ลู่จิ้นยวนไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง
ผู้หญิงคนนี้ ทำไมนิสัยงี่เง่าขนาดนี้ ตอนนี้แล้วยังไม่อยากขอความช่วยเหลือตัวเองอีกเหรอ?
“ไปโรงพยาบาล อันหรานปวดท้อง”
เวินหนิงเห็นเขามา สีหน้าตัวเองดูดีขึ้นไม่น้อย
“พ่อมาแล้วเหรอครับ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่อันหรานเห็นลู่จิ้นยวนแล้วรู้สึกสบายใจ ตอนนี้ท้องเขาปั่นป่วน มีลางสังหรณ์ว่าถ้ายังไม่ไปโรงพยาบาลต้องท้องเสียกว่าเดิมแน่ๆ
“อื้อ พ่อจะพาเราไปเดี๋ยวนี้”
ลู่จิ้นยวนอุ้มลู่อันหรานขึ้นรถ จากนั้นก็มองไปทางเวินหนิงที่ยังยืนนิ่งอยู่ “เธอจะยืนนิ่งถึงเมื่อไหร่?”
เวินหนิงค่อยรู้สึกตัว รีบขึ้นรถทันที
เธอนั่งข้างหลังเป็นเพื่อนอันหราน จากนั้นก็อดมองลู่จิ้นยวนที่ขับรถอยู่ไม่ได้
สีหน้าผู้ชายคนนั้นตึงเครียด ริมฝีปากบางเม้มเล็กน้อยจนเป็นเส้นโค้ง
ถึงแม้ไม่พูดอะไร แต่เวินหนิงก็รู้สึกได้ว่าเขาโกรธ
เริ่มร้อนตัวอย่างบอกไม่ถูก เวินหนิงไม่กล้าพูดอะไร นั่งเงียบๆรอให้ไปถึงโรงพยาบาล
ลู่อันหรานนั่งอยู่บนรถลู่จิ้นยวน สีหน้าก็ดีขึ้น ยังดีที่อยู่ในรถบ้านตัวเอง ถ้าเกิดทำอะไรขายหน้า คนอื่นจะได้ไม่เห็น
เวินหนิงเห็นลู่อันหรานอดทนจนเหงื่อตก เธอเลยรู้สึกผิด
เธอทำให้เรื่องแย่ไปกว่าเดิม เพื่อที่จะยืนยันว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากลู่จิ้นยวน เลยทำให้ลู่อันหรานทรมานขนาดนี้ ไม่สมควรจริงๆ
“แม่ครับ ผมไม่เป็นอะไรครับ”
ลู่อันหรานยังปลอบใจเธออีก เขารู้ดี เขากินของพวกนั้นไปเรื่อยเลยทำให้ท้องเสีย โทษที่เขาไม่เชื่อฟังเวินหนิง เพราะฉะนั้น เธอไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด
“ขอโทษนะอันหราน”
เวินหนิงได้ยินก็แสบจมูก ลูกของเธอเป็นเด็กดีมาก แต่ทำไมเธอถึงปัญญาอ่อนขนาดนี้ล่ะ?
ตอนที่เวินหนิงกำลังคิดทบทวนตัวเอง รถก็จอด
ลู่จิ้นยวนไม่สนใจเธอ อุ้มลู่อันหรานเดินตรงเข้าไปในโรงพยาบาล
เวินหนิงตามเขาเข้าไป ไม่ห่างจากเขาเลย
แต่ลู่จิ้นยวนเดินเร็วเกินไป เธอตามไม่ค่อยทัน
ไม่รู้ว่าเพราะผู้ชายคนนี้โกรธหรือเปล่า เขาเลยไม่รอเธอเลย
ลู่จิ้นยวนส่งตัวลู่อันหรานไปให้คุณหมอ คุณหมอเลยตรวจเช็คอาการลู่อันหราน
“คุณหมอ ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างคะ?”
เวินหนิงถามอย่างใจร้อน
คนที่ตรวจอันหรานเป็นหมอผู้หญิงวัยกลางคน พอเห็นเวินหนิง น้ำเสียงก็ไม่เกรงใจเลย “คุณเป็นแม่คนยังไงกัน? คุณเป็นแม่แต่ไม่รู้ว่าไม่ควรให้เด็กกินของไปเรื่อยเหรอ? ตอนนี้ถือว่าโชคดี แค่ท้องเสีย ถ้ากินอะไรมั่วๆอีก เป็นไส้ติ่งอะไรแบบนี้ ฉันจะรอดูว่าคุณจะทำยังไง”
คุณหมอเริ่มสวดยาว เวินหนิงกลับไม่ตอบโต้เลย ก้มหน้ายอมรับผิด
“ไม่ใช่เธอที่พาเขาไปกิน ผมเอง”
ลู่จิ้นยวนทนดูไม่ได้ ถึงแม้ยังหงุดหงิดที่เวินหนิงยอมไปโบกรถก็ไม่มาหาตัวเอง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเธอ
เพราะว่าเมื่อวานลู่อันหรานเอาแต่ขอร้องเขา ตัวเองใจอ่อน เลยเกิดเรื่องแบบนี้
คุณหมอมองลู่จิ้นยวน รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา แถมยังหล่อด้วย เลยไม่สวดต่อ
“ช่างเถอะ เดี๋ยวหมอไปสั่งยาให้เขา เดี๋ยวฉีดยาที่นี่ พรุ่งนี้ก็น่าจะดีขึ้น”
เวินหนิงได้ยินก็รีบขอบคุณคุณหมอ จากนั้นก็พาลู่อันหรานไปฉีดยา
ผ่านไปไม่นาน ก็มีพยาบาลมาให้น้ำเกลือลู่อันหราน
ลู่อันหรานนอนรับน้ำเกลืออยู่บนเตียง สีหน้าก็ดีขึ้นกว่าเดิม
เวินหนิงเฝ้าลู่อันหรานอยู่ข้างเตียง เวลาเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงซุบซิบของพยาบาลข้างนอก
“ว้าว เมื่อกี้เธอเห็นคนเมื่อกี้ไหม? หล่อมากเลย”
“ใช่ ดูเหมือนจะรวยมากด้วย ผู้หญิงคนนั้นโคตรโชคดี”
“ฉันก็อยากหาสามีแบบนี้ เกิดเรื่องก็รีบมาหา ไม่ให้ใครว่าเธอด้วย อิจฉาจัง”
เวินหนิงได้ยินพวกเธอพูดแบบนี้ เลยไม่รู้จะทำตัวยังไง เธอออกไปพูดก็ไม่ได้ว่าความสัมพันธ์เธอกับลู่จิ้นยวนไม่ใช่แบบนั้น
ลู่จิ้นยวนรับยากลับมา ไม่ได้ฟังว่าคนพวกนั้นพูดอะไรก็เดินเข้ามาเลย มองไปทางเวินหนิง “เดี๋ยวเธอออกไปกับฉัน ฉันมีอะไรจะคุยด้วย”
เวินหนิงพยักหน้า ท่าทางลู่จิ้นยวนแบบนั้น คงมีเรื่องจะคุยกับเธอจริงๆ
ผ่านไปสักพัก ลู่อันหรานก็เริ่มง่วง เวินหนิงเฝ้าเขาหลับ จากนั้นก็เรียกพยาบาลมาเฝ้าน้ำเกลือ ค่อยออกไปกับลู่จิ้นยวน
“นายหาฉัน จะคุยอะไร?”
ลู่จิ้นยวนยืนอยู่กลางทางเดิน มองไปที่เธอ “ทำไมวันนี้ไม่มาหาฉัน?”
สีหน้าเวินหนิงเกร็ง ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง
“ฉันแค่ ไม่อยากรบกวนคนอื่น”
พอลู่จิ้นยวนได้ยินก็รู้สึกตลก ระหว่างพวกเขา ยังจะเรียกว่าคนอื่นอีก?
ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะไล่เขาออกจากชีวิตเธอจริงๆสินะ
แต่ เป็นไปไม่ได้
“ถึงแม้ ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับอันหรานเธอก็จะลบล้าง? ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นลูกชายฉัน ฉันดูแลเขา เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล”
เวินหนิงไม่รู้ว่าควรตอบยังไง รู้สึกว่าเรื่องนี้เธอทำผิดจริงๆ เธอยอมรับผิด
“ฉันรู้แล้ว ครั้งหน้าฉันจะระวัง แต่นายก็ผิด เมื่อคืนนายพาอันหรานไปกินทำไม นายไม่รู้เหรอว่าครั้งก่อนเขาก็ท้องเสีย?”
เวินหนิงคิดไปคิดมา รู้สึกว่าลู่จิ้นยวนก็ผิด ไม่ใช่เธอคนเดียวที่ทำให้เรื่องเป็นแบบนี้
พอลู่จิ้นยวนได้ยินก็เลิกคิ้ว “ไม่ใช่เพราะว่ากี่วันนี้เธอไม่ให้อันหรานเจอฉัน กว่าฉันจะได้เจอลูก ยังจะปฏิเสธคำขอร้องของลูกอีก?”
ถึงแม้ตัวเองจะไม่มีเหตุผล แต่ลู่จิ้นยวนก็หาข้ออ้างมากลบเกลื่อน
เวินหนิงหมดคำพูดแล้วมองไปทางเขา ยังไงก็ความผิดเธองั้นเหรอ?
“งั้นฉันต้องทำยังไง ถึงจะถูก?”
“อย่างน้อย ห้ามลดเวลาที่เราเจอกัน เธอเป็นห่วงลูกตัวเอง ฉันก็เหมือนกัน”