“เพราะเรามีเป้าหมายเดียวกัน ผมคิดว่าคุณคงไม่อยาก ถ้าอีกหน่อยได้อยู่กับลู่จิ้นยวน แต่เขายังเกี่ยวพันกับผู้หญิงคนอื่น ผมก็เหมือนกันครับ ไม่อยากให้เวินหนิงเอาแต่คิดถึงผู้ชายคนอื่น”
เห่อจื่ออันพูดได้ชัดเจนมาก
เขาคิดว่า คนอย่างหยงซือเหม่ยที่เติบโตมาในตระกูลแบบนั้น คงรู้ว่าควรทำอะไร
ภายใต้เงื่อนไขที่พวกเขาได้ประโยชน์ร่วมกัน ร่วมมือกันยังไงก็กว่าทำคนเดียว
หยงซือเหม่ยครุ่นคิดไปสักพัก ก็จริง คำพูดของเห่อจื่ออันทำให้เธอหวั่นไหว
ใครไม่อยากให้สายตาคนที่ชอบมีแค่ตัวเองล่ะ?
“คุณคิดจะทำยังไง? แล้วอยากให้ฉันทำอะไร?”
หยงซือเหม่ยก็ไม่ได้เปลืองน้ำลาย เห่อจื่ออันนัดเธอมา คงต้องรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์อะไรบางอย่าง
“เธอไปคุยกับตระกูลลู่ ให้พวกเขายกสิทธิ์การเลี้ยงดูลู่อันหรานให้เวินหนิง ผมจะพาพวกเขาไปจากที่นี่ ไปต่างประเทศ จะไม่กลับมาอีก”
หยงซือเหม่ยขมวดคิ้ว
เห่อจื่ออันเห็นว่าเธอลังเล เลยเอ่ยต่อ “ถ้าคุณได้ตามที่หวัง ได้แต่งงานกับลู่จิ้นยวนจริงๆ ยังไงคุณก็ต้องมีลูกกับเขา แต่ลู่อันหรานเป็นหลานคนโตของตระกูลลู่ คุณอยากให้ลูกตัวเองเป็นรองงั้นเหรอ?”
ตระกูลใหญ่แบบนี้ ให้ความสำคัญกับลำดับมาก ถ้าลู่อันหรานยังอยู่ ทุกอย่างในตระกูลลู่ ในอนาคตต้องแบ่งให้เขาก่อน
นี่เลยทำให้หยงซือเหม่ยทนรับไม่ได้
“อีกอย่าง ถ้าลู่อันหรานยังอยู่ในตระกูลลู่ เพราะมีลูก พวกเขาก็ต้องติดต่อกันแน่นอน ผมก็รับประกันไม่ได้ พวกเขาจะคืนดีกันเพราะการติดต่อแบบนี้หรือเปล่า ความเสี่ยงนี้ ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องเสี่ยง”
ตาเห่อจื่ออันมีเลศนัย ก้มลงจิบกาแฟในแก้ว
“ผมพูดแค่นี้แหละ แต่จะร่วมมือกับผมหรือเปล่า คุณหนูหยงลองคิดพิจารณา ผมจะรอคำตอบคุณ”
พูดจบ เห่อจื่ออันก็ลุกขึ้นไปเช็คบิล
หยงซือเหม่ยนั่งอยู่ที่เดิม เธอกำลังคิดหนัก
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า ทุกคำพูดขอเห่อจื่ออันฝั่งเข้าใจเธอจริงๆ
พอคิดดูดีๆ เก็บลู่อันหรานไว้ที่ตระกูลลู่ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับตัวเอง
เธอไม่มีอารมณ์ไปเป็นแม่เลี้ยงของเด็กนั่น พอนึกถึงสิ่งที่ลู่อันหรานทำกับตัวเอง หยงซือเหม่ยก็หงุดหงิดจะเป็นบ้า
เด็กคนนี้ ต้องเอาออกไปซะ
แต่ว่า……เธอจะทำยังไงดีล่ะ
หยงซือเหม่ยไม่กล้าทำอะไรวู่วาม เธอไม่อยากให้การกระทำนั่น แล้วทำให้ลู่จิ้นยวนเกลียดเธอ
ครุ่นคิดไปสักพัก หยงซือเหม่ยเลยโทรหาเห่อจื่ออัน
“ข้อเสนอของคุณ ฉันตกลง แต่ว่า……ต้องทำยังไงกันแน่?”
เห่อจื่ออันนั่งอยู่บนรถ มุมปากเลิกขึ้นอย่างมีเลศนัย
เวลาผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมง แต่หยงซือเหม่ยก็ติดกับแล้ว เขาไม่ได้เสียเวลารอนานมาก
“แม่ของลู่จิ้นยวนไม่ชอบเวินหนิง ท่านอยากหาลูกสะใภ้ที่มีอำนาจอยู่แล้ว ลงมือที่ท่าน เรื่องจะง่ายขึ้น”
เห่อจื่ออันบอกแผนหยงซือเหม่ย จากนั้นก็ตัดสาย
แม่ของลู่จิ้นยวน……
หยงซือเหม่ยมองโทรศัพท์แล้วเหม่อ
ดูเหมือนว่าเธอต้องไปเมืองเจียงเฉิงแล้วสินะ ไปดูลาดเลาก่อน
……
เมืองเจียงเฉิง
เย่ซือเยวี่ยนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยสีหน้าเกร็ง
วันนี้เป็นวันที่เธอต้องเข้าห้องผ่าตัด กี่วันก่อนเพราะร่างกายเธอยังทำไม่ได้ เลยพักฟื้นก่อน แต่ตอนนี้ฟื้นฟูร่างกายจนสามารถทำได้แล้ว
“เกร็งไหม?”
อันเฉินเห็นสีหน้าเย่ซือเยวี่ย ในใจก็รู้สึกกังวลไปด้วย
ตอนนี้เธอเกร็งเกินไปหรือเปล่า ถ้าถึงเวลาอาจจะมีผลต่อการผ่าตัดก็ได้
“ฉัน……กลัวมาก……”
เย่ซือเยวี่ยจับผ้าปูไว้แน่น แสดงสีหน้าท่าทางที่อ่อนแอ
เธอกลัวมากจริงๆ ไม่ใช่กลัวเจ็บหรืออะไร แต่กลัวว่าทำแล้วเธอก็ยังมองไม่เห็น
งั้นเธอคงมองไม่เห็นตลอดชีวิต
ถ้าอย่างนั้น อันเฉินก็อาจจะไปจากเธอ เพราะใครก็ไม่อยากมีตัวถ่วง
กับเรื่องครั้งก่อนที่อันเฉินปิดบังเธอ เย่ซือเยวี่ยยังฝั่งใจอยู่
“อย่ากลัว ฉันรอเธออยู่ข้างนอก ถ้าครั้งนี้สำเร็จได้ยิ่งดี แต่ถ้าไม่ ฉันจะหาหมอที่ดีกว่านี้ จนกว่าเธอจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
เพื่อให้เย่ซือเยวี่ยสบายใจ อันเฉินก็เลยเอาแต่ปลอบใจเธอ
“งั้น ถ้าฉันดีขึ้น นายจะแนะนำฉันกับคนในครอบครัวไหม?”
อันเฉินอึ้งไป ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆเย่ซือเยวี่ยจะพูดถึงประเด็นนี้ ลังเลไปครู่หนึ่ง ยังไม่ทันได้ตอบ เย่วือเยวี่ยก็โบกมือก่อน “ฉันก็แค่ถามเฉยๆ ไม่ต้องใส่ใจหรอก”
เย่ซือเยวี่ยกลัวว่าเขาจะไม่ตอบ หรืออาจจะเป็นคำตอบที่ไม่อยากได้ยิน
“ฉันก็ต้องแนะนำเธอกับคนในครอบครัวอยู่แล้ว แต่ว่า ยังไม่ใช่ตอนนี้”
อันเฉินคิดไปสักพัก จึงตอบตามความจริง
พ่อของเขาเสียไปนานแล้ว เพราะฉะนั้น อันเฉินโตมากับคุณแม่คนเดียว
เพราะแบบนี้ แม่ของเขาก็ให้ความสำคัญเรื่องการแต่งงานของเขามาก อยากให้เขาหาแม่ศรีเรือนที่ดี ช่วยเขาดูแลครอบครัว ให้เขาทำงานได้อย่างสบายใจ
สถานการณ์ตอนนี้ของเย่ซือเยวี่ย เขายังต้องดูแลเธอตลอดเวลา ถ้าคนในครอบครัวเขารู้ ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาตามมาหรือเปล่า
เพราะฉะนั้น ตอนนี้อันเฉินยังไม่รีบ
รอให้อาการเย่ซือเยวี่ยคงที่ก่อน ให้เธอมีความมั่นใจเผชิญหน้าทุกอย่าง อย่างนั้นจะยิ่งดี
พอได้ยินแบบนี้ เย่ซือเยวี่ยก็ก้มหน้า กัดริมฝีปากแน่น สภาพเธอแบบนี้ คนอื่นคงยอมรับไม่ได้สินะ
ในใจก็รู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก
ทันใดนั้น พยาบาลก็เดินเข้ามา “คุณหนูเย่คะ เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วค่ะ เราควรไปห้องผ่าตัดแล้ว”
เย่ซือเยวี่ยพยักหน้า อันเฉินก้มลงไปอุ้มเธอไปนั่งบนรถเข็น “เดี๋ยวฉันไปกับเธอ”
เย่ซือเยวี่ยไม่ได้ปฏิเสธ ปล่อยให้อันเฉินอุ้มเธอ จากนั้นก็เข็นไปที่ห้องผ่าตัด
“รบกวนคุณรออยู่ข้างนอกนะคะ”
พอถึงห้องผ่าตัด พยาบาลก็รับรถเข็นมา แล้วพูดกับอันเฉิน
ผู้ชายพยักหน้า จึงหยุดก้าวขา “ฉันรอเธออยู่ข้างนอก ตอนทำอย่ากลัว”
เย่ซือเยวี่บพยักหน้า พยาบาลเข็นเธอเข้าไป เพื่อลดอาการเกร็งของเธอ เลยเอ่ยแซว “คุณหนูเย่ คุณโชคดีมากเลยที่มีแฟนที่หล่อที่เก่งขนาดนี้ แถมเขายังเป็นห่วงคุณมาก ถ้ารอคุณดีขึ้น อย่าลืมคว้าผู้ชายดีๆแบบนี้ไว้นะคะ”
เย่ซือเยวี่ยหน้าแดง เวลาเดียวกันก็กำมือแน่น เธอต้องดีขึ้นให้ได้ ต้องดีขึ้น