“ไม่เป็นไร ปล่อยส่วนนี้ออกไป ค่อยไปหากำไรจากที่อื่นคืนมาก็แล้วกัน ”
ลู่จิ้นยวนรู้สึกมั่นใจไม่น้อย เนื่องจากสถานะพิเศษของเวินหนิง การสร้างไมตรีกับตระกูลหยงจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น
ถึงแม้ว่าเธอจะได้รับสิ่งของที่เชื่อถือได้จากโจวหมิงหยวนก็จริง แต่การที่เร่งรีบเข้าไปอย่างงี้ แค่เอาสิ่งของที่เชื่อถือได้ไปบอกเธอเป็นลูกสาวของหยงเหม่ยซิน ด้วยนิสัยที่ขี้สงสัยของนายท่านตระกูลหยง อาจจะไล่เตลิดพวกเขาออกมาก็ได้
“ โอเค เข้าใจแล้วครับ ”
อันเฉินเริ่มปรับเปลี่ยนข้อตกลงทันที โดยเปลี่ยนวิธีการจัดแบ่งผลกำไรในสัญญาให้กับฝั่งตระกูลหยงนั้นได้รับผลประโยชน์มากที่สูงสุด
…
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
เครื่องบินลงจอดที่สนามบินอย่างราบรื่น
เวินหนิงโดนความสั่นไหวของเครื่องบินสั่นจนตื่น พอลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนที่นั่งชั้นวีไอพี ซึ่งยังมีผ้าห่มคลุมไว้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนอนไปสักพัก รู้สึกจิตใจสดใส่ขึ้นไม่น้อย เวินหนิงยืดตัวออกแล้วมองไปข้างๆ เห็นลู่จิ้นยวนได้เก็บข้าวของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งคนยังคงดูมีพลังเรียบร้อยสง่า
เวินหนิงรู้สึกหมิ่นประมาทผู้ชายตรงหน้าคนนี้ ผู้ชายอะไรดูสง่าและดูทรงพลังตลอด
เวินหนิงกำลังคิดฟุ้งซ่าน ลู่จิ้นยวนสังเกตเห็นสายตาของเธอ เมื่อเห็นว่าเวินหนิงตื่นขึ้นมา เขาจึงเดินเข้าไปหาเธอ ” เป็นยังไงบ้าง พักผ่อนได้เต็มที่ไหม”
เวินหนิงพยักหน้า “ คุณไม่เหนื่อยเหรอ”
ลู่จิ้นยวนส่ายหัว น่าจะบอกว่าเขาชินกับการทำงานล่วงเวลาในตอนกลางคืนและไม่พักผ่อนเป็นเวล่ำเวลานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกอะไรมากนัก
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือมีคนบางคนเกิดมาก็ไม่ต้องการเวลาพักผ่อนมากนัก เพราะเหตุนี้จึงจะประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
ลู่จิ้นยวนอาจจะเป็นคนแบบนี้ … ผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงเก่งไปซะทุกอย่างเลย
” เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย ”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เวินหนิงไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ จึงยื่นมือออกไปเคาะหัวเธอ
“ไม่ ไม่มีอะไร.”
เวินหนิงยักไหล่ เธอไม่มีทางพูดเป็นอันขาดว่ากำลังคร่ำครวญถึงความไม่ยุติธรรมในการสร้างมนุษย์ของพระเจ้า
เมื่อเห็นว่าเธอดูมีสดใสขึ้นมาก ลู่จิ้นยวนจึงไม่ถามอะไรมาก เมื่อทั้งสามคนลงจากเครื่องบินก็มีคนมารับพวกเขา
” พวกเราจะไปที่ไหนก่อนครับ ”
อันเฉินไม่รู้ว่าพวกเขาวางแผนจะไปที่บ้านของตระกูลหยงก่อน หรือว่าพวกเขาจะไปหาหมอให้กับเย่ซือเยวี่ยก่อน
“ ไปหาศาสตราจารย์คนนั้นก่อน”
เวินหนิงรู้สึกว่าเรื่องของตระกูลหยงไม่ได้รีบร้อนขนากนั้น รีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องการรักษาของเย่ซือเยวี่ย
เมื่อได้ยินเช่นนี้อันเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาวางแผนแบบนี้เช่นกัน ถ้าทั้งสองคนไปที่บ้านของตระกูลหยงก่อน เขาอาจจะต้องขอตัวออกไปสักพักหนึ่ง อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการให้เย่เยวี่ยนั่งรอที่โรงพยาบาล
ทั้งสามคนไปที่สถาบันวิจัยที่ศาสตราจารย์หลี่ทำงานอยู่ทันที
แต่ว่าพอไปถึง ก็ทราบมาว่าเขาได้ออกไปพูดคุยเรื่องการลงทุนแล้ง
ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้วถามอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้รู้ว่าห้องสถาบันวิจัยนี้กำลังค้นคว้าแนวคิดจะสร้างใหม่ทั้งหมด เพื่ออัพเดทอุปกรณ์ตอนนี้กำลังต้องการคนลงทุน
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นโอกาสที่ดี ลู่จิ้นยวนหยิบนามบัตรออกมายื่นไปให้คน ๆ นั้น ” นี่คือนามบัตรของผม ผมค่อนข้างสนใจเรื่องการลงทุน ”
ตระกูลลู่มีความคิดที่จะเข้าสู่โลกแห่งการแพทย์มาโดยตลอด แต่ทรัพยากรทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศที่อยู่ในเมืองมีเพียงไม่กี่เมือง
ถ้าหากสามารถใช้โอกาสนี้ในการย้ายสถาบันวิจัยทางการแพทย์ชั้นหนึ่งในประเทศไปยังเมืองเจียงเฉิงแล้วล่ะก็ จะต้องได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างแน่นอน
” โอเคครับ ฉันจะรีบติดต่อเขาทันที”
เมื่อคนที่ต้อนรับพวกเขาเห็นเช่นนี้ เขาก็รีบไปหาศาสตราจารย์หลี่ทันที
โทรไปหาศาสตราจารย์หลี่ ตอนนี้เขาอยู่ที่บ้านของตระกูลหยงพอดี กำลังเจรจากับหยงกั๋วอวี่ลูกชายคนเดียวของนายท่านตระกูลหยง
แต่ก่อนนั้นทุนวิจัยของเขาส่วนใหญ่จะมาจากหยงเหม่ยซิน ซึ่งตัวหยงเหม่ยซินนั้นเคยเรียนด้านหมอมาก่อน ดังนั้นเธอจึงสนใจงานวิจัยในด้านนี้เป็นพิเศษ เพราะเหตุนี้ตระกูลหยงยังได้ช่วยเหลือสถาบันวิจัยนี้ไปไม่น้อย
แต่ตอนนี้เธอตายไปหลายปีแล้ว ซึ่งผู้มีอำนาจของตระกูลหยงนั้นได้เปลี่ยนคนไปแล้ว พวกเขาจึงไม่ให้ความสนใจกับเรื่องเหล่านี้มากเท่าเมื่อก่อน
และหยงกั๋วอวี่นั้นเป็นนักธุรกิจ เขาคิดว่าการระดมทุนแบบไร้จุดหมายนั้นช่างน่าเบื่อจริงๆ ที่เขาเรียกศาสตราจารย์หลี่มาหา ก็คือจะเจรจาเรื่องการลงทุนในการซื้อกิจการ ให้พวกเขาไปวิจัยส่วนที่ทำกำไรได้มากที่สุด แล้วขายสิทธิให้กับตระกูลหยง
แน่นอนว่าศาสตราจารย์หลี่ต้องไม่เต็มใจอย่างแน่นอน แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธอำนาจและตำแหน่งของตระกูลหยงได้ วันนี้ที่มาเขาได้แต่รับยิ้มเท่านั้น
“ คุณชายหยงครับ สิ่งที่คุณพูดมันไม่สอดคล้องกับแนวทางการวิจัยของเราจริงๆ ผมคิดว่า … ”
” ไม่สำคัญว่าคุณจะคิดยังไง ฉันคิดว่าดีก็พอ ศาสตราจารย์หลี่ครับ ตอนนี้มันสมัยไหนแล้ว คุณเอาแต่วิจัยสิ่งที่ซับซ้อนเหล่านั้นทำอะไร มีแค่ว่าสามารถสร้างรายได้และเป็นที่ต้องการของตลาดถึงจะสำคัญ
ในขณะที่ศาสตราจารย์หลี่รู้สึกว่าเขาไม่มีเหตุผลเอาซะเลย โทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้า
เมื่อได้ยินว่ามีนักลงทุนรายใหม่ยินดีที่จะช่วยเหลือพวกเขาศาสตราจารย์หลี่ถึงกับตาสว่างทันที
” คุณชายหยง มีคนคนหนึ่งมาที่สถาบันวิจัย บอกว่าเขาสนใจที่จะช่วยเหลือเรื่องการลงทุนในการวิจัยของเราต่อ ผมขอตัวก่อน”
สีหน้าของหยงกั๋วอวี่ไม่พอใจมาก แต่เนื่องจากศาสตราจารย์หลี่ถือว่าเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคมพอสมควร เลยจำเป็นต้องปล่อยเขาไป
แต่ว่าหลังจากจบเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เป็นใครกัน ที่กล้าเป็นศัตรูกับตระกูลหยง
” ไปเช็คดูสิ ว่าเป็นใคร”
เมื่อหยงกั๋วอวี่สั่ง ก็มีคนไปตรวจเช็คทันที
ผลคือ หลังจากรู้ว่าเป็นลู่จิ้นยวน ใบหน้าของหยงกั๋วอวี่เดียวแดงเดี่ยวซีด
“ ลู่จิ้นยวนคนนี้ … ”
สำหรับชื่อนี้ หยงกั๋วอวี่จำได้อย่างลึกซึ้ง
ในตอนนั้น เป็นเขาที่ปฏิเสธคำขอของนายท่านตระกูลหยงที่จะให้ทั้งสองตระกูลแต่งงานกัน แม้ว่าหยงกั๋วอวี่จะไม่ชอบลูกสาวของน้องสาวหยงเหม่ยซิน ถึงขนาดใช้คำว่าเกียจเลยก็ได้ แต่โดยปกติแล้วเขาก็เคยชินกับการทำตัวหยิ่งยโส สำหรับการหักหลังของคนในตระกูลหยงนั้น เขายิ่งรังเกียจ
“ ตระกูลลู่กล้ามาสร้างความวุ่นวายที่เมืองจิงเฉิงได้อย่างไร แต่ก่อนนั้นไม่ใช่ว่าต่างคนต่างอยู่ไม่ใช่เหรอ ”
หยงกั๋วอวี่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ คิดไปคิดมา ก็เลยนำเรื่องนี้ไปบอกให้นายท่านฟัง
การรับซื้อสถาบันวิจัยนี้เขาเป็นคนเสนอเอง ถ้าครั้งนี้เขาไม่สำเร็จเขาจะต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอน แต่ถ้านำเรื่องที่ลู่จิ้นยวนเข้ามาวุ่นวายเรื่องนี้ให้ท่านทราบ ต่อให้นายท่านจะโมโหก็จะไม่มาลงที่เขาแล้ว
นายท่านของตระกูลหยงกำลังนั่งดื่มชา เมื่อได้ยินว่าลู่จิ้นยวนมาเมืองจิงเฉิง นอกจากนั้นมาแล้วยังไม่เจียมเนื้อเจียมตัว ทำให้ท่านโกธรอย่างมาก
“ ลู่จิ้นยวนคนนี้ แต่เดิมปฏิเสธการแต่งงานกับซือเหม่ยแล้วตอนนี้ยังกล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี้อีก เขาไม่ได้เอาตระกูลหยงเราไว้ในสายตาเลยหรือ”
ลู่จิ้นยวนที่กำลังรอการกลับมาของศาสตราจารย์หลี่ที่สถาบันวิจัย อยู่ๆก็จามอย่างแรง
เวินหนิงเหลือบมองเขา “ คุณไม่เป็นหวัดใช่ไหม”
ลู่จิ้นยวนส่ายหัว เขารู้สึก ราวกับว่ามีคนกำลังนินทาตัวเอง
” ไม่เป็นไร.”
ใบหน้าของลู่จิ้นยวนไร้ความรู้สึก บวกกับท่าทางที่ไม่แยแส
เวินหนิงหยิบยาแก้หวัดกล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ” ถ้าเป็นหวัดก็กินยาซะ อย่าทำเป็นเก่ง”
ลู่จิ้นยวนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ” ทำไม คุณเป็นห่วงผมเหรอ”
เวินหนิงพูดอะไรไม่ออก ” ฉันแค่กลัวว่าคุณจะเป็นหวัดแล้วแพร่เชื้อให้ฉัน”
” คุณไม่รู้มีคำพูดหนึ่งว่า ถ้าเป็นหวัด ก็แพร่เชื้อให้คนอื่นแล้วจะหาย”
ลู่จิ้นยวนเห็นว่ามีเหตุผล ” ว่าแต่ คุณอยากให้ผมแพร่เชื้อให้คุณด้วยวิธีไหนเหรอ ”