บ่วงแค้นแสนรัก – บทที่ 322 ไม่คิดอยากที่จะเปลี่ยนแปลง

บทที่ 322 ไม่คิดอยากที่จะเปลี่ยนแปลง

โม่โยวไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูด แต่กลับยิ่งทำให้รู้สึกโมโหมากขึ้นไปเสียอีก เธอมองลู่จิ้นยวนว่าเป็นพวกเจ้าชู้ยักษ์เก็บเกี่ยวเอาผลประโยชน์จากเธอไปทั่ว กัดฟันกรอด แล้วจากนั้นจึงกัดเข้าไปที่ท่อนแขนของเขาเต็มแรง

หง่ำ……..

ลู่จิ้นยวนรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แล่นปลาบขึ้นมา แต่แรงกำลังของท่อนแขนเขากลับไม่อ่อนลงเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่คิดขึ้นมาว่า เจ็บก็ดีเหมือนกัน เจ็บแล้วก็จะได้รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง

ภรรยาของเขา เวินหนิงของเขา ได้กลับมาอยู่ข้างกายเขาแล้วจริงๆ

รสชาติขมฝาดราวกับเหล็กที่อยู่ในปากได้เรียกสติเธอให้หวนคืนสู่ร่างโดยทันที จึงพลันอ้าปากเอาฟันที่ขบกัดอยู่นั้นออก มองดูรอยแผลสดที่มีเลือดไหลรินอยู่ข้างหน้า ก็ตกใจตื่นตะลึง แล้วอดไม่ได้ที่จะเผลอขมวดคิ้ว

เธอเม้มริมฝีปากแน่น รับรู้ถึงการกักขังตัวเธอแน่น ถึงขนาดที่ว่ารู้สึกได้ถึงแรงที่ทำให้เธอทรมานจนหายใจไม่ออกอยู่เล็กน้อย นัยน์ตาคู่สวยมีประกายแห่งความสับสนปรากฏขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

ต่อให้เป็นพวกหัวทื่อ ก็รู้สึกได้ว่าลู่จิ้นยวนนั้นมีอะไรผิดแปลกไปไม่ถูกต้อง

โม่โยวเลิกคิดที่จะขัดขืนอีกต่อไป พูดออกมาอย่างระมัดระวังว่า “ประธานลู่คะ ท่านปล่อยฉันก่อนได้ไหมคะ ฉันรู้สึกทรมานมาก”

ลู่จิ้นยวนชะงักค้างไป ในใจรู้สึกตกใจจนรีบคลายมือออก

แต่ว่าในขณะที่เขากำลังคิดจะผ่อนแรงเพื่อคลายมือออกนั้น โม่โยวก็รีบดันตัวเขาออกแล้วถอยหลังออกไปหลายก้าว จนแทบที่ติดกับประตู รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยกับเขาเอาไว้ ในสายตามีแต่ความหวาดระแวงปรากฏอยู่

ในใจเขาก็พลันมีความรู้สึกหงุดหงิดหัวใจขึ้นมาอย่างอดกลั้นไม่ได้ ถอนหายใจอยู่ภายในใจเงียบๆ เดินไปนั่งลงที่โซฟาด้านหนึ่ง

“ขอโทษด้วย เมื่อกี้คงทำให้เธอตกใจแย่สินะ เวิน…..โม่โยว ฉันมีเรื่องสำคัญมากที่จะต้องบอกเธอ เธอนั่งลงก่อนจะได้ไหม”

โม่โยวมองไปที่เขา ทั้งไม่เอ่ยอะไรออกมา และไม่ขยับเขยื้อนกายเลยเช่นกัน

ลู่จิ้นยวนเองก็ไม่รีบร้อน รอคอยเธออยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ

เวลาล่วงเลยผ่านไปแล้วหลายนาที โม่โยวสูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที แล้วจึงเดินไปอย่างช้าๆ นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของลู่จิ้นยวน

“ประธานลู่คะ ท่านมีเรื่องอะไรก็พูดมาเลยเถอะค่ะ”

นัยน์ตาที่ลุ่มลึกของเขามองเธออย่างมีความนัยน์อันลึกซึ้ง อารมณ์ความรู้สึกที่เจือมาทำให้โม่โยวตื่นตระหนก และรู้สึกสับสนวุ่นวายใจอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ไม่สามารถที่จะนั่งอยู่นิ่งๆ ได้เลย

“ฉันเล่าเรื่องให้เธอฟังสักเรื่องนะ และเธอก็จะต้องตั้งใจฟัง เมื่อ 5 ปีก่อน…….”

ในห้องทำงานอันโอ่อ่าใหญ่โต มีเพียงเสียงของลู่จิ้นยวนที่ดังก้องไปทั่ว เขาเล่าเรื่องอย่างละเอียด น้ำเสียงที่ใช้นั้นนุ่มนวล เอ่ยออกมาอย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ

เวลาก็ล่วงเลยว่าไปจากวินาทีเป็นนาที สีหน้าอันราบเรียบของโม่โยวในตอนแรกก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนอย่างช้าๆ

“ก็ผ่านมาแบบนี้เป็นเวลา 5 ปีแล้ว จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ฉันก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะตามหาเธอ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เดิมทีแล้วตัวเธอจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวฉันเสียขนาดนี้”

“และก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีกครั้ง เธอได้ช่วยลูกของพวกเราเอาไว้ อันหราน เธอเคยไปสวนสนุกด้วยกันกับพ่อลูก เธอใช้ตัวตนความเป็นแม่ช่วยเหลืออันหรานเอาไว้ เธอช่างมีพรสวรรค์ในการคิดวางแผน เธอ………”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ โม่โยวก็ผลุนผลันลุกขึ้นยืน พูดออกมาเสียงดังอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ “พอแล้ว”

ลู่จิ้นยวนยังคงจ้องมองเธอ นำเอกสารการยืนยันตัวตนทั้งสามฉบับมากางออกไว้ข้างหน้าเธอ แล้วเอ่ยต่อว่า “จนกระทั่งวันนี้ ฉันก็ได้มั่นใจแล้ว เธอเป็นภรรยาของฉันจริงๆ แม่ของอันหราน”

สีหน้าของโม่โยวซีดเผือด และมีสภาพจิตใจที่ตื่นตระหนกสับสนงุนงง หัวใจของเธอเต้นรัวจนเจ็บหน้าอก มองดูเอกสารยืนยันตัวตนที่อยู่ข้างหน้า ผลการทดสอบที่มุมล่างขวา ทำให้ดวงตาของเธอร้อนผ่าว

ณ นาทีนี้เธอตกใจตื่นตะลึงจนไม่รู้อะไรผิดอะไรถูก ทั้งหมดไม่เคยอยู่ในการรคาดเดาของเธอมาก่อน ที่แท้อันหรานก็เป็นลูกของเธอ เป็นเด็กที่เธอคลอดออกมาก่อนที่จะสูญเสียความทรงไปเมื่อ 5 ปีก่อน

ไม่แปลกเลย ไม่แปลกเลยที่ทุกทีที่เธอเห็นเด็กน้อยคนนี้ จะมีความรู้สึกสนิทสนมใกล้ชิดและคุ้นเคย

ทันใดนั้นปลายจมูกของเธอก็รู้สึกแสบร้อน หยาดน้ำตาไหลรื้นจนแทบที่จะรินลงมา

ลู่จิ้นยวนมองดูก็เจ็บปวดหัวใจ ทนไม่ไหวจนลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหา โอบกอดเธอเอาไว้ในอ้อมอกตน “ผ่านไปแล้ว ความทรงจำในอดีต นึกไม่ออกก็ไม่ต้องไปนึกแล้ว ตอนนี้ พวกเราทั้งครอบครัวก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”

คราวนี้โม่โยวไม่ดิ้นขัดขืน เธอรับสัมผัสจากอ้อมกอดของลู่จิ้นยวน ฟังคำอันอ่อนโยนและใส่ใจของเขา ทว่าในใจกลับไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเท่าใดนัก หลุบตาลงต่ำแล้วจึงผลักตัวเขาออกไป

ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว “เสี่ยวหนิง? ”

เวินหนิง ชื่อชื่อนี้สำหรับโม่โยวในตอนนี้แล้วนั้น ถือได้ว่าเป็นคนแปลกหน้า

วันนี้ เธอได้รู้ที่มาที่ไปของตัวเธอเอง ได้รู้ว่าลูกของเธอนั้นเป็นใคร สามีของเธอนั้นเป็นใคร แต่ว่า……

“ประธานลู่ ฉันเชื่อเรื่องพวกนี้ที่คุณพูดออกมา ก็ได้เข้าใจตามนี้แล้วว่า ความทรงจำที่ได้หายไปเมื่อ 5 ปีก่อนของฉันนั้น สาเหตุที่ฉันกับลูกต้องพลัดพรากกัน เรื่องทั้งหมดนี้ คุณรู้สึกว่าในเรื่องที่คุณเล่าออกมานั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับคุณเลยแม้แต่น้อยไหมคะ”

ลู่จิ้นยวนตัวนิ่งแข็งค้างไป จ้องมองดูเธอ ฉับพลันนั้นก็ตื่นตระหนกขึ้นมา “เสี่ยวหนิง ฉัน……..”

ใช่แล้ว เขาเล่าเรื่องทั้งหมดออกไปให้โม่โยวฟังโดยไม่มีการปิดบังใดๆ เลย มีความสุขที่ได้มีร่วมกัน แต่ก็มีความรู้สึกที่ยากจะแบบรับเอาไว้ได้ผสมปนเปมาด้วยเช่นกัน

“เธอฟังฉันพูดให้จบก่อน” โม่โยวเอ่ยตัดบทเขาขึ้นมา สีหน้านิ่งเรียบเป็นอย่างมาก

“เรื่องในอดีตที่คุณเล่ามา ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันไม่ได้โกรธเคืองใครเลย แต่ว่าพ่อแม่ของคุณ แล้วก็ยังมีคุณด้วยอีกคน กลับทำร้ายฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

คำที่เธอพูดออกมา กับสีหน้าที่เธอแสดงออกมานั้น เปรียบเทียบออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน ราวกับว่าที่พูดออกมานั้นไม่ใช่ตนเอง แต่เป็นคนแปลกหน้าอีกคนอย่างไรอย่างนั้น

เรื่องราวความจริงก็เป็นดังว่า ต่อให้ได้ฟังเรื่องราวพวกนี้ ต่อให้ได้รู้ถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาของตนเอง ที่ได้ประสบกับเรื่องไม่ยุติธรรมต่างๆ นานา แต่เนื่องด้วยเหตุที่ว่าตอนนี้เธอสูญเสียความทรงจำไปแล้ว จึงไม่รู้สึกหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

โม่โยวเพียงแค่ว่าวิเคราะห์เรื่องราวสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยเหตุและผล “ประธานลู่คะ ไม่ว่าพวกเราจะเคยผ่านอะไรด้วยกันมาแบบไหน ตอนนี้ฉันสูญเสียความทรงจำไปแล้ว เรื่องที่ผ่านพ้นมาเหล่านั้น ทั้งชาตินี้ฉันก็อาจจะนึกมันขึ้นมาไม่ออกแล้วค่ะ”

“แต่ว่าฉันก็ยังต้องกล่าวขอบคุณคุณ ที่ทำให้ฉันได้รู้เรื่องราวที่มาที่ไปของตัวเอง ได้รู้ถึงเรื่องลูกชายของตัวเอง แต่มันก็เป็นได้เพียงเท่านั้นแหละค่ะ”

“ชีวิตของฉันในตอนนี้ก็สุขสบายดี แล้วก็ยังมีคู่หมั้นอยู่อีกหนึ่งคน ฉันไม่คิดอยากที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ฉันรักอันหรานมาก และเขาเองก็เป็นลูกชายของฉัน ฉันจะไม่ปฏิเสธสิ่งนี้ แต่ว่าระหว่างพวกเรานั้น ฉันคิดว่า ก็คงจะให้มันจบลงไปตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อนแล้วล่ะค่ะ”

โม่โยวไม่ได้คิดอย่างนั้นเพราะว่าเป็นความรู้สึกส่วนตัวของเธอเลย เธอวิเคราะห์ไปตามนั้นด้วยเหตุและผลอย่างแท้จริง

ในเมื่อก็ได้เว้นช่วงห่างไปนานถึง 5 ปีแล้ว เธอได้มีชีวิตใหม่ แถมยังมีโม่เทียนยวี๋ นอกจากที่มีความรู้สึกผิดกับอันหรานแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดที่เปลี่ยนไปเลย

คู่หมั้น คำคำนี้นั้น ทำให้แววตาของลู่จิ้นยวนนั้นหมองหม่นลงไป

ทำไมเขาถึงคิดไม่ถึงว่าผลลัพท์จะออกมาเป็นเช่นนี้ได้ สีหน้าของเขาขรึมขึ้น ถึงขนาดที่ว่าหน้าหดจนเหลือสองนิ้ว แต่เขาก็ยิ่งได้รู้ว่า เรื่องทั้งหมดนี่ถ้าจะโทษใคร คนคนนั้นก็ต้องเป็นเขา แต่ไหนแต่ไรเวินหนิงก็เป็นผู้บริสุทธิ์มาโดยตลอด

เขาพยายามระงับกลั้นความรู้สึกที่อยู่ข้างในใจ แล้วจ้องมองไปที่เธอ “เวินหนิง เธอจะไม่สนใจฉันก็ได้ แต่อันหรานล่ะ ตั้งแต่ที่เขาได้เกิดขึ้นมาก็ขาดแม่ ตอนนี้ เธอได้รู้ถึงตัวตนการมีอยู่ของเขาแล้ว จะกลั้นใจไม่ให้เขามีแม่ไปตลอดชีวิตนี้เลยอย่างงั้นเหรอ”

ใช้ลูกมาบังคับเธอ ช่างสกปรกเสียจริง แต่ลู่จิ้นยวนก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ในเมื่อสิ่งเดียวสามารถทำให้ใจเธอโอนอ่อนได้ในตอนนี้ก็มีเพียงแค่อันหรานแล้ว นี่เองก็เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เขาได้ตัวเวินหนิงกลับคืนมา เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงข้อนี้ดี

ผลปรากฏว่าโม่โยวตัวนิ่งงันไป พูดอะไรไม่ออก

ลู่จิ้นยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วมุมปากก็พลันยกขึ้น “เรื่องพวกนี้ไม่ต้องรีบร้อนไป ฉันเข้าใจว่าเรื่องในวันนี้ทำให้เธอตกใจมามากพอแล้ว ฉันจะหาเวลาบอกอันหรานถึงสถานะตัวตนของเธอเอง เขามีสิทธิที่จะได้รู้เรื่องนี้”

“เรื่องหลังจากนี้ พวกเราก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เธอกลับไปคิดดูให้ดีๆ ก่อนละกัน”

โม่โยวไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับคำถามนี้ไปว่าอย่างไรดี ถ้าหากว่าเป็นไปได้ เธอก็คิดที่อยากจะกลับไปหาลูกชายของตนเอง แต่ว่าในส่วนของเรื่องนี้นั้น ไม่ว่าจะเป็น 5 ปีก่อน หรือว่า 5 ปีหลัง เธอก็รู้ว่านี่ไม่อาจที่จะเป็นไปได้

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

Status: Ongoing

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท