“บางที ผมก็ควรจะเรียนรู้จากคุณ?”
ลู่จิ้นยวนหัวเราะเบาๆ เขาเองก็ไม่เคยคิดจะปล่อยมือ
ยังไงแล้วก็ยังดีกว่าช่วงที่เขาคิดว่าเวินหนิงเสียชีวิตแล้ว
ขอแค่คนยังอยู่ ก็ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า
เขาไม่มีวันเดินจากไปแบบนี้แน่ แต่คงต้องเปลี่ยนวิธีใหม่
“คุณดีกว่าผมเยอะ”
ไป๋ซินอวี่หัวเราะเสียงขื่น ยังไงแล้วเขาทั้งสองยังถือว่ารักกัน แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ด้วยปัญหาจากคนรอบข้าง
แต่เขาสิ จนตอนนี้ยังไม่รู้เลยมู่เยียนหรานรู้สึกยังไงกับเขา ที่เธอยอมหมั้นกับเขา ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยากอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า หรือเพียงเพราะต้องการคนดูแล
แต่มันก็ไม่สำคัญแล้ว
“ซินอวี่ ถ้าคุณยังไม่ต้องการหมั้น ก็ลองคิดทบทวนใหม่ คุณดูแลเธอมามากแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝืนใจ”
“ผมเข้าใจ”
ไป๋ซินอวี่ไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้ ก่อนจะค่อยๆเงียบไป
หลังจากวางสาย ลู่จิ้นยวนก็เริ่มคิด
……..
เช้าวันถัดมา
ลู่อันหรานที่นอนไม่ค่อยหลับทั้งคืน เพราะรู้สึกว่ามันเหมือนมีอะไรผิดปกติ
ลืมตามาปุ๊บ ก็หันไปมองเวินหนิงที่ยังไม่ตื่นแวบหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆย่องเบาๆออกจากห้องไปหาลู่จิ้นยวน
หลังเคาะประตูลู่จิ้นยวนก็เดินมาเปิด พอเห็นเป็นอันหรานก็รับเขาเข้าห้อง
“ทำไมตื่นเช้าจัง?”
สีหน้าท่าทางของลู่จิ้นยวนดูไม่มีอะไรผิดปกติเลย อารมณ์ดูสงบแน่นิ่ง
ลู่อันหรานมองพ่อเขาอยู่หลายรอบ ก่อนจะทนไม่ไหวอีกต่อไป: “พ่อมีปัญหาอะไรกับแม่เหรอครับ? ผมมีความรู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้อ่ะ? ”
มือของลู่จิ้นยวนที่กำลังเทน้ำกระตุกเล็กน้อยทำเอาน้ำหกในมือ แต่เขาก็ทำเป็นไม่มีอะไร: “ไม่มีอะไร ก็แค่ต่อไปพ่ออาจต้องให้พื้นที่ส่วนตัวแม่เขาพักหนึ่งน่ะ”
“ให้พื้นที่ส่วนตัว? หมายความว่าไงครับ?”
ถึงแม้ว่าลู่อันหรานจะฉลาดมาก แต่เรื่องซับซ้อนของผู้ใหญ่แบบนี้เขาก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก ”
“พ่อกับแม่จะแยกทางกันเหรอ?”
ลู่จิ้นยวนหัวเราะเล็กน้อย: “ไม่น่านะ เพียงแค่ว่าช่วงนี้แม่อาจจะมีเรื่องให้คิดเยอะนิดหน่อย พ่อเองก็ยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ ต้องรอให้พ่อจัดการเรื่องต่างๆให้เสร็จก่อน ถึงจะไปหาแม่ได้ ไม่งั้นแม่จะไม่สบายใจ”
เมื่อคืนลู่จิ้นยวนเองก็นอนไม่หลับทั้งคืน
เขาเอาแต่คิดถึงสิ่งที่เวินหนิงพูด และความรู้สึกที่เธอเป็น
เขาเพิ่งเข้าใจว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนของคนสองคน บางทีอาจจะทำให้เธอมีความทุกข์มากกว่าความสุข
และถ้าเป็นแบบนั้น เขาเองก็ควรทบทวนตัวเองว่าที่ผ่านได้ทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง
“แล้วเมื่อไหร่พ่อถึงจะจัดการธุระเสร็จล่ะครับ….”
ลู่อันหรานเม้มปาก นั่งขยับขาขาวอวบน้อยๆรอ
ตอนนี้เขารู้สึกว่าปัญหาของผู้ใหญ่ช่างซับซ้อนจริง
ทำให้มันง่ายหน่อยไม่ได้หรือไง?
“ยังไงพ่อก็ยังเป็นพ่อของลูก แม่ก็ยังเป็นแม่ของลูก ความรักที่เรามีให้ลูกไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย อันหราน ลูกไม่ต้องคิดมากนะ”
ลู่จิ้นยวนจับหัวเขาเบาๆ ก่อนจะนั่งลงจ้องตากับเขา
ลู่อันหรานฟังที่พ่อพูดแล้วก็พูดขึ้น: “งั้นพ่อก็ต้องรีบไปจัดการธุระให้เสร็จเร็วๆ แล้วรีบไปตามแม่กลับมานะครับ”
ลู่จิ้นยวนพยักหน้าตอบ: “พ่อสัญญา”
“งั้นต้องเกี่ยวก้อยสัญญา”
ลู่อันหรานยังคงเรียกร้องให้เขาให้สัญญาอย่างจริงจัง
ลู่จิ้นยวนเห็นท่าทางไร้เดียงสาเขาเขาแล้ว ก็อดยิ้มไม่ได้
ก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี แค่เกี่ยวก้อยสัญญา ก็จะไม่ผิดคำสัญญาเหรอ?
แต่เขาก็ไม่คิดจะพูดอะไรทำลายบรรยากาศนี้ เขาจึงยื่นมือออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเกี่ยวก้อยของลู่อันหรานไว้: “พ่อจะทำให้ได้ตามที่รับปากกับลูกไว้”
“เกี่ยวก้อยสัญญาแล้วห้ามผิดสัญญาเด็ดขาด……”
ลู่อันหรานยังคงพูดย้ำขณะที่เกี่ยวก้อย ก่อนจะรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
“ลูกกลับห้องไปก่อนนะ เดี๋ยวแม่ตื่นมาไม่เจอจะตกใจเอา”
“อืม เราไปซื้ออาหารเช้าให้แม่หน่อยแล้วกัน”
ลู่อันหรานพยักหน้าตอบอย่างรู้เรื่อง ก่อนจะไปซื้ออาหารเช้ากับลู่จิ้นยวน แล้วค่อยกลับห้อง
เปิดประตูเข้าไป ก็เห็นเวินหนิงที่สีหน้าร้อนรน และกำลังเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
พอเห็นอันหรานกลับมา เธอถึงกับโล่งใจ : “อันหราน ลูกไปไหนมา แม่ตื่นมาไม่เห็นลูก ยังนึกว่า……”
เวินหนิงมีสีหน้าตกใจและสับสน
“ผมไม่เป็นไรครับ ผม……แค่ออกไปซื้ออาหารเช้าให้แม่”
ลู่อันหรานเอามือเกาหัวเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะชูของในมือให้เวินหนิงดู
เขาแค่รีบจนออกไปแบบไม่บอกกล่าว
ไม่คิดว่าแม่จะเป็นกังวลใจแบบนี้
“เขาไม่เป็นไร แค่หิวข้าวเลยไปหาฉัน”
ลู่จิ้นยวนมองหน้าเวินหนิง แล้วพูดด้วยน้ำเสียเรียบนิ่ง
ได้ยินเสียงชายหนุ่มพูดขึ้น เวินหนิงก็นิ่งอึ้งไป ก่อนจะเงยหน้ามองเขาเห็นสีหน้าเขาไม่มีความผิดปกติอะไรเลย ในใจก็เกิดความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูก : “ฉันรู้แล้ว”
ลู่จิ้นยวนไม่ได้ตอแยอะไรเธออีก เขาแค่ตบไหล่ลู่อันหรานเบาๆ :”อยู่เป็นเพื่อนแม่ที่นี่นะ เข้าใจมั้ย?”
ลู่อันหรานพยักหน้าตอบ ลู่จิ้นยวนถึงได้เดินจากไป
เวินหนิงมองตามหลังลู่จิ้นยวนที่เดินจากไปอย่างมึนงงเล็กน้อย
รู้สึกทุกอย่างเปลี่ยนไปไวมาก ลู่จิ้นยวนคนเดิมไม่ใช่แบบนี้ เขาต้องชวนกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันถึงจะถูก
แต่ตอนนี้……
ดูเหมือน เขาจะปล่อยมือได้ง่ายกว่าที่เธอคิด
“แม่ครับ? แม่มองอะไรเหรอ?”
ลู่อันหรานดึงชายเสื้อแม่นิดหนึ่ง ทำให้เวินหนิงได้สติกลับมา
“ไม่มีอะไร”
เธอยิ้มเล็กน้อย บางทีเธอเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยมือให้ไว เพราะเรื่องขอเลิกเธอเป็นคนพูดมันขึ้นมาเอง
เธอต้องรีบปรับตัวให้ได้กับการเปลี่ยนแปลงนี้
เวินหนิงพาลู่อันหรานเข้าห้อง ทั้งสองหาอะไรกินง่ายๆ
“อันหราน ลูกมีที่ที่อยากไปมั้ย?”
เวินหนิงรู้ว่าลู่อันหรานเป็นเด็กที่อยู่เฉยๆไม่ได้ เลยลองถามดูว่าเขาอยากไปเดินเล่นที่ไหนมั้ย
ถึงแม้ว่าเธอจะมาเมืองจิงเฉิงเป็นครั้งแรก และเมืองนี้ก็เจริญมากแต่เธอกลับมีอารมณ์จะไปไหนเลย
“อืม เดี๋ยวผมลองดูก่อนว่ามีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง”
ลู่อันหรานได้ยินว่าจะได้ออกไปเที่ยว ก็โยนความไม่สบายทั้งหมดทิ้งไปทันที
“เดี๋ยวชวนพ่อไปด้วยได้มั้ยครับ?”
ลู่อันหรานกินอาหารเช้าเสร็จ ก็รีบวิ่งไปเปิดคอมฯแล้วตั้งหน้าตั้งตาหาข้อมูลที่ท่องเที่ยวทันที
ดูแล้วที่นี่มีจุดท่องเที่ยวเยอะมาก และน่าเที่ยวทุกที่เลย
แต่เขาอยากให้พ่อกับแม่ไปด้วยมากกว่า
“พ่อน่าจะยุ่งมาก แม่ไปเป็นเพื่อนลูกไม่ดีเหรอ?”
เวินหนิงนั่งพูดหว่านล้อมลูกอยู่ข้างๆ
ลู่อันหรานตอบแค่ครับแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย แต่เห็นได้ชัดว่าเขาดูไม่ได้มีความสุขเหมือนตอนแรก
เวินหนิงมองดูลูกด้วยหัวใจที่สับสน แต่ก็คงทำได้เท่านี้
ถ้าวันหนึ่งเธอกับลู่จิ้นยวนเลิกกัน แล้วลู่จิ้นยวนแต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนนั้น สถานการณ์แบบนี้ก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี
บางทีให้เขาเริ่มปรับตัวให้ได้ซะตอนนี้ก็น่าจะดีเหมือนกัน
ทั้งสองไม่ใครพูดอะไรอีก ลู่อันหรานนั่งหาที่เที่ยวเงียบๆอย่างใจลอย
เวินหนิงเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงถึงจะทำให้เขามีความสุขขึ้นมาได้