บทที่ 455 ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ
“อันหราน หนูอยากกินอะไรไหม?
น้าไปหยิบให้หนู หนูยังเด็ก ตอนเย็นไม่กินอะไรจะไม่ดีต่อสุขภาพ”
กงมั่วหันหน้าไปหาลู่อันหราน ด้วยท่าทางที่ธรรมชาติและเป็นมิตรอย่างมาก เธอมองดูเขาด้วยความห่วงใย
เธอรู้ว่าเด็กบ้าคนนี้ไม่ชอบตนเอง เขามักจะเผชิญหน้ากับเธอด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่เคยมีสีหน้าและน้ำเสียงที่ดีกับเธอ ถ้าหากไม่ได้เห็นแก่ลู่จิ้นยวน เธอขี้เกียจจะสนใจเด็กร้ายนี่
แต่ตอนนี้มีคนดูอยู่เยอะแยะขนาดนี้ เธอรู้ว่าตนเองต้องดูแลเด็กบ้าคนนี้หน่อย กงมั่วกระทั่งคิดไว้แล้วว่า ถ้าหากลู่อันหรานอารมณ์เสียต่อหน้าผู้คน ตนเองควรจะตอบสนองยังไง
แต่ว่า…
ลู่อันหรานมองดูกงมั่ว แล้วส่ายหน้า น้ำเสียงเฉยชา มองเธอด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอบคุณครับ แต่ว่าไม่ต้องแล้ว คุณพ่อเคยบอกผมไว้ว่า ไม่ให้ผมกินของที่คนแปลกหน้าให้”
ยิ้มมุมปากของกงมั่วแข็งทื่อในทันที
แขกที่อยู่โดยรอบก็มองหน้ากันเลิกลั่ก คุณชายน้อยคนนี้หมายความว่ายังไง?
นี่กำลังจะพูดว่า ผู้หญิงที่ชื่อกงมั่วคนนี้ เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเหรอ?
พวกเขาเห็นการแนะนำเธอของเย่หวานจิ้งที่จริงจังขนาดนั้นก่อนหน้านี้ ยังคิดว่า…
กงมั่วแทบอยากจะบีบเด็กบ้าคนนี้ให้ตาย เธอพยายามข่มความโมโหในใจ เธอยิ้มมุมปาก “เด็กน้อยชอบล้อเล่นจริง ๆ หึหึ”
ลู่อันหรานเบ้ปาก “ผมไม่ชอบล้อเล่น คุณน้าหง คุณปู่บอกว่าคุณน้าอยู่ที่คฤหาสน์ของพวกเราเพียงชั่วคราว แล้วเมื่อไหร่คุณจะย้ายออกไปหละ”
คำพูดที่ซื่อตรงขนาดนี้ ทำให้บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดลงในทันที
กงมั่วหน้าดำหน้าแดง ต่อหน้าสายตาที่มองมาโดยรอบ รู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก เธอกำมือแน่น ใช้ความเจ็บปวดเป็นพัก ๆ นี้ ถึงจะทำให้ไม่เสียสติไปกับความโมโห
“อันหราน หนูหวังเป็นอย่างมากที่อยากจะให้น้าออกไปเหรอ?”
คำพูดของเธอแต่ละคำเล็ดรอดออกมาจากไรฟัน
ลู่อันหรานพยักหน้า “ใช่ครับ เพราะว่าคุณพ่อเคยพูดไว้ว่า คุณแม่ของผมจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เร็ว ๆ นี้”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ใบหน้าของกงมั่วอดไม่ได้ที่จะขุ่นมัวเล็กน้อย แขกที่อยู่รอบ ๆ ต่างอยู่ในความโกลาหล เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทยอยตามกันมา
ส่วนด้านนอกฝูงชน เวินหนิงหยุดฝีเท้า พูดไม่ออกอยู่เงียบ ๆ เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ หมุนตัวกลับแล้วรีบเดินออกจากพื้นที่ตรงนี้อย่างรวดเร็ว
เป็นเพราะเธอได้ยินเสียงของอันหรานถึงได้เดินเข้ามา ปรากฏว่าได้ยินคำพูดฮึกเหิมของลูกชาย เธอจะทำยังไงได้?
