นี่เป็นครั้งแรกที่เวินหนิงได้รับความเย็นชาจากเขาแบบนี้ ความเจ็บปวดในใจแทบจะดับวูบ
เขาก็เชื่อว่าตัวเองเป็นคนผลักกงมั่วใช่ไหม ดังนั้นถึงไม่ยินยอมที่จะมองเธอ?
ในใจของเวินหนิงในขณะนี้ยู่ในความเศร้าหมองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เหมือนกับย้อนกลับไปในเรื่องราวเหล่านั้นเมื่อห้าปีก่อน
“ลู่จิ้นยวน ฉันไม่ได้ผลักกงมั่ว”
ในที่สุดเธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา แต่คนด้านข้างกลับไม่ให้การตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้น เวินหนิงค่อย ๆ ปิดตาลง
มาถึงโรงพยาบาลในไม่ช้า ลู่จิ้นยวนอุ้มกงมั่ววิ่งเข้าไปด้านใน คุณหมอและพยาบาลที่ติดต่อไว้ก่อนหน้านี้ได้ลงมารอที่ชั้นล่างแล้ว เมื่อส่งกงมั่วเข้าไป เขาถึงได้โล่งใจ
กงมั่วอยู่ในห้องผ่าตัด ทั้งสองรอข่าวคราวอยู่ด้านนอก
ลู่จิ้นยวนไปห้องน้ำทำความสะอาดตนเอง หลังจากที่ออกมาก็นั่งลงข้างเวินหนิงแล้วมองหน้าเธอ เขาพูดขึ้นช้า ๆ “เวินหนิง เรื่องคืนนี้ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจะต้องบอกกับฉันอย่างละเอียด”
เวินหนิงมองสีหน้าที่จริงจังของเขาอย่างไร้อารมณ์ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ยออกมา
“นายไม่ใช่ว่ามั่นใจแล้วว่าฉันเป็นคนผลักเธอลงไปเหรอ ในเมื่อเป็นแบบนี้ จะมีอะไรน่าถามอีก”
ลู่จิ้นยวนตะลึง มองเธออย่างอธิบายไม่ถูก เขาเพียงแค่อยากจะทำความเข้าใจกับรายละเอียดของเรื่อง ถึงจะจัดการเรื่องนี้ได้
เขาไม่เข้าใจว่า จู่ ๆ ทำไมเวินหนิงถึงได้กลายเป็นเหมือนเม่น หรือว่าเธอตกใจ?
เมื่อคิดได้แบบนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาเป็นคนพาเธอมา แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ภายใต้สายตาของเขา ถ้าคิดดี ๆ เขาก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ
“เวินหนิง อย่าดื้อ เวลานี้แล้วอย่าเอาแต่ใจ บอกรายละเอียดกับฉัน”
“เธอต้องรู้ไว้ว่า คนในเหตุการณ์เยอะแยะขนาดนั้นคิดว่าเธอเป็นคนผลักกงมั่ว ดังนั้นเวลานี้กงมั่วจะเกิดอะไรขึ้นไม่ได้ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ จะกระทบกับอาชีพของเธอแน่นอน ฉันคิดว่านี่ก็เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจะเห็น”
ตอนนี้ถึงคราวที่เวินหนิงต้องตะลึง เธอจ้องมองเขาอย่างว่างเปล่า ค่อย ๆ เอ่ยปากขึ้น “นาย…ทำเพื่อฉัน?”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่ผู้หญิงที่ดูเหมือนจะสูญเสียจิตวิญญาณของเธอด้วยความตะลึงเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเธอ “แน่นอนว่าฉันทำเพื่อเธอ นอกจากเธอแล้วฉันจะทำเพื่อใครได้อีก?”
“เวินหนิง นี่เธอเป็นอะไร?
จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตกใจกับเรื่องคืนนี้ใช่ไหม?”
เขาโอบกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างนุ่มนวล ลูบไหล่ของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มีฉันอยู่ เธอไม่ต้องกลัว สำหรับกงมั่ว ฉันเชื่อว่า เรื่องที่กงมั่วตกบันไดไม่เกี่ยวข้องกับเธอ”
“ในทางกลับกัน ถึงแม้ว่าการตกบันไดของกงมั่วจะเกี่ยวข้องกับเธอจริง ๆ นั่นก็ต้องเป็นเพราะเธอทำอะไรบางอย่าง นั่นก็สมควรแล้ว เธอไม่ต้องโทษตัวเองใด ๆ ทั้งสิ้น”
คำพูดแบบนี้ ในความทรงจำ ความบ้าบิ่นที่คุ้นเคย ลู่จิ้นยวนที่ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ปกป้องเธอได้กลับมาแล้ว เวินหนิงเอนตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา แล้วหลับตาลง
เมื่อรู้ว่าตนเองเข้าใจเขาผิด เวินหนิงลำบากใจเล็กน้อย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นบ้า
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ปรับอารมณ์ จากนั้นก็เล่าเรื่องราวคืนนี้ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดช้า ๆ
ลู่จิ้นยวนฟังอย่างเงียบ ๆ ในตอนที่ได้ยินคำพูดพวกนั้นที่กงมั่วพูดต่อเวินหนิง แสงเย็นที่ส่องประกายในดวงตาของเขา เขารู้อยู่ในใจ
เป็นไปอย่างที่คิด เขารู้สึกว่าเรื่องคืนนี้แปลกประหลาดนิดหน่อย ต้นตอของเรื่องเกิดขึ้นจากกงมั่วผู้หญิงคนนั้น
การกระทำของกงมั่วในคืนนี้เต็มไปด้วยช่องโหว่ ถึงแม้เขาจะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่ก็มีเหตุผลที่ดาดเดาสถานการณ์ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะล้มไปเอง
เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงท่าทางของกงมั่ว บันไดที่สูงขนาดนั้น หัวแตก เลือดออกเยอะขนาดนั้น เกินความจริงไปมาก ใครจะไปคิด ว่าเธอจะตั้งใจล้มลงมาแบบนี้?
นั่นเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนขวัญเกินไป ผู้หญิงที่สามารถโหดร้ายกับตัวเองได้ขนาดนี้ กลับบังเอิญเป็นหลานสาวของเพื่อนเก่าของนายท่านลู่ มันวุ่นวายนิดหน่อย ๆ จริง ๆ
ลู่จิ้นยวนสีหน้าเคร่งขรึม แต่ยังคงใช้น้ำเสียงนุ่มนวลพูดกับเวินหนิง “ฉันเข้าใจแล้ว เรื่องนี้ฉันเป็นคนจัดการ แต่ตอนนี้ดึกแล้ว ฉันให้คนขับรถไปส่งเธอกลับไปพักก่อน”
เวินหนิงส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไร ฉันอยากจะรอ ดูว่ากงมั่วบาดเจ็บขนาดไหน”
ไม่ว่ายังไง กงมั่วก็ล้มลงต่อหน้าเธอ ไม่ได้ยินความจริง เธอกลับไปก็นอนไม่หลับ
การรอนี้นานกว่าหนึ่งชั่วโมง การผ่าตัดเสร็จสิ้นลง คุณหมอออกมาบอกพวกเขา ว่าคนไข้เพียงแค่เสียเลือดมากเกินไป ไม่ได้รับอันตรายต่อชีวิต การผ่าตัดสำเร็จมาก ทั้งสองถึงได้กลับบ้าน
วันถัดมา ลู่จิ้นยวนมาถึงโรงพยาบาลอีกครั้ง และยังมีเย่หวานจิ้งกับนายท่านลู่มาด้วยกัน
นี่เป็นครั้งที่สองที่ผู้ใหญ่ของตระกูลลู่มาเยี่ยมกงมั่วที่โรงพยาบาลเป็นครั้งที่สอง คิดดูแล้วผู้หญิงคนนี้วุ่นวายจริง ๆ
“เสี่ยวมั่ว ป้าให้ห้องครัวทำน้ำซุปบำรุงมาให้ รอให้ไม่ร้อนก่อนหนูค่อยดื่ม ครั้งนี้เสียเลือดเยอะขนาดนี้ ต้องพักผ่อนอีกสักพัก”
เย่หวานจิ้งมองดูเธอด้วยความสงสาร
กงมั่วพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ทราบแล้วค่ะคุณป้า ขอบคุณนะคะคุณป้า”
นายท่านลู่เห็นร่างกายเธอไม่เป็นอะไร จุดสนใจก็คืออีกด้านหนึ่ง “เสี่ยวมั่ว ครั้งนี้หนูไม่ป็นอะไรโชคดีจริง ๆ ตกลงว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หนูพูดมาหน่อย”
สีหน้าของเย่หวานจิ้งก็ควบคุมไม่ได้ชั่วขณะ “จะเป็นเรื่องอะไรกัน?
