย่างรอบคอบโดย “เสด็จแม่” การทรยศ เหล้าที่อาบยาพิษ นางสูญเสียทุกสิ่ง…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท