บ่วงแค้นแสนรัก – บทที่ 335 ไอ้ยาจกกระจอก

บทที่ 335 ไอ้ยาจกกระจอก

แน่นอนที่แม้ว่าในใจเธอจะขยะแขยงจนอยากจะอ้วกออกมา แต่ก็ยังคงไม่ลืมว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นลูกค้า ส่วนตนเป็นเพียงแค่พนักงานบริการเท่านั้น ดังนั้นบนใบหน้าจึงยังคงประดับด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจส่งไปให้ ไม่มีการชักสีหน้าใดๆ ทั้งสิ้น แต่คำที่เอ่ยออกมานั้น กลับทำให้คนรู้สึกแสลงหูได้

“คุณผู้ชายคะ ไม่ทราบว่าจะรูดบัตรเครดิตหรือชำระด้วยเงินสดคะ”

คำพูดที่เอ่ยออกมาเบาๆ เพียงแค่ประโยคเดียว ทำให้สีหน้าของโม่เทียนยวี๋ดูแย่มากขึ้น ซ้ำกลับรับรู้ได้ว่าพนักงานบริการคนนี้จงใจให้เขามีช่วงเวลาที่ต้องรู้สึกลำบากใจ ตัวเลขขึ้นไปถึงห้าแสนกว่าๆ แล้วเขาจะไปจ่ายเงินสดได้อย่างไรกันล่ะ

แต่เขาเองก็ทราบดี ไม่ว่าจะเป็นเพราะอยู่ภายใต้สถานการ์ที่อยู่ในที่สาธารณะแบบนี้ หรือว่าจะเพราะเป็นไอ้เด็กผีลูกชายของโม่โยว เขาก็ไม่อาจที่จะเอาไฟโทสะไปสุมเข้าใส่ได้

โม่เทียนยวี๋สูดหายใจเข้าลึกๆ มองไปที่ลู่อันหราน แม้ว่าในใจจะอยากขยี้เขาให้แหลกจนเละคามือ แต่ก็พยายามเค้นเอารอยยิ้มให้ขึ้นมาปรากฏอยู่บนใบหน้า

“อันหราน ไม่ใช่ว่าเสื้อผ้าพวกนี้จะเยอะเกินไปหรอกเหรอ ถ้าไม่อย่างนั้นหยิบออกไปสักหน่อยไหม อันหรานเป็นเด็กดี เด็กดีก็จะต้องเชื่อฟังคำพูดของผู้ใหญ่ใช่หรือเปล่า”

ในใจของลู่อันหรานรู้สึกระอาจนกลอกตาออกมา ไอ้ยาจกกระจอกเอ้ย หึ

เขายังคงตีหน้ามึน มองโม่เทียนยวี๋ด้วยดวงตากลมโต ราวกับไม่เข้าใจความหมายของคำพูดที่เขาได้เอ่ยออกไปก่อนหน้า ปากก็เริ่มเบะออก ขอบดวงตาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นสีแดงระเรื่อ

“คุณลุง ถ้าไม่ยอมให้ผมซื้อล่ะก็ งั้นผมจ่ายเงินซื้อเองก็ได้ ผมพอมีเศษเงินเหลืออยู่”

เขาพูดแล้วก็หันไปมองพนักงาน “พี่สาวคนสวยครับ ผมมีกระปุกออมสินรูปเจ้าหมูน้อยอยู่อันหนึ่ง ข้างในมีเหรียญอยู่เยอะแยะเต็มไปหมดเลย ผมซื้อเองได้ครับ”

คำพูดที่ดูเด็กน้อยของเขาทำให้บรรดาพนักงานยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู แต่แววตาของโม่เทียนยวี๋ก็แย่ลงขึ้นไปอีก รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าก็ดูอ่อนลงไปเรื่อยๆ

“ผู้ชายแบบนี้คือพอกันที ต่อไปนี้ฉันจะไม่หาผู้ชายไร้น้ำยาแบบนี้เด็ดขาดแน่นอน”

“ใช่แล้ว เมื่อดี้ฉันได้ยินด้วยนะว่า ตอนที่เขาอยู่หน้าประตูยังวางท่าวางก้ามสะใหญ่โต บอกว่าอยากได้อะไรก็เลือกได้ตามสบาย แต่พอเจ้าตัวน้อยเลือกเสร็จแล้ว เขากลับไม่พอใจ บ่นว่าแพงเฉยเลย”

“ห้าแสนกว่าๆ ก็ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยๆ นะ และเจ้าหนูก็เลือกมาค่อนข้างเยอะอีกด้วย”

พนักงานเพียงหนึ่งเดียวที่เอ่ยปากพูดช่วยโม่เทียนยวี๋ได้รับโดยการรุมประณามจากในกลุ่มทันที

“หึ เด็กมันตัวแค่นี้จะไปรู้เรื่องอะไรล่ะ ยังไม่รู้เลยมั้งว่าอันไหนแพงอันถูก”

“ใช่ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผู้ชายคนนั้นเอ่ยปากรับรองมาเสียก่อน เจ้าตัวเล็กก็คงไม่เลือกของพวกนี้มาหรอก”

“ไม่มีเงินแล้วยังมาทำหน้าใหญ่อวดเบ่งไปทั่วแบบนี้ น่าอายที่สุดเลย”

พนักงานบริการพวกนี้คุยกระซิบกระซาบกันด้วยเสียงที่เบามาก แต่ว่าเนื่องจากภายในร้านค่อนข้างที่จะเงียบมาก ซ้ำลูกค้าก็มีอยู่ไม่เยอะ ดังนั้นจึงทำให้มีบางประโยคเล็ดลอดไปเข้าหูของโม่เทียนยวี๋ได้

เขาไม่เคยออกมาข้างนอกแล้วเสียหน้าครั้งใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย โกรธจนกระดูกทั่วร่างปวดแปลบไปหมด

ไม่ ถ้าจะให้พูดล่ะก็ วันนี้ทั้งวันเขาขายหน้ามามาก ซ้ำแล้วราวกับว่าเรื่องทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีเหตุมาจากได้เด็กผีนี่

วางแผนมาอย่างดีว่าจะส่งดอกไม้ไปขอแต่งงาน แหวนแต่งงานในเค้กที่แสนจะโรแมนติก ทุกอย่างกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า

ช่อดอกกุหลาบช่อใหญ่เสียขนาดนั้นกลับล่องลอยหายไปกับสายลมอย่างไร้เงื่อนงำ

หลังจากนั้นก็เค้กที่จัดเตรียมเอาไว้อย่างพิถีพิถัน ปรากฏว่าไอ้เด็กผีนี่จู่ๆ ก็โผล่มาทำลายเค้กของเขา แล้วยังไม่พอ ซ้ำยังมาทำให้แหวนแต่งงานมูลค่าเป็นแสนๆ ของเขามีราคีอีก

พอพาเขาออกมาเดินเล่นที่ห้าง คิดว่าจะใช้ความใจดีกับของเล็กๆ น้อยๆ ซื้อใจไอ้เด็กนี่มา หวังจะซื้อตัวมันมาได้ ปรากฏว่าจะต้องขนหน้าแข้งล่วงจนเลือดไหลซิบ นี่มันช่าง………

โม่เทียนยวี๋รู้สึกว่าไม่เคยมีครั้งไหนที่จะโชคร้ายแล้วขายหน้าได้เท่าวันนี้มาก่อนเลย โกรธจนตัวสั่นไปหมด แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และเพื่อกู้หน้าคืนมาก็เลยยังคงแสร้งยิ้มออกมาบางๆ

ในเมื่อเขาเป็นคนจากโม่กรุ๊ป และยังเป็นคุณชายเพียงคนเดียวของตระกูลโม่อีก ถ้าเรื่องในวันนี้ถูกเปิดเผยเข้าในภายหลังล่ะก็ จะทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูไม่ดีได้

“คุณลุงพูดแล้วไม่คืนคำ ออกมาเที่ยวกับคุณลุง แน่นอนว่าอยากได้อะไรก็ต้องได้ ลุงก็แค่คิดว่าเดี๋ยวพวกเราก็ต้องไปเดินดูของอย่างอื่นอีก ถือของเยอะแบบนี้เอาไว้กับตัวจะไม่สะดวกเอานะ”

แน่นอน คำพูดพกลมพวกนี้ก็เพื่อหวังหลอกเด็กน้อย แต่ว่าลู่อันหรานก็หาใช่เด็กธรรมดาทั่วไปที่ไหนกัน พนักงานบริการหลายคนต่างพากันกลอกตาใส่อยู่ภายในใจ รู้สึกระอาใจเป็นอย่างมาก

“ขอท่านโปรดวางใจ ร้านของเรามีบริการส่งตรงถึงบ้าน ซ้ำยังไม่คิดค่าบริการด้วยค่ะ” คุณพี่พนักงานสาวท่านนี้ทนมองดูท่าทางเสแสร้งของเขาอีกต่อไปไม่ไหวจึงเอ่ยออกมาดังว่า

ในใจหมดแล้วซึ่งความเหลืออด และเนื่องด้วยในกฎของพนักงานบริการอย่างพวกเธอก็ได้ระบุถึงเรื่องนี้เอาไว้อยู่ จึงทำให้สามารถพูดออกไปได้

สีหน้าของโม่เทียนยวี๋ตระหนก ในใจสบถออกมาอย่างหยาบคาย แต่สีหน้าที่แสดงออกไม่เปลี่ยน ยิ้มแล้วพยักหน้า แล้วจึงยื่นบัตรเครดิตออกไปอย่างไม่มีทางเลือก

กระอักเลือดออกมาอยู่ภายในใจ…….

“ว้าว คุณลุงใจดีจังเลย”

เมื่อเห็นเขากระอักเลือดออกมาจริงๆ แล้วลู่อันหรานก็กล่าวชมออกมาอย่างหน้าซื่อตาใส

ในเมื่อสิ่งที่เขาคาดหวังก็สำเร็จผลแล้ว ก็แค่คำพูดที่ไม่ต้องเสียแม้แต่เงินก็เท่านั้นเอง การซื้อขายครั้งนี้เขาคุ้มกำไรสุดๆ ไปเลย ลูกคิดที่กำลังดีดคำนวณอยู่ในใจของเด็กน้อยนั้นส่งเสียงออกมาดังมาก

โม่เทียนยวี๋ช่วยเขาถือถุงโดยราวกับว่าของที่อยู่ในมือนั้นหนักราวพันชั่ง แล้วจึงพาไอ้เด็กเวรตัวน้อยเดินออกไป

“คุณลุง พวกเราไปเดินดูของที่ร้านอื่นกันอีกเถอะครับ”

ลู่อันหรานที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นพลางยิ้มจนตาหยี ทำให้ภายในใจของโม่เทียนยวี๋อกสั่นขวัญแขวน ถูกเด็กชายอายุไม่ถึง 6 ขวบดีทำให้กลัวจนสีหน้าเปลี่ยน

จะไม่กลัวได้อย่างไรกัน เข้าไปร้านแรกเพียงแค่ไม่กี่สิบนาที ก็หมดไปห้าแสนกว่าๆแล้ว จะให้ยังมีหน้าไปกล้าพาไอ้เด็กเวรนี่วิ่งดูอะไรที่ไหนอีกล่ะ ถ้าเขาไม่ถูกรีดเลือดออกมาจนหมดตัวก็ประหลาดแล้ว

สำหรับโม่เทียนยวี๋แล้ว เงินห้าแสนกว่าๆ นี้ก็ไม่ถือว่าหนักหนาอะไร

แต่ว่าโม่เทียนยวี๋เป็นเพียงแค่ญาติทางสายแยกของตระกูลโม่ ทรัพย์สินจำนวน 95% ของตระกูลโม่นั้นทั้งหมดล้วนเกือบจะอยู่ในมือของโม่ฉีจื้อผู้นำของตระกูลโม่แต่เพียงผู้เดียว

ภายนอกเขาดูใช้ชีวิตสูงส่งเปล่งรัศมีแห่งความเป็นคุณชายของตระกูลโม่ แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับตระกูลโม่ถึงเรื่องที่สามารถแตะต้องพวกทรัพย์สินเงินทองหรือสมบัติส่วนบุคคลได้นั้น ก็ไม่สามารถนำมาทัดเทียมเปรียบเทียบได้เลย

เขาเอาห้าแสนออกมาใช้ แต่เอามาใช้ให้กับไอ้เด็กผีที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้เขาอยากจะบ้าตาย โกรธจนจะอ้วกออกมาเป็นเลือดให้ได้

“เรื่องนั้น อันหราน คุณลุงรู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อย พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเป็นไง” โม่เทียนยวี๋เบี่ยงหัวข้อประเด็น

ลู่อันหรานหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธออกไป พนักหน้าพลางส่งยิ้มตาหยี “โอเคครับ”

ขณะที่เขาพูดดวงตากลมโตก็กวาดไปทั่วทุกชั้นด้วยความเร็วสูง ตัดสินใจเลือกร้านอาหารในชั้นเดียวกันที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ชื่อว่าร้านอวี๋เหม่ยเหริน ตกแต่งอย่างหรูหราโอ่อ่า

เจ้าตัวน้อยรีบสาวเท้าก้าวยาวๆ วิ่งไปข้างหน้า “คุณลุงครับ ผมเห็นร้านที่สวยมากๆ ร้านหนึ่งด้วย จะต้องมีของอร่อยแน่ๆ เลย พวกเรารีบไปกันเถอะ”

เขาวิ่งไปพลาง หยิบโทรศัพท์ออกมาพลาง ส่งตำแหน่งที่อยู่ของร้านอาหารไปให้โม่โยว กลัวว่าเดี๋ยวเธอจะหากันไม่เจอ

“เฮ้ย รอก่อนสิ…….”

โม่เทียนยวี๋สบถออกมาอย่างเงียบๆ แล้วจึงออกวิ่งตามเด็กน้อยที่วิ่งเข้าร้านอาหารไปอย่างช่วยไม่ได้

แขกลูกค้าที่มาใช้บริการในร้านมีไม่มากไม่น้อย มีกลิ่นหอมเบาๆ ลอยมากับอากาศ เพลงเนิบช้าที่ผ่อนคลายอารมณ์กำลังบรรเลง เพียงแค่เข้าไปก็ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาแล้ว

แม้ว่าจะเป็นร้านอาหาร แต่ว่าแขกที่อยู่ในร้านนั้นมีมารยาทดีมาก ไม่มีการส่งเสียงดังสักเท่าไหร่ เมื่อร่างของเด็กน้อยที่ได้วิ่งเข้ามาในร้านจึงเรียกความสนใจจากผู้คนมากเลยทีเดียว

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

Status: Ongoing

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท