แต่แค่เวินหนิงเหมือนไม่เคยเป็นห่วงเขาแบบนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอไม่อยากยุ่งเรื่องของเขา หรือบางทีความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันไม่ได้ใกล้ชิดถึงขนาดพูดสิ่งที่อยู่ในใจอย่างไร้ยางอายได้
“นายกลับไปเถอะ เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว”
ลู่จิ้นยวนตบบ่าเฉิงหยาง ตอนนี้ภรรยาเขาท้อง ที่เขาเรียกตนออกมาที่นี่ มันก็ผิดจริงๆ
“เดี๋ยวฉันเรียกคนที่บริษัทมารับฉัน”
ลู่จิ้นยวนพูดเรียบๆ สีหน้าไม่เห็นความผิดปกติอะไร
เฉิงหยางคิดสักพัก “งั้นฉันกลับก่อนนะ นายระวังตัวเองด้วย อย่าขับรถ”
ลู่จิ้นยวนพยักหน้า มองตามเขาออกไป
จากนั้นก็นั่งโซฟาในห้องส่วนตัวและเหม่อลอย
เขาไม่มีอารมณ์ดื่มเหล้าแล้ว แค่นั่งเหม่อ
ในหัวสมองมีแต่ภาพเวินหนิงฉายขึ้นมา ทั้งๆ ที่เขายังจำได้แม่น ทำไมเธอถึงได้ปล่อยวางมันอย่างง่ายดายแบบนั้น……
ขณะที่กำลังคิด ลู่จิ้นยวนก็รู้สึกเวียนศีรษะ เหล้าทำให้คนเมาไม่ได้ถ้าไม่อยู่ในอารมณ์นั้น ประมาณนี้ใช่ไหม?
ชายหนุ่มก็ขี้เกียจลุกขึ้น แค่นอนที่นั่นทั้งคืน
แต่ขณะที่ลู่จิ้นยวนกึ่งเมากึ่งสร่าง ด้านนอกก็มีเสียงผู้หญิง
“ลู่จิ้นยวน อยู่ข้างในไหม?”
หยงซือเหม่ยลงจากเครื่อง ก็ถามเหอจื่ออันทันทีว่าลู่จิ้นยวนอยู่ที่ไหน
บังเอิญบาร์ร้านนี้มีการลงทุนของเหอจื่ออัน ดังนั้นจึงให้ที่อยู่กับหยงซือเหม่ยโดยตรง
“ขอโทษนะคุณผู้หญิง นี่คือความส่วนตัวของแขก……”
หยงซือเหม่ยเมื่อได้ยินพนักงานพูดแบบนี้ ก็ควักบัตรทองออกมา “ตอนนี้เขาอยู่ไหน? บอกฉันมา นี่จะเป็นของเธอ”
เห็นบัตรวงเงินต่ำสุดหลายแสนใบนั้น พนักงานก็กลืนน้ำลาย เงินในนี้ เธอต้องทำงานพาร์ทไทม์นานเท่าไรถึงจะได้มา
คิดสักพัก ก็พาหยงซือเหม่ยไปยังห้องส่วนตัวที่ลู่จิ้นยวนอาศัยอยู่ “เขาอยู่ที่นี่ค่ะ”
หยงซือเหม่ยเอาบัตรให้คนคนนั้น จากนั้นก็เปิดประตูเบาๆ
ตอนแรกเธอยังคิดว่าจะทักทายกับลู่จิ้นยวนอย่างไร ไม่คิดว่าพอเปิดประตูเข้าไป ชายคนนั้นจะหลับตาอยู่ เหมือนเมาแล้วหลับสนิท
หยงซือเหม่ยตื่นเต้นทันที เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง นั่งโซฟาข้างหน้าลู่จิ้นยวน มองหน้าเขาอย่างหลงใหล
ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่ใกล้ชิดที่สุดระหว่างพวกเขา เธอถึงขนาดรู้สึกถึงลมหายใจชายหนุ่มอย่างชัดเจน มีกลิ่นเหล้าจางๆ แต่หยงซือเหม่ยไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด แต่กลับหลงใหลยิ่งกว่าเดิม
สมแล้วเป็นคนที่เธอชอบ ถึงแม้ตอนนี้เมาเหล้าจนหลับไป ก็ยังดูดีมากขนาดนั้น งดงามราวกับประติมากรรม หาจุดบอดไม่เจอเลย
หยงซือเหม่ยยื่นมือออกไปลูบหน้าลู่จิ้นยวนเบาๆ และขณะที่เธอรู้สึกบ้าคลั่งเหมือนเมาเหล้า ลู่จิ้นยวนก็จับมือเธอเอาไว้ทันที “หนิงหนิง……”
จริงๆ แล้วลู่จิ้นยวนยังไม่สร่าง แค่รู้สึกมีคนสัมผัสตน จึงเคลื่อนไหวโดยไม่รู้ตัว
บางทีเฉิงหยางอาจจะบอกเวินหนิงเรื่องที่เขาเมาเหล้าอยู่ที่นี่ก็ได้ เธอก็เลยมา
จิตใต้สำนึกลู่จิ้นยวนคิดแบบนี้ จับมือหญิงสาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
หยงซือเหม่ยโดนลู่จิ้นยวนจับ ก็ไม่รู้สึกโกรธ แต่กลับประหลาดใจมาก แต่ตอนที่ได้ยินเขาเรียกชื่อเวินหนิง ก็โกรธแทบระเบิด
ผู้หญิงคนนั้นมันมีดีตรงไหน?
รูปร่างหน้าตา หยงซือเหม่ยไม่ได้แย่ไปกว่าเธอเลย และภูมิฐานครอบครัว ทั้งสองก็แตกต่างกันมาก
แต่ลู่จิ้นยวนถึงแม้จะเมาเหล้า ปากก็ยังเอาแต่เรียกชื่อเวินหนิง
แต่หยงซือเหม่ยไม่กล้าพูดอะไร เธอกลัวว่าพอเธอบอกไปว่าตัวเองคือใคร ลู่จิ้นยวนจะผลักเธอออก
ช่างเถอะ ได้สัมผัสใกล้ชิดกับคนที่ชอบ ถึงแม้จะจำผิดคนก็ไม่เป็นอะไร คนที่ยิ้มจนถึงตอนสุดท้าย ยิ้มได้อย่างมีความสุขมากที่สุด เธอจะอดทนมันในตอนนี้
“ใช่ ฉันเวินหนิง จิ้นยวน ตอนนี้คุณเมาแล้ว ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
หยงซือเหม่ยนึกถึงน้ำเสียงปกติตอนเวินหนิงพูด และพูดเลียนแบบไม่กี่ประโยค
เดิมทีลู่จิ้นยวนที่มีหัวสมองสับสนวุ่นวายไม่ได้คิดอะไรมาก เขาอยากลืมตามอง “เวินหนิง” ตรงหน้า แต่ฤทธิ์เหล้าทำให้มองอะไรไม่ชัด
โดยไม่ต้องคิด ลู่จิ้นยวนดึง “เวินหนิง” เข้าสู่อ้อมกอดตน “ฉันรู้ ฉันรู้ว่าเธอไม่มีทางทิ้งฉันไปง่ายๆ เธอจะไม่คบกับเหอจื่ออันใช่ไหม? เขา……ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เธอเห็น……”
หยงซือเหม่ยพิงร่างลู่จิ้นยวน รู้สึกถึงหัวใจเต้นแรงของชายหนุ่ม
ถึงจะยืมตัวตนของเวินหนิง แต่ตอนนี้เธอก็ยังตื่นเต้นมาก
ได้ยินคำพูดลู่จิ้นยวน เธอก็ตกตะลึง จากนั้นก็ยกยิ้ม
ที่แท้เวินหนิงก็บอกกับลู่จิ้นยวนว่าเธอจะคบกับเหอจื่ออัน เลิกกับเขาใช่ไหม?
ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้โง่เกินไป ไม่ได้คลอนแคลนระหว่างผู้ชายสองคนอีกต่อไป
แต่เขาพูดว่า เหอจื่ออันไม่ธรรมดา……
หยงซือเหม่ยตกอยู่ในห้วงความคิด จริงๆ สไตล์ที่เหอจื่ออันทำออกมา เธอก็มองออก เขาไม่ใช่คนที่มีเจตนาดี ทำอะไรก็มีจุดมุ่งหมายอยู่ลึกๆ
แต่เหอจื่ออันชอบเวินหนิงไม่ใช่เหรอ ดูเหมือนจะทำดีกับเธอมาก คิดเพื่อประโยชน์ของเธอในทุกๆ ด้าน ทำไมลู่จิ้นยวนอยากให้เวินหนิงระวังเขา……
หยงซือเหม่ยคิดไม่ออก และขี้เกียจคิดเรื่องพวกนี้แล้วด้วย
โอกาสหาได้ยากมาก เธอจะพลาดไปแบบนี้ได้อย่างไร ยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์ออกมา หยงซือเหม่ยถ่ายรูปหนึ่งใบคิดว่าจะส่งให้เวินหนิง แต่คิดสักพัก กลัวว่าเรื่องจะโป๊ะแตก จึงส่งให้เหอจื่ออัน
ชายคนนั้นเรียกตนมาเพื่อหลอกใช้ งั้นเธอก็จะตั้งใจหลอกใช้เหอจื่ออันเหมือนกัน
เหอจื่ออันกำลังอยู่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนไป๋หลินยวี่ หลังจากได้รับข้อความ ชายหนุ่มก็หรี่ตา
ในภาพ เป็นชายหญิงคู่หนึ่งกอดกันแน่น แขนผู้ชายวางอยู่บนระหว่างเอวผู้หญิง ดูแนบชิดกันมาก
แต่เหอจื่ออันเดาสถานการณ์อะไรบางอย่างออก มันไม่มีอะไรมากไปกว่าลู่จิ้นยวนเมาเหล้า แล้วหยงซือเหม่ยโพสต์ท่าถ่ายรูป
แต่……
นี่เป็นโอกาสที่ดี
เหอจื่ออันคิดสักพัก ไปที่ห้องผู้ป่วยของเวินหนิง
“คุณมาทำไม? แม่ผมไปซื้ออาหารเย็น ไม่อยู่”
ผลสุดท้าย มีแค่ลู่อันหรานคนเดียวที่อยู่ที่นี่
เขาไม่ต้อนรับเหอจื่ออันสักนิด จิ้งจอกเฒ่าคนนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะมาแสดงความสุภาพอีกครั้ง
เหอจื่ออันยิ้ม “อันหราน ความเกลียดชังของหนูที่มีต่อฉันมันมากเกินไปหน่อยนะ”
ลู่อันหรานกลอกตา ไร้สาระ แต่เขาเป็นคุณอานิสัยไม่ดีที่เคยเฝ้ามองแม่ตนทุกวัน ถ้าเขาไม่ระวังเขา แล้วใครจะระวัง?
“ตอนนี้พ่อของหนูอยู่ที่บาร์ เมาเหล้าอยู่ คนของฉันเห็นเข้า หนูอยากไปดูหน่อยไหม?”
คำพูดเหอจื่ออัน ทำให้ลู่อันหรานเบิกตากว้างทันที
พ่อเมาเหล้า?
ลู่จิ้นยวนเมาเหล้าน้อยครั้งมาก ในความทรงจำของลู่อันหราน
เพราะทะเลาะกับแม่ใช่ไหม อารมณ์ก็เลยไม่ดี?
ลู่อันหรานกังวลใจขึ้นมาทันที ปกติเขาโวยวายใส่ลู่จิ้นยวนเป็นการล้อเล่นทั้งหมด แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นห่วงและเคารพลู่จิ้นยวนพ่อคนนี้มาก