แน่นอนว่าเธอทำใจว่าลูกตัวเองไม่ได้ จึงทำได้เพียงหนีออกไป
กงโมเงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นแผ่นหลังของเวินหนิงที่จะเดินออกไปพอดี เธอหรี่ตา ความเกลียดชังแวบผ่านในดวงตา เธอยกชายกระโปรงและเดินจากไปโดยไม่ทักทาย
ลู่อันหรานไม่สนใจเธอเป็นธรรมชาติ ปล่อยให้เธอเดินออกไป
“คุณเวิน?”
กงมั่วรีบเดินตามเวินหนิงไป แล้วเรียกเธอไว้
เวินหนิงหมุนตัวมา เมื่อได้เห็นเธอก็ตะลึง จากนั้นก็พยักหน้าเบา ๆ “คุณหนูกง บังเอิญจังเลยค่ะ”
เธอยิ้มอ่อน ๆ “บังเอิญจริง ๆ ค่ะ คุณเวิน ฉันมีเรื่องนิดหน่อยอยากให้คุณช่วย ได้ไหมคะ?”
เวินหนิงประหลาดใจเล็กน้อย “เรื่องอะไรเหรอคะ?”
เธอยังคงยิ้มอยู่ “คุณเวินมากับฉันแล้วเดี๋ยวก็รู้ค่ะ”
พูดจบก็หมุนตัวเดินนำออกไปก่อน
เวินหนิงขมวดคิ้ว ครุ่นคิดสักครู่แล้วก็เดินตามไป
ทำให้เธอประหลาดใจตรงที่ กงมั่วเดินผ่านกลุ่มแขกพาเธอตรงมาที่ห้องโถงของคฤหาสน์ตระกูลลู่ เธออดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าลง
“คุณกงคะ ตกลงคุณมีเรื่องอะไรคะ?
ฉันไม่เข้าไปข้างในดีกว่าค่ะ”
“มีเรื่องนิดหน่อยจริง ๆ ค่ะ คุณมากับฉันก็ทราบแล้วค่ะ ไม่เป็นอะไรคะ”
กงมั่วจะให้เธอถอยได้ยังไง เธอจับมือของเวินหนิง แทบจะฉุดลากเวินหนิงขึ้นไปที่ชั้นสอง
เวินหนิงสีหน้าอึดอัด ในใจรู้สึกผิดปกติ อดไม่ได้ที่จะสะบัดมือกงมั่วออก “ขอถามหน่อยค่ะว่าคุณจะทำอะไรกันแน่?”
นี่มันท่าทางของคนต้องการความช่วยเหลือซะที่ไหน?
ทั้งสอองยืนอยู่ที่ปากบันได กงมั่วมองดูเธอ “คุณเวิน อันที่จริงฉันพาคุณมานี่ เพียงแค่อยากจะหาบรรยากาศเงียบ ๆ มีคำพูดที่อยากจะพูดกับคุณแค่นั่นแหละค่ะ”
เวินหนิงมองเธออย่างเฉยชา “คุณอยากจะพูดอะไร?”
“พวกเราอายุเรี่ย ๆ กัน งั้นฉันเรียกเวินหนิงเฉย ๆ ดีกว่านะ ฉันรู้ว่าเมื่อครู่คุณได้ยินคำพูดของอันหราน ฉันก็รู้ว่า แม่ในนามปากของอันหราน ก็คือคุณ
แม่ในนามปาก?
คำเปรียบเทียบแบบนี้ ทำให้อันหนิงรู้สึกไม่โอเค อันหรานก็คือลูกชายของเธออยู่แล้ว จะมีคำเรียกอะไร
เธอหน้าเย็นชา ไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น
กงมั่วก็ไม่ได้สนใจ แล้วพูดต่อ “คุณเวิน ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณจะพัวพันกับคู่หมั้นของฉัน”
เวินหนิง “…”
เธอรู้สึกเป็นใบ้เล็กน้อย อึดอัดในใจ รู้สึกตลก อดไม่ได้ที่จะโต้แย้ง ท่าทีที่มั่นอกมั่นใจของเธอ
“คุณกงคะ ขอประทานโทษนะคะ ฉันมีแฟนแล้ว และฉันก็ไม่รู้ว่าคู่หมั้นของคุณเป็นใคร ดังนั้นระวังคำพูดของคุณหน่อยค่ะ”
กงมั่วตะลึง “แฟนของคุณ?”
เวินหนิงยิ้มอ่อน ๆ “ใช่ค่ะ แฟนของฉันชื่อลู่จิ้นยวน ไม่ทราบว่าคู่หมั้นของคุณคือคนไหนคะ?”
เมื่อคำพูดนี้พูดออกมา กงมั่วสีหน้าขุ่นมัวในที
เวินหนิงพูดต่อ “อ่อใช่ หนังสือพิมพ์ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันคุณหน้าจะเห็นแล้ว บนนั้นมีรายงานความสัมพันธ์ของเราสองคน สำหรับคู่หมั้นของคุณ ฉันไม่ได้สนใจเขาค่ะ”
“เวินหนิง คุณหมายความว่ายังไง?”
กงมั่วอดไม่ได้ที่จะกัดฟัน
“ประโยคนี้ฉันควรจะเป็นฝ่ายถามคุณ งานประมูลครั้งที่แล้ว คุณตั้งใจชนฉัน บอกเรื่องที่เหมือนจะมีประโยชน์ต่อฉัน อยากทำให้ฉันเข้าใจผิด”
“ตอนนี้มาทำแบบนี้อีก คุณหมายความว่ายังไง?”
ไม่ผิดแน่ ตอนจากงานประมูลครั้งที่แล้ว ก็มีสงครามเย็นกับลู่จิ้นยวนสักพัก หลังจากกลับบ้านจู่ ๆ เธอก็นึกถึงบางสิ่งที่เธอไม่ได้ให้ความสนใจขึ้นได้
ลู่จิ้นยวนเข้าร่วมงานประมูล กงมั่วคนนั้นก็เข้าร่วมงานด้วย ดูจากเหตุผล เธอไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าลู่จิ้นยวนอยู่ในงาน แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ไม่เห็นเธอปรากฏตัวต่อหน้าลู่จิ้นยวน
อีกอย่าง ในเมื่อเธออยู่ในงาน ก็น่าจะรู้ว่าตนเองคือคู่ร่วมงานที่ลู่จิ้นยวนพามา เมื่อคิดไปถึงคำพูดพวกนั้นที่เธอพูดต่อหน้าตนเอง ก็เป็นที่เตะตามาก ๆ
กงมั่วหรี่ตา เห็นเล่ห์กลของตัวเองถูกจับได้ก็ไม่สนใจ เธอยักไหล่อย่างไม่แคร์ “ตั้งใจ?
ตระกูลลู่ชอบพอในตัวฉันจริง ๆ เรื่องนี้ฉันไม่ได้โกหกคุณ”
“ถ้าไม่เชื่อ คุณไปถามคุณป้าลู่ก็ได้ ดูว่าท่านอยากจะให้ฉันเป็นลูกสะใภ้ของท่านจริงหรือเปล่า”
เรื่องนี้ เวินหนิงไม่จำเป็นต้องถาม เธอรู้ดีอยู่แล้ว นอกจากตัวเอง เกรงว่าเป็นใครก็สามารถแต่งงานกับลู่จิ้นยวนได้ เย่หวานจิ้งรับได้หมดแหละ
เวินหนิงมองเธออย่างเย็นชา เตรียมจะเดินอ้อมเธอลงไปด้านล่าง แต่ถูกกงมั่วขวางเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน ฉันยังพูดไม่จบ เธอยังออกไปไม่ได้”
เวินหนิงขมวดคิ้ว ตามองบน ขี้เกียจจะสนใจเธอ แล้วเดินอ้อมไปด้านข้างเพื่อจะออกไป
กงมั่วกัดฟัน ดวงตาแวบผ่านความรุงแรง เธอก้าวถอยหลังอย่างแรงในทันทีเพื่ออยากจะดึงเวินหนิงไว้ แต่เท้าเหยียบอากาศ เธอหงายหลังกลิ้งตกลงจากกบันไดในทันที
“กรี้ด…” เสียงกรีดร้องดังลับฟ้า