นี่ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอคะ ว่าถูกคนผลักลงมา ถ้าไม่ใช่ว่าจิ้นยวนขวางเอาไว้ หนูจะไม่ปล่อยให้คนคนนั้นได้อยู่ดีแน่”
นายท่านลู่และลู่จิ้นยวนสีหน้าไม่ค่อยดีแล้ว
กงมั่วเห็นดังนั้น จึงรีบวางถ้วยน้ำซุปลงแล้วพูดขึ้น “คุณป้าคะ ไม่ใช่ค่ะ คุณป้าเข้าใจผิดแล้ว อันที่จริง…คืนนั้น หนูยืนอยู่ที่ปากบันได คุณหนูเวินไม่ได้ผลักหนูค่ะ…หนูตกลงมาโดยไม่ระวังเองค่ะ”
เธอพูดจบก็เหลือบมองลู่จิ้นยวนอย่างระมัดระวัง
ลู่จิ้นยวนสีหน้าไร้ความรู้สึก ดูอะไรไม่ออกสักนิด
ลู่จิ้นยวนไม่แปลกใจกับสิ่งที่เธอพูด ถ้าหากเป็นคนฉลาด ก็จะพูดตามความจริง ในเมื่อหากคิดเล็กคิดน้อยขึ้นมาจริง ๆ แล้วพูดคำพูดที่ว่าถูกคนทำร้ายผลักตกลงมา ก็สามารถถูกล้มล้างได้
เย่หวานจิ้งหน้าแข็งทื่อ คิดไม่ถึงว่ากงมั่วจะพูดแบบนี้ เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เสี่ยวมั่ว หนูจำผิดหรือเปล่า คนตัวโตขนาดนี้อยู่ดี ๆ จะตกบันไดได้ยังไง?
ตอนนั้นมีแต่พวกหนูสองคน จะเป็นไปได้ยังว่าไม่ใช่เธอผลักหนู?
“พอแล้ว”
นายท่านลู่มองดูสีหน้าของหลานชายที่ยิ่งอยู่ยิ่งแย่ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากตำหนิ “นี่เธอพูดอะไร?
เสี่ยวมั่วก็พูดแล้วว่าไม่ใช่เวินหนิงผลัก”
“เจ้าของเรื่องพูดแบบนี้แล้ว แล้วเธอหละ ในฐานะนายหญิงของตระกูลลู่ อาศัยข้อมูลส่วนตัวและสมมติฐานของตัวเอง เธอจะทำให้ตระกูลลู่ของฉันเสียหน้าจนหมดสิ้นเหรอ?”
“หวานจิ้ง หลายปีมานี้เธอยิ่งอยู่ยิ่งไม่มีความคิดแล้ว”
เย่หวานจิ้งหวาดกลัวนายท่านลู่จริง ๆ ไม่กล้าพูดอะไรเยอะ แต่ความโกรธที่มีต่อเวินหนิงกลับยิ่งมากขึ้น
เชื่อว่าหลายครั้งที่เธอเสียหน้าเป็นเพราะเวินหนิง เธอคือนางจิ้งจอก คือความหายนะ
นั่งอยู่ได้ครู่หนึ่ง นายท่านลู่ก็กวาดต้อนเย่หวานจิ้งออกมา ลู่จิ้นยวนที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดตั้งแต่ต้นจนจบยังคงอยู่