สถานีตำรวจ
ทันทีที่เวินหนิงเข้าไป เธอก็เห็นลู่อันหรานนั่งอยู่ข้างใน เธอรีบก้าวเข้าไปข้างในแล้วสังเกตมองเขาอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไร เสื้อผ้ายังอยู่เป็นระเบียบ เธอถึงได้โล่งใจ
เมื่อตะกี้เธอยังคิดอยู่ ลู่อันหรานบอกว่ามีคนทำร้ายร่างกายเด็ก เป็นไปได้ไหมที่เขาจะถูกทำร้าย ตอนนี้ดูแล้วถึงได้วางใจ
” คุณแม่ครับ ผมไม่เป็นอะไรครับ คนๆนี้ทำร้ายเพื่อนของผมที่บนถนน ฉันไม่มีทางเลือก ถึงได้โทรหาตำรวจครับ”
เวินหนิงอดรู้สึกสงสัยเล็กน้อยไม่ได้ที่เมื่อได้ยินเพื่อนของลู่อันหราน
ลู่อันหรานมีนิสัยที่แก่แดด เด็กที่อายุประมาณเท่าๆเขา เขามักจะรู้สึกว่าคนอื่นเขาไร้เดียงสา ไม่ชอบเล่นกับพวกเขา ไม่คาดคิดว่าเขาจะมีเพื่อนกับเขาด้วย
เวินหนิงมองไปที่ตำแหน่งที่ลู่อันหรานชี้ เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นั่งอยู่บนเก้าอี้ ดวงตากลมโตของเธอเปล่งประกายด้วยความกังวลและตื่นตระหนก ซึ่งแตกต่างจากใบหน้าที่ขาวท้วมของลู่อันหราน เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ดูแล้วผอมมาก เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่ใหญ่กว่าตัวของเธอมาก ทำให้เธอที่ตัวเล็กอยู่แล้วยิ่งดูผอมไปใหญ่
เวินหนิงรู้สึกสงสารเธออย่างอธิบายไม่ถูก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เธอรู้สึกคุ้นเคยกับสภาพในตอนนี้มาก ซึ่งทำให้เธอนึกถึงตอนตัวเองโดดเดี่ยวและทำอะไรไม่ได้
” พวกเราได้ตรวจสอบแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ได้ลงไม้ลงมือกับเด็กคนนี้จริง ๆ เราได้วิพากษ์วิจารณ์เธอไปแล้ว เรื่องนี้ถือว่าได้รับการแก้ไขไปแล้ว”
หลังจากที่ตำรวจพูดเช่นนี้จบ ร่างกายของไป่ซินหรานก็สั่นสะท้าน
เมื่อลู่อันหรานเห็นเช่นนี้ รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที “ นี่คือวิธีแก้ปัญหาแบบไหน”
เมื่อกี้เขาเพิ่งจะเห็นว่าบนร่างกายของไป๋ซินหรานมีรอยฟกช้ำหลายแห่ง และรอยฟกช้ำที่หยิกออกจะดูน่าตกใจ เห็นได้ว่าตอนไม่มีคนอยู่บ้าน ผู้หญิงคนนี้ได้แอบทำร้ายร่างกายไป๋ซินหรานไม่น้อย
ถ้าแค่วิพากษ์วิจารณ์ไม่กี่คำ สำหรับผู้หญิงคนนี้ไม่มีผลกระทบอะไร พอกลับบ้านไปคนที่ต้องทนทุกข์ทรมาณก็ต้องเป็นเพื่อนของเขาอยู่ดี
“ คุณแม่ครับ พวกเราจะปล่อยเธอกลับไปบ้านนั้นไม่ได้ คุณแม่ดูสิ ”
ลู่อันหรานคว้ามือของไป๋ซินหรานมา ให้เวินหนิงดูรอยฟกช้ำบนร่างกายของเธอ ” ผมไม่มีทางเชื่อว่าแม่เลี้ยงใจร้ายจะเชื่อฟังคำตักเตือนพวกนั้น พวกเราหาทางช่วยเหลือเธอได้ไหม ”
เวินหนิงเองเป็นคนที่มีลูก เมื่อเห็นรอยฟกช้ำมากมายบนแขนที่ขาวและอ่อนนุ่มของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เธอก็เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอสนับสนุนคำพูดของลู่อันหราน
“ ถูกต้องค่ะคุณตำรวจ เรื่องนี้จะปล่อยไปง่ายๆแบบนี้ไม่ได้ ถ้าเด็กกลับไปถูกเฆี่ยนตีอีกล่ะ เด็กแค่นี้กลัวว่าจะโทรเรียกหาตำรวจก็ยังทำไม่ได้ ถ้าเกิดเรื่องเลวร้ายกว่านี้ขึ้น จะทำยังไง ”
” นั่นมันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของเขา คุณกับพวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกัน
ขอเตือนคุณไว้ก่อน ว่าอย่าไปยุ่งเรื่องภายในครอบครับของเขา ”
เมื่อตำรวจฟังแล้วเหมือนว่าเวินหนิงยังไม่อยากจากไป อย่าจะเอาเรื่องอีก จึงอดรำคาญไม่ได้
เรื่องที่ผู้ปกครองเฆี่ยนตีเด็กแบบนี้ เป็นเรื่องที่เห็นกันปกติทุกวันไม่ใช่เหรอ ถ้าทุกคนหาเรื่องเหมือนเธอ พวกเขาก็ไม่ต้องไปทำอะไรกันแล้ว
เวินหนิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้ กำลังจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่ตำรวจไม่ต้องหารฟังอีกต่อไป ” คุณผู้หญิงท่านนี้ ต่อให้คุณสามารถปกป้องเธอได้ในตอนนี้ แต่คุณสามารถปกป้องเธอได้ตลอดไปหรือเปล่า ”
หลังจากที่ตำรวจพูดจบ ก็ขับไล่พวกเขาออกไป
เมื่อได้ยินที่ตำรวจพูด หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงมุมอย่างหดหู่ ดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที ยังเหลียบไปมองไป๋ซินหรานพร้อมกับส่งสัญญาณเตือนผ่านสายตาของเธอ จากนั้นลากเธอจากไป
ไป๋ซินหรานถึงกับผงะ เธอรู้ว่า การที่เธอเอาเรื่องนี้มาถึงที่สถานีตำรวจ อย่างมากก็แค่เป็นการตักเตือนแม่เลี้ยงเท่านั้น มันไม่มีผลอะไรเลย พอกลับไปถึงบ้านเธอจะต้องถูกลงโทษหนักกว่าเดิมอีกหลายเท่า
ดังนั้น เธอจึงกรีดร้องออกมาเสียงดังโดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่น ๆ ” ไม่ ฉันไม่อยากกลับบ้าน ฉันกลัว”
” แกอยากกลับบ้านแกจะไปที่ไหนได้ แม่ของแกไม่เอาแกไปนานแล้ว เร็วเข้า รีบกลับไปกับฉัน ”
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าตำรวจไม่สนใจเรื่องพวกนี้ จึงกลับไปดุร้ายเหมือนเดิมอย่างในตอนแรก
เมื่อเห็นไป๋ซินหรานร้องไห้อย่างน่าอนาถเวินหนิงจึงรีบเข้าไปห้ามทันที ” คุณผู้หญิงท่านนี้เธอไม่อยากกลับไปกับคุณ รบกวนคุณช่วยปล่อยมือด้วย คุณจะทำให้เธอเจ็บ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อารมณ์ของผู้หญิงวัยกลางคนยิ่งโมโหขึ้นไปใหญ่ ในขณะนี้ สามีของเธอก็มาพอดี
เขารู้สึกขายขี้หน้ามากเมื่อได้ยินว่าภรรยากับลูกสาวของเขาได้เข้าสถานีตำรวจ
” ผัวค่ะ เป็นเพราะเด็กชู้คนนี้ ฉันใช้มันไปซื้อของให้หน่อย มันกลับมาช้าไม่พอยังแจ้งตำรวจให้มาจับฉัน ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้ชายจ้องไปที่ไป๋ซินหราน แล้วตบเธอเข้าไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เวินหนิงเห็นเช่นนี้รีบเข้าไปห้ามทันที
แต่ว่าแรงของเธอไม่อาจสู้แรงของผู้ชายได้
แต่กลับถูกผู้ชายคนนั้นผลักจนเดินเซไปเซมา แล้วล้มลงกับพื้น
เมื่อลู่อันหรานเห็นถึงสถานการณ์ที่วุ่นวายแบบนี้ จึงโกธรมากเลยเข้าไปช่วย “ คุณรู้ไหมว่าพ่อของฉันเป็นใคร เขาคือลู่จิ้นยวนเป็นประธานผู้บริหารใหญ่ของบริษัทตระกูลลู่ ตอนนี้คุณกล้าทำกับพวกเราแบบนี้ คุณไม่กลัวว่าเขาจะมาเล่นงานคุณเหรอ ”
“ ลู่จิ้นยวน”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ผู้ชายอึ้งและแข็งไปทันตัว
เขาจะไม่รู้จักลู่จิ้นยวนชื่อนี้ได้อย่างไร ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่พนักงานเล็กๆ คนหนึ่ง แต่เขาก็รู้ถึงอำนาจของตระกูลลู่ที่อยู่ในเมืองเจียงเฉิงเป็นอย่างดี
ถ้าทำให้เขาขุ่นเคืองจริง ๆ เกรงว่าแม้แต่งานธรรมดาๆเขาก็ไม่มีจะทำ
ดังนั้น ผู้ชายจึงจ้องมองไปที่ลู่อันหรานอย่างละเอียด เขารู้สึกได้ว่าเด็กผู้ชายตรงหน้าเขาตอนนี้ มีความคล้ายกับลู่จิ้นยวนที่เขาเห็นในทีวีมาก
“ เธอเป็นลูกชายของลู่จิ้นยวนจริงๆเหรอ ”
ลู่อันหรานจ้องมองเขา ” ถ้าไม่ใช่ฉัน งั้นเป็นคุณเหรอ
รีบบอกให้ผู้หญิงใจร้ายคนนั้นปล่อยมือเดียวนี้ ”
ผู้ชายลังเลอยู่พักหนึ่ง ไม่กล้าลงมือใดๆ หลังจากนั้นก็ดึงมือของผู้หญิงคนนั้นจากไป
ไป๋ซินหรานถูกพวกเขาทิ้งไว้อยู่ที่เดิม อย่างกับสิ่งของที่จะทิ้งจะขว้างก็ได้
ไป๋ซินหรานเฝ้าดูรถขับออกไป เธอหวังอย่างยิ่งว่าจะออกจากบ้านหลังนั้น แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกทิ้งไว้เช่นนี้ ในใจนั้นเจ็บปวดมาก
เวินหนิงทนเห็นเช่นนี้ไม่ได้ จึงรีบเข้าไปปลอบใจเธอ ” ไม่ต้องกลัวนะ หนูกลับบ้านกับน้าก่อน มีเรื่องอะไรเราค่อยๆคุยกัน ดีไหม ”
ไป๋ซินหรานมองไปที่เวินหนิง จากนั้นก็มองไปที่ลู่อันหราน ในที่สุดก็พยักหน้าตกลง
ลู่อันหรานถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดเขาก็ได้ช่วยเพื่อนของเขาออกมาจากขุมนรกนั้น
เขาจับมือของไป๋ซินหรานแล้วขึ้นรถไป
เวินหนิงเห็นเช่นนี้ ก็เดินตามหลังพวกเขาไป
เด็กทั้งสองจะคุยกันพวกเขาจึงนั่งเบาะหลัง เวินหนิงนั่งเบาะใกล้ๆคนขับ ได้ยินพวกเขาคุยกันเสียงดังอย่างกับเสียงนกร้องในยามเช้า แต่เธอก็อดคิดถึงคำพูดประโยคนั้นของลู่อันหรานไม่ได้
ในตอนนั้นตามสถานการณ์แบบนั้น ถ้าลู่อันหรานไม่บอกว่าพ่อของเขาคืนลู่จิ้นยวน บางทีไป๋ซินหรานอาจถูกพาตัวกลับไปเฆี่ยนตีหรือทารุณกรรมต่อไปก็ได้
แม้ว่าไม่อยากยอมรับ แต่ตอนนี้เวินหนิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าระหว่างเธอกับลู่จิ้นยวนนั้นห่างกันมาก
ถ้าจะให้ลู่อันหรานทิ้งทั้งหมดที่เคยชินในชีวิตแบบนี้ แล้วไปจากที่นี่กับตัวเอง เขาจะมีความสุขจริงๆไหม