จิ้งอ๋องเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มและกล่าวว่า “แน่นอน ดีที่มีแผนการของเจ้า ใช้ไฟในการบีบบังคับ พวกเขาต้องหนีออกไปด้วยความตื่นตระหนก ทหารองครักษ์เหล่านั้นจะยังสามารถปกป้องพวกเขาได้อย่างไร วิ่งหนีคนละทิ้งคนละทาง และถูกพวกเราจับตัวได้โดยตรง”
หยุนชางประหลาดใจเมื่อได้ยินจิ้งอ๋องพูดถึงมันเป็นแผนการของนาง และพูดอย่างเร่งรีบว่า “ข้ายังอยากถาม หลายวันมานี้ท่านอ๋องไปซ่อนตัวที่ไหนในจวน ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าท่านรู้ทุกอย่างในเรื่องของข้า”
“ฮ่า ย่อมเป็นธรรมดาเพราะข้ามีพลังวิเศษ มีองครักษ์ลับของข้าคอยติดตามเจ้า หลังจากที่เจ้าถูกลอบสังหารในวันนั้น ข้าก็วางคนมากมายไว้รอบตัวเจ้าอย่างลับๆ ดังนั้น ข้ารู้เรื่องทุกอย่างของเจ้า อ้อ จะว่าไปแล้ว เจ้าก็ควรจะเห็นข้าเหมือนกัน” จิ้งอ๋องหัวเราะเบาๆ “ในวันนั้นตอนข้าเห็นเจ้านั่งอยู่ในศาลาริมทะเลสาบ เจ้าได้มองมาที่ข้าหลายครั้ง ข้าเกือบคิดว่าเจ้าจำข้าได้แล้ว”
ในศาลา? หยุนชางตกตะลึง เมื่อสองสามวันก่อนเหตุเพราะนางแกล้งป่วย เพราะกลัวว่าจะมีสายลับของผู้อื่นในจวน จึงไม่ค่อยออกจากห้อง ริมทะเลสาบ?
หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และใช้เวลานานกว่าจะรู้ตัวว่า “ข้าจำได้ว่า ตอนที่ข้านั่งอยู่ในศาลาในวันนั้น ข้าเห็นคนรับใช้กำลังทำความสะอาดอยู่ที่ระเบียงทางเดินฝั่งตรงข้าม แอบอู้งานตลอด ดังนั้นข้าจึงเฝ้ามองอยู่นาน”
ดวงตาของจิ้งอ๋องยิ้มเจื่อนๆ “ใช่สิ แม้ว่าข้าจะถือได้ว่าทนลำบากมาไม่น้อยในช่วงออกศึก เพียงแต่ว่าเรื่องการทำความสะอาดนี่ไม่ถนัดเลยจริงๆ วันนั้นพ่อบ้านยังว่าข้าอยู่เลยว่า ถ้าข้าไปทำความสะอาดต่อหน้าคนอื่นล่ะก็ เกรงว่าคงจะถูกคนจับได้ในไม่ช้า”
หยุนชางไม่เคยคิดเลยว่าตนจะอยู่ใกล้จิ้งอ๋องเยี่ยงนี้ แต่ศาลาและระเบียงทางเดินก็ห่างกันพอสมควร หยุนชางที่ดูจากระยะไกลสามารถมองเห็นแค่เงาเท่านั้น แต่มองไม่เห็นใบหน้า จึงไม่น่าแปลกใจที่นางจะจำไม่ได้
“อือ ก็แค่บอกพ่อบ้านไม่ต้องการเงินกับเจ้าก็พอ ยังไงก็เถอะ ข่าวปลอมการตายของปรมาจารย์หลี่เซียนนั้นเป็นเจ้าให้คนส่งให้ข้า? แล้วนักเลียนเสียงนั่น ก็เป็นเจ้าช่วยเขาไว้?” หยุนชางเงยหน้าถาม
จิ้งอ๋องพยักหน้า “บางเรื่องข้าไม่สะดวกที่จะออกหน้าได้ ดังนั้นข้าทำได้เพียงรบกวนฮูหยินแล้ว”
หยุนชางทำเสียงเชอะก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้บอกข้าเลยว่า เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น และเหตุใดเจ้าจึงหายตัวไปกระทันหัน?”
จิ้งอ๋องถอนหายใจ โอบหยุนชางมา ให้นางเอนตัวพิงอยู่ในอ้อมอกของเขา และพูดเบาๆ “เกรงว่าเจ้าก็คงจะเดาได้ วันที่ข้าออกไปนั้น ข้าก็ถูกจับตาและถูกติดตาม ข้าเข้าไปที่หอยวี่หมั่นจริงๆ แต่พอข้าเข้าไปในห้องส่วนตัวของหอยวี่หมั่น ก็ถูกวางยาที่น้ำชา โชคดีที่ข้าตื่นตัวได้ทัน และไม่ได้ดื่มชานั่นจริงๆ ดังนั้นข้าจึงหนีออกจากทางหน้าต่างอย่างเงียบๆ พวกเขาเกรงว่าชั้นล่างจะมีผู้คนมากมาย จึงไม่ได้สังหารข้าตอนที่อยู่หอยวี่หมั่น เพียงแต่ไล่ฆ่าตลอดทาง”
“คนที่ไล่ตามฆ่าข้ามีประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบคน ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง องครักษ์ลับข้างกายข้ามีเพียงไม่กี่คน และไม่กล้าที่จะฝืนการต่อสู้ จึงต้องหนีเข้าไปในจวนแห่งหนึ่ง จวนนั้นก็เป็นจวนของผู้มีชื่อเสียงในราชสำนักด้วย จวนหลังใหญ่ พวกข้าจึงหาที่หลบซ่อนได้ แต่คนข้างนอกไม่ได้ยอมแพ้ อีกทั้งยังเพิ่มกำลังคนนับสิบค้นทั่วบริเวณจวน ข้าเลยต้องรอ คราวนี้ข้ารอจนมีข่าวที่ว่าชางเจียคังหนิงถูกข้าฆ่า ดูเหมือนว่าหลักฐานและพยานจะมีครบ ถ้าข้าปรากฏตัวขึ้น เกรงว่าจะไม่ต้องพูดอะไรมาก คงต้องใช้เวลาอยู่ในคุกหลวง และรอให้ฝ่าบาทสืบข้อเท็จจริง”
หยุนชางก็ทราบสถานการณ์ในวันนั้นเช่นกัน ถือได้ว่าเต็มไปด้วยหลักฐานและพยาน แขกในหอยวี่หมั่นได้ยินเสียงของจิ้งอ๋อง และผู้ค้มกันของชางเจียคังหนิงในจุดพัก ก็ได้ยินชางเจียคังหนิงเรียกจิ้งอ๋องออกมาอย่างชัดเจน และจิ้งอ๋องมีป้ายหยกนั้นเพียงผู้เดียว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่ดีสำหรับจิ้งอ๋อง
“ข้ายังรู้ระดับการสืบสวนในศาลต้าหลี่ ข้าไม่ไว้ใจที่จะมอบชีวิตของข้าให้คนแบบนี้ ยังไงก็ตาม ข้าหายตัวไปแล้ว ก็ให้มันหายตัวไปต่อไป เดิมทีข้าอยากจะบอกกับเจ้า เพียงแต่ข้าได้หายตัวไป เดิมทีข้าอยากจะบอกเจ้า เพียงแต่ว่าจากการหายตัวไปของข้า สายตาที่จับจ้องมาที่เจ้าจากทุกทิศทุกทางยิ่งมากขึ้นอีก” จิ้งอ๋องถอนหายใจเบาๆ “กลัวแต่ว่าถ้าเจอหลุดความผิดปกติเล็กน้อย คนที่อยู่ข้างๆเจ้าจะสังเกตสิ่งผิดปกตินั้นได้ อย่างไรก็ตาม ข้าประเมินชางเอ๋อร์ของข้าต่ำไป ชางเอ๋อร์ของข้านั้นนิ่งสงบและฉลาดมาก ไม่ควรไปเปรียบเทียบกับฮูหยินทั่วๆไปได้”
หยุนชางฟังแล้วก็ยิ้มเยาะ และกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าขังเสนาบดีหลี่และท่านอ๋องเจ็ดไว้ที่ไหนหรือ”
จิ้งอ๋องยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ไม่ได้อยู่ในจวนของเรา ถ้าหากมีคนอื่นทำตามเราแล้วเผาจวน เช่นนั้นก็คงไม่ดี”
“ได้ตรวจสอบชัดเจนหรือยัง เป็นฝีมือพวกเขาทั้งหมดหรือไม่?” หยุนชางถามอีกครั้ง
“ยังไม่ได้สอบปากคำเลย ไม่ต้องห่วง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเป็นฝีมือพวกเขาจริง จะทิ้งเบาะแสไว้แน่ เราค่อยๆสืบหากันทีละนิด ตอนนี้คนๆนั้นอยู่ในมือเราแล้ว ยังต้องกลัวว่าสืบหาไม่ได้อีกหรือ” จิ้งอ๋องยิ้ม และดึงหยุนชางล้มตัวลงนอนบนเบาะ เบาะค่อนข้างแคบ และคนสองคนที่นอนอยู่บนนั้นก็แออัดมาก หยุนชางบิดตัวด้วยความรู้สึกที่ไม่สบายเล็กน้อย แต่จิ้งอ๋องไม่ยอมปล่อยมือ
หลังจากนอนอยู่บนเบาะสักพัก ก็ได้ยินเสียงของเฉี่ยนหยินจากข้างนอกว่า “พระชายา คุณชายหลิ่วมาเพคะ บอกว่ามีเรื่องต้องขอพบพระชายา หม่อมฉันบอกว่าพระชายายังไม่หายดี คุณชายหลิ่วบอกว่าเขาได้ยินมาว่าเมื่อคืนนี้พระชายายังปรากฏกายอยู่ด้านนอกของจวนจิ่ง ดูไม่เหมือนคนป่วยเลย หม่อมฉันมิทราบว่าควรตอบกลับอย่างไรดี จึงต้องแจ้งว่าขอมาถามพระชายาก่อนเพคะ”
หยุนชางอดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าเด็กโง่ พูดเช่นนี้ ก็ทำให้คนจับพิรุธได้น่ะสิ ถ้าข้าไม่ไป ก็คงจะไม่ได้แล้ว ครั้งหน้าถ้ามีใครถามเจ้าเช่นนี้ เจ้าก็ควรตอบว่า เมื่อวานเพราะได้ยินว่าไฟไหม้ในจวนจิ่ง เห็นว่าจิ่งฮูหยินมาเยี่ยมตอนที่ข้าป่วยอยู่ทุกวัน รู้สึกซาบซึ้งใจมาก ดังนั้นเกิดความตื่นตระหนกจนลืมห่วงตัวเอง และมุ่งไปที่จวนจิ่งเพื่อดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วโดนลมในเมื่อคืนนี้ ตอนนี้ร่างกายของข้าก็ยิ่งแย่ลงไปอีก”
เฉี่ยนอินถูกหยุนชางว่าจนพูดไม่ออก จึงพูดเบาๆว่า “แล้วตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเพคะ หม่อมฉันไปพูดซ้ำอีกครั้งดีไหมเพคะ?”
หยุนชางพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ยื่นมือออกและตบมือของจิ้งอ๋องที่กำลังอุ้มนางและพูดเบาๆว่า “เอาล่ะ ข้าจะออกไปพบแขกก่อน ประเดี๋ยวข้าจะกลับมา”
จิ้งอ๋องเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยมือ หยุนชางก็นึกขึ้นได้ว่าคราวก่อนเพราะเรื่องของหลิ่วหยินเฟิง จิ้งอ๋องก็งอนไปครึ่งหนึ่ง จึงรีบพูดอีกครั้งว่า “ข้าจะให้พ่อบ้านและเฉี่ยนอินตามไปด้วย ประเดี๋ยวข้าจะกลับมา”
“ไปเถอะ” จิ้งอ๋องค่อยๆดึงมือของเขากลับ หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน
เมื่อเห็นท่าทีของเขา หยุนชางก็บอกไม่ได้ว่าเขาโกรธหรือไม่ เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะออกจากห้องด้านใน และเดินไปที่ห้องโถงด้านหน้าพร้อมเฉี่ยนอิน หลิ่วหยินเฟิงดูกระวนกระวาย น้ำชาที่วางใกล้มือ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สัมผัสมันมาก่อนเลย และดวงตาของเขามองไปทางประตูตลอด เมื่อเห็นหยุนชางเดินเข้ามา เขาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแลเดินเข้าหา
หยุนชางก้าวเข้ามา และมองไปที่หลิ่วหยินเฟิงจากนั้นยิ้มและพูดว่า “คุณชายหลิ่วเชิญนั่งด้านใน”
หลิ่วหยินเฟิงขมวดคิ้วเบาๆ แต่ก็ทำตามคำพูดของหยุนชาง เดินกลับไปที่ห้องโถงแล้วนั่งลง แต่ไม่ได้พูดอะไรซักพัก
“คุณชายหลิ่วมากระทันหันในวันนี้ คือมีเรื่องสำคัญอะไรหรือ?” หยุนชางพูดเบาๆ
หลิ่วหยินเฟิงพยักหน้าและพูดว่า “ข้าขอโทษที่มารบกวนโดยพลการ” หลังจากหยุดชั่วคราวเขาพูดอีกครั้ง “ข้าถือว่าอาหยุนเป็นเพื่อนของข้าเสมอ ไม่ว่าจะตอนเจ้าอยู่นอกเมืองคังหยาง ที่เป็นเซียวหยุน หรือตอนที่ได้ทราบตัวตนของเจ้าแล้ว วันนั้นที่ข้าเล่าเรื่องธูปพระพุทธเจ้าให้ฟัง คือข้าจริงใจกับเจ้า ไม่อยากปิดบังเจ้า เพียงแต่ว่าวันนี้ที่ข้ามาที่นี่ เพื่ออยากจะถามเจ้า ท่านอ๋องเจ็ด คืออยู่ในมืออาหยุนหรือไม่?”
หยุนชางตกตะลึงกับคำว่าอาหยุนที่เขาเอ่ยออกมา จนเหม่อลอยเป็นเวลานาน