เย่ซือเยวี่ยมองไปที่เขา ภาพเหตุการณ์เมื่อกี้ก็ลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง จากนั้นก็มองไปที่ท่อนล่างของเขาอย่างไม่ตั้งใจ แล้วกรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง
สีหน้าอันเฉินตึงเครียดมากแล้วกัดฟันแน่น “เงียบ หนวกหู เชื่อหรือเปล่าเดี๋ยวฉันจะโยนเธอออกไปข้างนอกหน้าต่าง”
เย่ซือเยวี่ยถูกเขาตะคอกใส่ก็รีบดึงสติกลับมา จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วตัวสั่นชี้ไปที่เขา “นาย นาย……”
“นายอะไรนาย เธอเป็นใคร แล้วอีกอย่าง เธอเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง?” อันเฉินมองไปที่เธออย่างหงุดหงิด
“ห้องอะไรของนาย? นี่เป็นห้องของฉัน ฉันควรจะถามนายมากกว่านายเป็นใคร เช้าขนาดนี้มาอาบน้ำในห้องคนอื่น? นายเป็นโรคจิตหรอ?”
เย่ซือเยวี่ยก็โมโหหงุดหงิดเหมือนกัน โตขนาดนี้ เจอเรื่องแบบนี้ครั้งแรก เธอโมโหจนอยากจะฆ่าคน
ทั้งๆที่ผู้หญิงคนนี้เห็นเขาตอนเปลือย ยังบอกว่าเขาเป็นโรคจิตอีก? อันเฉินมองไปที่เธออย่างคาดไม่ถึง
เพราะว่าประตูในห้องปิดไม่สนิท เสียงของทั้งสองคนก็ดึงดูดลู่จิ้นยวนที่อยู่ข้างห้อง จากนั้นทุกคนก็มารวมตัวกัน
เย่ซือเยวี่ยก็ไม่เคยเห็นอันเฉินเหมือนกัน เธอไม่รู้ว่าอันเฉินเป็นใคร พอเห็นโม่โยวก็รีบวิ่งไปหาทันที
“โม่โยว เธอมาพอดีเลย รีบให้บอสลู่แจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้ มันจับตัวได้ไอ้บ้าโรคจิตนี้ไป”
อันเฉินมองเธอเหมือนมองคนบ้า “นี่เธอ หุบปากเดี๋ยวนี้ ทั้งๆที่เธอแอบดูฉันอาบน้ำใครกันแน่ที่เป็นโรคจิต”
พอพูดแบบนี้ ลู่จิ้นยวนก็รู้สึกอึ้ง เกิดเรื่องอะไรที่พวกเขาไม่รู้งั้นหรอ?
อันเฉินดึงสติกลับมาได้ เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนี้สนิทสนมกับโม่โยวขนาดนั้น ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นใคร
“บ้าอะไรล่ะ ใครแอบดูนายอาบน้ำ ฉันจะรู้ได้ไงว่าคนที่อาบน้ำเป็นนาย ถ้ารู้อย่างนั้น คิดว่าฉันอยากดูงั้นหรอ เดี๋ยวฉันก็จะไปล้างตาที่โรงพยาบาลทันที” เย่ซือเยวี่ยหน้าแดงหูแดงแล้วหงุดหงิดมากด้วย
“เหอะ ดูก็ดูแล้ว ใครจะรู้เธอคิดอะไร ถึงแม้ผู้หญิงที่แอบดูแบบนี้จะมีน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี นี่ก็เห็นคนนึงแล้วไม่ใช่หรอ”
อันเฉินหลุดขำออกมา กำลังพูดถึงใครบางคน
“ไอ้บ้า แกหุบปากเดี๋ยวนี้ ใครอยากจะดูนายไม่ทราบ นายคิดว่านายมีอะไรน่าดูหรอ? ทั้งสั้นทั้งเล็ก ยังไม่เท่านิ้วมือของฉันเลย ฉันไปดูอย่างอื่นก็ไม่อยากดูของนายหรอก”
เย่ซือเยวี่ยถูกเขากระตุกต่อมอารมณ์ นิสัยอารมณ์ร้อนก็ปะทุออกมาทันที คำพูดที่พูดออกไป ทำให้ทั้งห้องเงียบสงัดมาก
โม่โยวตกใจไม่น้อย อยากจะปิดปากเธอก็ไม่ทันแล้ว เพราะยังไงเย่ซือเยวี่ยก็เป็นเพื่อนรักของเธอ แล้วสีหน้าเธอก็บิดเบี้ยวมาด้วย
ลู่จิ้นยวนก็ตกใจเหมือนกัน จนต้องหันไปมองเย่ซือเยวี่ย เพิ่งเคยเห็นพลังความกล้าหาญของเธอครั้งแรก แล้วเวลาเดียวกัน……
เป็นเพราะคำพูดของเย่ซือเยวี่ย สายตาก็มองไปทางอันเฉิน แล้วปากก็กระตุก อยากจะหัวเราะมาก โดนผู้หญิงพูดแบบนี้ เขาก็รู้สึกสงสารผู้ช่วยของตัวเองเหมือนกัน
อันเฉินไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดอะไรแบบนี้ออกมา เขาเป็นคนในเหตุการณ์ สีหน้าก็ตึงเครียดมาก จนอยากจะบีบคอเย่ซือเยวี่ย
“ผู้หญิงบ้า เธอพูดอะไรนะ?” เขากัดฟันพูด โมโหจนถึงขีดสุด
พอเย่ซือเยวี่ยรู้สึกตัว โดยเฉพาะยังมีคนอื่นอยู่ ใบหน้าเธอก็แดงจนจะเป็นลม เธอไม่เคยรู้สึกขายหน้าแบบนี้มาก่อน ทุกอย่างเป็นเพราะโรคจิตคนนี้
เธอกัดฟันแน่น โมโหไม่น้อยไปกว่าอันเฉินเลย แล้วจองไปที่เขา
โม่โยวคิดว่าจะอยู่ต่อไม่ได้ ไม่งั้นเย่ซือเยวี่ยอาจจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา เธอก็ดึงเพื่อนตัวเองไว้
“คือ ซือเยวี่ย ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?”
เย่วทอเยวี่ยดึงสติกลับมาแล้วเอ่ยทันที “เมื่อคืนแกส่งข้อความหาฉัน ว่าแกอยู่ห้อง305 บอกว่าถ้าฉันมาถึงก็มาหาแกไม่ใช่หรอ?”
โม่โยวเบิกตากว้าง “305? เป็นไปได้ยังไง เลขห้องที่ฉันส่งให้แกเลข302ไม่ใช่หรอ?”
เย่ซือเยวี่ย: “……”
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูข้อความอีกครั้ง จากนั้น……ไม่มีจากนั้นแล้ว
โม่โยวยื่นหน้าไปดู ก็เข้าใจทันที
เมื่อคืนตอนที่เธอส่งข้อความไปหา ตัวเลขบนเลขห้องไม่ใช่ตัวอารบิก แต่เป็นตัวเลขอิเล็กทรอนิกส์ เพราะฉะนั้นเลขสองกับเลขห้าข้างหลังก็เหมือนกันมาก
อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ เย่ซือเยวี่ยก็เลยดูผิด แล้วอีกอย่าง ด้วยนิสัยที่ร่าเริงของเธอ โม่โยวก็รู้สึกว่าตัวเองก็มีส่วนผิดกับเหตุการณ์เรื่องนี้เหมือนกัน แล้วรู้สึกทำตัวไม่ถูก
เมื่อคืนตอนเธอส่งข้อความไปหา ไม่ได้เปลี่ยนเลขอิเล็กทรอนิกส์เป็นเลขอารบิก เพราะว่าคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
คนอื่นก็เข้าใจทันที ที่แท้เป็นเพราะผิดที่เลขห้อง
อันเฉินหัวเราะในคอ “เลขห้องผิดแล้วยังไง? แต่ใครบางคนแอบดูเป็นเรื่องจริง รู้ว่ามีคนอาบน้ำอยู่ก็ยังจะแอบดู เป็นบ้าอะไร?”
เย่ซือเยวีายรีบหันกลับไปจ้องมองเขา ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นความผิดของเธอจริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะให้ผู้ชายคนนี้มาสั่งสอนเธอ
“ไอ้บ้า นายจะไม่จบใช่ไหม ฉันดูแล้วยังไง? นายรู้สึกเสียเปรียบใช่ไหม จะให้ช่วยแจ้งตำรวจไหมล่ะ ถึงเวลานายก็พูดกับตำรวจว่าฉันใช้สายตาข่มขืนนาย ไว้ใจเถอะ ถ้าถึงเวลาฉันจะบอกรายละเอียดทุกอย่างชัดเจน จะไม่ปฏิเสธเด็ดขาด”
โม่โยว: “……”
ลู่จิ้นยวน: “……”
บอกรายละเอียดชัดเจน? ไม่รู้ว่าทำไม ลู่จิ้นยวนนึกถึงคำพูดที่เย่ซือเยวี่ยพูดว่าทั้งสั้นทั้งเล็ก ก็ไอกลบเรือน
สีหน้าของอันเฉินเข้มงวดไปกว่าเดิม เขาเพิ่งเคยเจอผู้หญิงแบบนี้ครั้งแรก จนเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรอีก
โม่โยสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่อยากให้เพื่อนตัวเองพูดอะไรที่ไม่ควรพูดอีก จากนั้นก็รีบดึงเย่ซือเยวี่ยกลับไปที่ห้องตัวเองทันที
ลู่อันหรานที่อยู่ข้างลู่จิ้นยวนกระพริบตามองไปที่อันเฉิน “คุณอาอันเฉิน คุณอาถูกพี่สาวมองเห็นหมดแล้ว พี่สาวจะต้องรับผิดชอบกับคุณอาใช่ไหมครับ”
อันเฉิน: “……”
เขาเข้าสูดหายใจเข้าลึกๆ “คุณชายน้อย คำว่ารับผิดชอบใช้กับเรื่องแบบนี้ไม่ได้”
ลู่จิ้นยวนอดขำไม่ได้ จากนั้นก็ตบไหล่ผู้ช่วยอย่างเห็นใจ “อันเฉิน ความจริง……ฉันรู้สึกว่าเย่ซือเยวี่ยก็ไม่ได้แย่อะไรมาก เหมาะสมกับนายดี”
พูดจบ เขาก็อุ้มลูกชายออกไปทันที
ในห้องเหลือแค่อันเฉินคนเดียว สีหน้าที่เหมือนโดนฟ้าผ่า นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
ในห้องหมายเลข302
โม่โยวมองเห็นเย่วือเยวี่ยที่นอนอยู่บนเตียง เธอทั้งขำทั้งโมโห แล้วไปตบเธอเบาๆ “พี่สาว เมื่อกี้แกพูดอะไรเนี่ย จะทำยังไงกับแกดี”
เย่ซือเยวี่ยเอาแต่กลิ้งอยู่บนเตียง จากนั้นก็รีบลุกขึ้น “ฉันจะทำอะไรได้อีก? แกก็เห็น ไอ้บ้านั่นเอาแต่พูดอยู่นั่นแหละ”
“เขาเป็นผู้ชายถูกผู้หญิงดูก็ดูไปสิ ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย เอาแต่กัดไม่ปล่อย ฉันก็โมโหเหมือนกัน”