บ่วงแค้นแสนรัก – บทที่ 299 ถึงไม่ใช่คนรวยแต่ก็เป็นคนมีอำนาจ

บทที่ 299 ถึงไม่ใช่คนรวยแต่ก็เป็นคนมีอำนาจ

โม่โยคิดไปด้วย อารมณ์ก็หงุดหงิดไปกว่าเดิม

จากนั้นก็ลงจากเตียงเพราะไม่ง่วง บางบริเวณบนร่างกายก็เริ่มปวด แต่ว่าไม่หนักมาก ดูเหมือนว่าก็ไม่ได้สาหัสอะไร

มองไปรอบๆ โม่โยวค่อยรู้สึกว่านี่คงเป็นห้องพักฟื้นวีไอพีที่ตระกูลลู่จัดมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ

ห้องที่กว้างขวาง ของประดับตบแต่งก็ดูสะอาดหรูหรามาก มีโซฟามีเตียง ยังมีโต๊ะสำหรับดื่มชา มีโต๊ะสำหรับรับประทานอาหาร……

ของทุกอย่างครบถ้วนมาก แค่มองก็รู้ว่าเป็นสไตล์ของคนรวย

โม่โยวส่ายหน้า ของพวกนี้ สำหรับเขาก็แค่กระดิกนิ้ว แต่คนธรรมดาอย่างเธอทำได้แค่ถอนหายใจ

ยังไง พวกเขาก็ไม่ใช่คนบนโลกเดียวกัน

คิดไปด้วย ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

พอเปิดประตู มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา “ผมคือผู้ช่วยของคุณชายลู่ มาส่งของให้คุณครับ”

โม่โยวคิดไปคิดมา “ของ? ของอะไรหรอคะ?”

เธอจำไม่ได้ว่าลู่จิ้นยวนหยิบของอะไรของเธอไป

“เสื้อผ้าคุณฉีกขาดเพราะช่วยคุณชายน้อยไว้ แล้วบาดเจ็บด้วย เพราะฉะนั้นบอสก็เลยให้ผมมาส่งเสื้อผ้าให้คุณครับ”

อันเฉินพูดไปด้วย แล้วเรียกคนข้างหลังยกเสื้อผ้าเข้ามา

พอเข้ามา โม่โยวก็อึ้งไปทันที

ถึงแม้จะชดเชย แค่ให้ตัวสองตัวก็พอแล้ว แต่ว่า ลู่จิ้นยวนกลับส่งเสื้อผ้าแบรนด์เนมมาเยอะแยะ

ยังไงเธอก็อยู่ในวงการออกแบบ เธอคุ้นตากับแบรนด์พวกนี้ดี แค่มองก็รู้ว่าของพวกนี้คือแบรนด์อะไร

“ไม่……ไม่ต้อง……นี่อลังการเกินไป”

โม่โยวรู้สึกเป็นเกียรติมาก ปกติเธอเป็นคนประหยัดมาก ไม่มีทางซื้อของแบรนด์เนมพวกนี้ ลู่จิ้นยวนส่งของพวกนี้มา ก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ

“คุณหนูโม่ไม่ต้องปฏิเสธหรอกครับ ถ้าคุณไม่เอา บอสก็จะให้คนส่งของมาอีกจนกว่าคุณจะรับไว้”

อันเฉินมองไปที่โม่โยวแล้วเอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่ง

ลู่จิ้นยวนไม่ใช่คนที่จะติดค้างบุญคุณใคร กับผู้มีบุญคุณ เขาต้องตอบแทนเป็นหลายเท่า แค่ส่งเสื้อผ้าอะไรพวกนี้มาก็เป็นอะไรที่แค่กระดิกนิ้ว

“ห๋า?”

โม่โยวรู้สึกหัวโต มองเห็นเสื้อผ้าที่กองเป็นภูเขาบนโซฟา ตาก็เริ่มลาย

นี่หมายความว่าอะไร คนรวยตอบแทนบุญคุณต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอ?

“งั้น……ฉันรับไว้ตัวเดียวก็พอแล้วค่ะ”

“ไม่ครับ ต้องรับไว้ทั้งหมด”

อันเฉินพูดยืนยันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกกดดันแล้วปฎิเสธไม่ได้

ขณะที่โม่โยวกำลังปวดหัวว่าจะจัดการกับของพวกนี้ยังไง ก็มีคนเคาะประตู

“คุณหนูโม่คะ อาหารค่ำของคุณมาแล้วค่ะ”

โม่โยวรู้สึกแปลก ใจเดินไปเปิดประตูก็เห็นพยาบาลคนหนึ่งส่งกล่องอาหารมาให้ “ฉันไม่ได้เรียกให้มาส่งอาหารนะคะ……?”

“ค่ะ นี่เป็นของคุณ”

อุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน โม่โยวก็พักอยู่ในโรงพยาบาลนานมาก แต่มีพยาบาลมาดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลย

“คุณชายลู่สั่งมาค่ะ” ท่าทางของคนคนนั้นมีมารยาทมาก

กับความรู้สึกแปลกๆแบบนี้ โม่โยวก็รู้สึกไม่ชิน

พอหันกลับไปดู อันเฉินก็ใช้โอกาสนี้หนีออกไปแล้ว ของพวกนั้นก็วางอยู่ที่เดิม

คนพวกนี้……จะทำอะไรกันแน่?

โม่โยวรู้สึกหมดคำพูด

โม่โยวกำลังเครียดกับของตรงหน้าอยู่ โทรศัพท์ก็ดังแทรกความคิดเธอ

“โม่โยวแกอยู่ไหน? นัดกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าวันนี้จะไปลองชุดแต่งงาน? ฉันรอจนรากงอกแล้วเธออยู่ไหน?”

คำแรกที่เย่ซือเยวี่ยเอ่ยปากพูดก็เป็นเสียงบ่น จนทำให้โม่โยวรู้สึกเหวอไป

เย่ซือเยวี่ยเป็นเพื่อนคนแรกที่เธอมีหลังจากที่เธอสูญเสียความจำ การแต่งงานครั้งนี้ เธอนัดกับเย่ซือเยวี่ยไว้แล้วว่าทั้งสองคนจะไปลองชุดแต่งงานที่ร้าน แล้วให้เธอช่วยออกความคิดเห็นด้วย

ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้น มาถึงโรงพยาบาล ก็รู้สึกว่าหนักหัวมาก เธอไม่มีอารมณ์ไปคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งเลย จนเธอลืมไปเลย

“ขอโทษ ขอโทษ ฉันติดธุระที่นี่ก็เลยไม่ได้ไป ไม่ได้ตั้งใจจะเบี้ยวนัดแก” เพราะว่าตัวเองผิดนัดเอง โม่โยวก็เลยขอโทษจากใจจริง

“มีเรื่องอะไรสำคัญกว่าชุดแต่งงานของแกอีก ไม่ใช่ว่าแม่ยายในอนาคตมาหาเรื่องอีกแล้วใช่ไหม? เธอดูตัวเองสิ ทำไมถึงโดนยายแก่รังแกขนาดนี้……จะให้ฉันช่วยเธอหรือเปล่า?”

เย่ซือเยวี่ยเป็นคนอารมณ์ร้อน พอน้ำเสียงของโมโยว่ผิดปกติ เธอก็นึกถึงใบหน้าที่น่ารังเกียจของพานจื้อหลานทันที

ถ้าโม่โยวแต่งเข้าไปแบบนี้ อีกหน่อยคงต้องลำบากแน่นอน

เย่ซือเยวี่ยรู้สึกไม่สบอารมณ์กับความไม่เอาไหนของเธอ

“เปล่า……”

ถึงแม้เย่ซือเยวี่ยจะพูดถูก แต่ว่าครั้งนี้พานจื้อหลานไม่ใช่ไม่มีเหตุผล เหตุผลของท่านสมเหตุสมผลมาก

“งั้นเกิดเรื่องอะไร? ตอนนี้แกอยู่ไหน!”

เย่ซือเยวี่ยได้ยินน้ำเสียงที่กำกวมของโม่โยวก็เริ่มใจร้อน

คงไม่ใช่เกิดเรื่องอะไรหรอกมั้ง ฟังเสียงแล้วรู้สึกอ่อนแรงมาก

“เดี๋ยวฉันกลับไปค่อยบอกแก”

“ถ้าแกไม่พูดตอนนี้ เราตัดขาดกัน เพราะฉะนั้นรีบพูดมา”

เย่ซือเยวี่ยเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว โม่โยวก็ทำอะไรไม่ได้ เลยจำเป็นต้องพูด “ฉันเจอปัญหานิดหน่อย?ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”

“ห๋า?” เย่ซือเยวีายอุทานเสียงดัง “โรงพยาบาลไหน ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”

เมื่อได้ยินว่าเพื่อนสนิทจะมาหาตัวเอง โม่โยวก็รู้สึกซึ้ง “งานแกไม่ยุ่งหรอ?”

“ถึงจะยุ่งก็ต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าแกเป็นยังไง อย่าพูดมาก รีบบอกที่อยู่มาเดี๋ยวนี้”

“……”

ถึงแม้เย่ซือเยวี่ยจะพูดจาแรง แต่ความจริงในใจก็เป็นห่วงมาก โม่โยวบอกที่อยู่กับเธอ บนใบหน้าก็รู้สึกวางใจไปไม่น้อย

ผ่านไปไม่นาน เย่ซือเยวี่ยก็รีบมาถึงที่นี่ทันที

พอเห็นใบหน้าที่บวมช้ำของโม่โยวก็ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น? มีคนทำร้ายเธอหรอ? ไหนล่ะ?”

“ถูกจับไปแล้ว”

โม่โยวยิ้มเพื่อแสดงว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่เย่ซือเยวี่ยกลับมองเธอด้วยสีหน้ารังเกียจ “ทำไมอยู่ดีๆถึงไปรนหาที่ล่ะ ปกติเธอไม่ชอบหาเรื่องไม่ใช่หรอ”

“คือ เจอเรื่องอะไรนิดหน่อย……”

โม่โยวไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร ก็เลยเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง

เย่ซือเยวี่ยฟังไปด้วยก็พยักหน้าไปด้วย พอฟังจบ ก็มองสำรวจห้องพักฟื้นที่หรูหรา กับเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่กองเป็นภูเขา

จากนั้นก็อุทานออกมา “เธอกำลังล้อเล่นหรอ?”

“เธอเจอคุณชายตระกูลไหนเนี่ย ในเมื่อคนเขาพูดอย่างนั้นแล้ว ทำไมเธอไม่บอกเขาให้เงินก้อนกับเธอล่ะ ชีวิตอีกหน่อยก็จะได้ไม่ต้องกังวลอะไรอีก”

เย่ซือเยวี่ยรู้สึกไม่สบอารมณ์กับโม่โยว สมองตื้นจริงๆ

คนส่วนใหญ่ถ้าเจอเรื่องแบบนี้ จะถ่อมตัวขนาดนี้ได้ยังไง?

“ฉันไม่ได้ช่วยเพราะเรื่องนี้สักหน่อย”

“รู้ว่าแกมีเมตตาจิตใจดี แต่คนที่โปรยเงินอย่างนี้บนโลกก็หายากมากเลยนะคะ”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

Status: Ongoing

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท