บ่วงแค้นแสนรัก – บทที่303 ข้อมูลที่มากกว่านี้

บทที่303 ข้อมูลที่มากกว่านี้

ลู่จิ้นยวนไม่สนใจเขา หลังจากที่ลู่อันหรานบ่นไปได้สองสามคำ เห็นว่าพ่อของเขาไม่สนใจเขาเลย เขาก็พึมพำแล้วเดินออกไปจากห้องหนังสือ

ลู่จิ้นยวนดูไปที่ไอดีของหญิงสาวที่บนหน้าจอของโทรศัพท์อยู่สักพัก เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่ปกติจริงๆ

เรื่องผู้หญิงนั้น เขาไม่ได้ให้ความสนใจมานานมากแล้ว

แต่ทำไมกับผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อโม่โยว ทำให้เขามีแรงกระตุ้นอะไรบางอย่างที่อยากจะเข้าไปทำความรู้จัก

เขาหลับตาลง ดวงตาของหญิงสาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

สดใส ชัดเจนมาก และคล้ายกับดวงตาของเวินหนิงในความทรงจำมาก แต่มีความดื้อรั้นและความผันผวนมากกว่าเล็กน้อย

แต่ ทั้งๆที่เวินหนิงไม่อยู่แล้ว …

หลังจากที่เวินหนิงหายตัวไป ลู่จิ้นยวนใช้เวลาและใช้แรงกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อค้นหาเธอ แต่กลับพบศพหญิงร่างหนึ่งที่ไม่มีคนมายอมรับอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ

ในเวลานั้นอารมณ์และสติของเขาเหมือนกำลังจะพังทลายลง แต่เป็นเพราะยังมีลู่อันหราน ทำให้ลู่จิ้นยวนนั้นไม่อาจล้มลงได้

ถึงแม้ว่าเขาจะเข็มแข็งและลุกขึ้นยืนได้อย่างรวดเร็ว จนเกินความคาดหมายของตระกูลลู่ก็ตาม

แต่มีเพียงตัวเขาเท่านั้นเองที่รู้ว่า ในขณะที่ฝังศพของเวินหนิง หัวใจของเขาก็ตายไปพร้อมกับมัน

ในชีวิตนี้ เขาจะไม่มีทางที่จะรักผู้หญิงคนอื่นได้อีกแล้ว

ซึ่งมันควรจะเป็นไปเช่นนี้ ลู่จิ้นยวนถือว่านี่เป็นการลงโทษสำหรับเขาอย่างหนึ่ง แต่การมีตัวตนของหญิงสาวที่ชื่อโม่โยวคนนี้ ทำให้หัวใจของเขาสั่นคลอน

ลู่จิ้นยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง โทรโทรศัพท์ไปให้อันเฉิน ให้เขาไปสืบประวัติที่มาของผู้หญิงคนนี้

โม่โยวที่อยู่ในห้องผู้ป่วย รู้สึกเบื่อหน่ายมาก

ตอนเช้าที่ได้โทรศัพท์ไปหาโม่เทียนยวี๋ ณตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ติดต่อกลับมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังยุ่งหรือไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า

เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขาอยู่ต่างประเทศจะเจอปัญหาอะไรหรือเปล่า

ในขณะที่เธอกำลังมองไปที่ผนังว่างเปล่าด้วยความเหม่อลอย เสียงข้อความโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เธอเหลือบมองอย่างรวดเร็ว คิดว่าเป็นข้อความของโม่เทียนยวี๋ แต่สิ่งที่ปรากฏคือคำเชิญให้เพิ่มเพื่อน

ลู่ … จิ้นยวน

โม่โยวส่ายหัวไปมา สงสัยว่าตัวเองจะตาลายไปหรือเปล่า

คนใหญ่คนโตอย่างเขา เป็นคนขอเธอเพิ่มเพื่อนในวีแชทก่อน …

เป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก

อย่างไรก็ตามโม่โยวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะเรื่องของลู่อันหรานก็ได้ จากนั้นก็ไม่ได้คิดมากอีก ไม่ช้าก็ตอบตกลงคำเชิญของเขา

เมื่อเห็นว่าเธอกดผ่าน ลู่จิ้นยวนก็รีบใช้นิ้วกดเข้าไปดูโมเมนต์ของเธอ แต่ว่าในโมเมนต์ของนั้นเธอแทบจะไม่ได้ลงข้อความใด ๆ เลย มันแทบจะว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยของการใช้ชีวิตอะไร

“ คุณหาฉัน มีธุระเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

โม่โยวเห็นว่าลู่จิ้นยวนเพิ่มเธอแล้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก็เลยถามขึ้นมาก่อนอย่างระมัดระวังคำพูด

สำหรับผู้ชายคนนี้ เธอเดาไม่ออกและไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จริงๆ

“ไม่มีอะไรครับ ”

ลู่จิ้นยวนตอบกลับไปอย่างง่ายๆ ” อันหรานบอกว่าอยากจะไปเยี่ยมคุณ น่าจะเป็นพรุ่งนี้ คุณสะดวกไหมครับ”

โม่โยวคิดไปคิดมา เธอไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว ” ฉันสะดวกค่ะ ”

“งั้นก็ดี.”

ลู่จิ้นยวนตอบกลับไปอย่างเป็นมารยาท ในเวลานี้อันเฉินก็ได้ส่งข้อมูลที่เขาต้องการรู้มาให้เขา

จะบอกว่าเป็นข้อมูล แต่จริงๆแล้วเป็นเพียงเรซูเม่แผ่นเดียวเท่านั้น

อันเฉินที่อยู่ในโทรศัพท์ได้รายงานว่า ” ขอโทษครับ เจ้านาย แม้ว่าจะใช้ระบบข่าวกรองของบริษัทในการตรวจสอบ แต่ … ผู้หญิงที่ชื่อโม่โยวคนนี้ดูเหมือนว่าประวัติจะไม่ธรรมดา นอกเหนือจากประวัติย่อนี้แล้ว ก็ไม่มีข้อมูลข่าวคราวอะไรอีกเลยครับ ”

อันเฉินก็รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดมาก ตามหลักแล้ว เครือข่ายหน่วยสืบราชการลับของตระกูลลู่นั้นน่าเกรงขามมาก ถ้าต้องการค้นหาประวัติความเป็นมาของใครคนหนึ่งแล้วล่ะก็มันง่ายมาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะตั้งใจซ่อนหรือปกปิดมัน จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ก็สามารถค้นหาไปยังบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรออกมาอย่างชัดเจน

แม้กระทั่ง รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของบุคคลนั้นตั้งแต่แรกเกิดจนโตก็ยังได้

แต่ว่า โม่โยวคนนี้ไม่มีข้อมูลข่าวคราวพวกนี้เลย มันเป็นเหมือนอย่างกับกระดาษว่างเปล่า

“ โอ้……”

ลู่จิ้นยวนมองไปที่เรซูเม่ที่มีเพียงรูปถ่ายติดบัตรประจำตัวและข้อความธรรมดา ๆ บางส่วน ดูเหมือนว่า มันช่างน่าเบื่อเสียจริงและไม่พบจุดเด่นหรือข้อสงสัยใด ๆ

อย่างไรก็ตามลู่จิ้นยวนก็พบร่องรอยของความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว ในเรซูเม่นี้ไม่มีข้อมูลใด ๆ ก่อนที่เธอจะมาทำงานนี้

ไม่ว่าจะเป็นวุฒิการศึกษา หรือแม้กระทั่งประวัติการเข้ารับการศึกษาก่อนหน้านี้ ก็เว้นว่างเปล่าไว้

ตามหลักแล้ว คนปกติทั่วไปจะต้องกรอกข้อมูลเหล่านี้ลงไปด้วย

ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว ” ฉันรู้ล่ะ สืบต่อไป หากค้นเจอข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ก็รีบแจ้งให้ฉันทราบได้ทันที”

อันเฉินพยักหน้าแล้ววางสายไป

ลู่จิ้นยวนได้หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา และเหลือบไปที่ประวัติการแชทของทั้งสองคน ” คุณโม่โยวครับ ขออนุญาตถามหน่อยได้ไหมครับ คุณจบมหาวิทยาลัยที่ไหนครับ ”

โม่โยวที่กำลังดูทีวีอยู่ เมื่อเห็นข้อความที่ลู่จิ้นยวนถาม สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป ทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ

นี่หมายความว่าอย่างไร ลู่จิ้นยวนจะติดต่อหรือพบใครก่อน จะต้องตรวจสอบสืบประวัติไปจนถึงบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรเลยเหรอ ยังต้องคัดกรองการศึกษาด้วยเหรอ

ดูเหมือนว่าเธอ … ไม่มีสิ่งเหล่านั้นจริงๆด้วย …

หลังจากที่โม่โยวตื่นขึ้นมา ก็จำอะไรเหล่านั้นไม่ได้แล้ว จะให้มีความจำนั้นได้อย่างไร ถึงแม้ว่าโม่เทียนยวี๋จะเคยบอกว่า สามารถทำเรื่องให้เธอไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้หรือสามารถทำประกาศนียบัตรให้เธอ แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธไป

“ต้องขอโทษที่นะคะ นี่ดูเหมือนว่ามันไม่มีความจำเป็นหรือความสำคัญอะไรเลยนะคะ ”

เมื่อเห็นเธอตอบกลับมาเช่นนี้ ความรู้สึกที่ไม่ลงรอยของลู่จิ้นยวนในใจก็ลึกขึ้นเล็กน้อย

“ไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นใดครับ เพียงแค่อยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย”

ลู่จิ้นยวนไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่ในใจนั้น เต็มไปด้วยความคาดหวังกับการที่จะไปพบหน้ากันในวันพรุ่งนี้

ถ้าหากได้พบกันแบบตาต่อตา น่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้

เสียงอาบน้ำของถังหว่านเอ๋อร์ เป็นการปลุกให้โม่เทียนยวี๋ตื่นขึ้นมา

โม่เทียนยวี๋พึ่งจะจำเรื่องของโม่โยวขึ้นมาได้

สีหน้าของเขาดูรำคาญขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรกลับไป

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผู้หญิงคนนี้ยังมีประโยชน์ต่อเขา เขาก็ไม่อยากสร้างภาพเล่นละครหรือมีความสัมพันธ์อะไรกับเธอ

เมื่อนึกถึงอะไรบางอย่าง โม่เทียนยวี๋จึงหยิบบุหรี่เข้าปากอย่างหดหู่ แล้วสูบเข้าไปอย่างแรง

อย่างไรก็ตามรอให้แต่งงานแล้ว ด้วยนิสัยใจคอของผู้หญิงคนนี้ คิดว่าก็คงจะตายใจสักที ถึงเวลานั้นก็ไม่จำเป็นต้องคอยเล่นละครอะไรที่น่าเบื่อกับเธอแบบนี้อีก

ในขณะที่คิด โม่เทียนยวี๋ก็ยิ้มออกมา หลังจากที่โทรศัพท์ดังขึ้นสองสามครั้ง ก็ถูกเชื่อมต่อ

โม่โยวรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าของโม่เทียนยวี๋ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เจออุปสรรคใด ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกกังวลใจ

สิ่งที่พานจื้อหลานพูดนั้น ยังคงก้องอยู่ในหูของเธอ

เธอไม่สามารถปกปิดเรื่องราวของเธอได้ โม่เทียนยวี๋เป็นคนช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เธอเป็นหนึ้บุญคุณเขา เธอไม่สามารถตอบแทนเขาด้วยการโกหก นี่มันไม่ใช่นิสัยของเธอ

“ มีอะไรเหรอ วันนี้ตอนที่เธอโทรเข้ามาฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนิดหน่อย คุณเจอปัญหาอะไรหรือเปล่า”

หลังจากที่สายเชื่อมต่อแล้ว โม่เทียนยวี๋ไม่ได้แสดงถึงความน่าเบื่อรำคาญใดออกมาแม้แต่น้อย แต่กลับถามขึ้นมาอย่างอ่อนโยน

แต่เมื่อเทียบกับการแสดงออกที่ไม่แยแสของเขาในขณะนี้ น้ำเสียงที่อบอุ่นนั้นทำให้คนเขารู้สึกถึงความไม่พอใจอย่างมาก

“คุณโอเคไหมคะ”

เมื่อโม่โยวได้ยินว่าโม่เทียนยวี๋ไม่สบายตัว ก็รีบถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วงทันที จนลืมบอกไปว่าตัวเองนั้นยังอยู่ในโรงพยาบาล

“ยังโอเค ไม่เป็นอะไรมากครับ”

เมื่อได้ยินโม่เทียนยวี๋พูดเช่นนี้ โม่โยวก็โล่งใจ จากนั้นก็กัดริมฝีปากแล้วพูดว่า ” มาเข้าเรื่องกันเถอะค่ะ บางทีมันอาจจะยากที่คุณจะยอมรับมัน แต่ไม่ว่าคุณจะตอบยังไง ฉันก็จะเห็นด้วยค่ะ”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

Status: Ongoing

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท