บ่วงแค้นแสนรัก – บทที่577 เข้าใจผิดหรือเปล่า

บทที่577 เข้าใจผิดหรือเปล่า

ลู่จิ้นยวนอยู่ที่ บริษัท จนดึก จนกระทั่งพนักงานเกือบจะเลิกงานไปหมดแล้ว เขาถึงได้จากไป

ทุกครั้งที่เขามีเรื่องไม่สบายใจ เขาชอบทำให้ตัวเองนั้นยุ่งอยู่กับงานเสมอ มันสามารถลดความเครียดและความไม่สบายใจของเขาลงได้ชั่วคราว

ทันทีที่ลู่จิ้นยวนลงมา หยงซือเหม่ยที่ยังดัดรออย่างกับดัดรอกระต่ายก็ลุกขึ้นยืน รีบเดินไปทันทีราวกับว่าถ้าเธอเดินช้าไป ลู่จิ้นยวนจะเดินตรงออกไปทันที

“ คุณชายลู่คะ ไหนคุณบอกว่าคุณออกไปประชุมข้างนอกไม่ใช่หรอคะ

ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น ”

หยงซือเหม่ยรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ไม่แสดงมากออกมา

ถ้าอยู่ที่เมืองจิงเฉิง ไม่มีใครไม่กลัวอิทธิพลของตระกูลหยง คิดยังไง ก็ไม่มีใครกล้าให้เธอรออยู่ข้างนอกอย่างงี้ทั้งวัน

แต่หยงซือเหม่ยก็อดกลั้นความพอใจไว้ได้ ตั้งหน้าตั้งตารอเขา

เธออยากดูสิว่าลู่จิ้นยวนจะอธิบายอย่างไร

“อ๋อ

ใช่เหรอ

บางทีอาจจะเป็นข้างล่างเข้าใจผิดหรือเปล่า ”

ลู่จิ้นยวนพูดอย่างหน้าไม่แดง พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ด้านหน้าได้ยินเช่นนี้ หน้าซีดขาวทันที แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไร

คนหนึ่งเป็นสาวรวยที่ดูเหมือนจะยั่วยุไม่ง่ายๆ อีกคนเป็นถึงเจ้านายใหญ่ของบริษัท แต่ละคนไม่ใช่คนที่ตำแหน่งเล็กๆอย่างเธอจะไปทำให้ขุ่นเคืองได้

หยงซือเหม่ยจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเขาตั้งใจทำเช่นนี้ แล้วมองไปที่พนักงานต้อนรับที่ตื่นตระหนก “ แบบนี้คุณต้องทำอะไรสักอย่างหรือเปล่า ”

” เดี่ยวผมจะเปลี่ยนคนที่เหมาะสมกว่านี้มา ”

ลู่จิ้นยวนมองพนักงานต้อนรับที่สีหน้าซีดขาว แล้วเรียกเลขามา ทั้งสองคนกระซิบคำสองคำ

” ไปเปลี่ยนตำแหน่งโลจิสติกส์ให้เธอ แล้วเพิ่มเงินเดือนให้เป็นหนึ่งเท่า ”

ลู่จิ้นยวนลดเสียงลง เขาไม่มีนิสัยชอบปล่อยให้คนอื่นมารับผิดแทนเขา คนๆนี้ถือว่าโชคร้าย เพื่อเป็นการชดเชยเธอเขาจึงเพิ่มเงินเดือนให้กับเธอ

” แค่นั้นเองเหรอ ”

หยงซือเหม่ยเห็นเช่นนี้ ยังไม่รู้สึกพอใจสักเท่าไร

“ แล้วคุณหนูหยงคิดว่าไงล่ะ

ลู่จิ้นยวนจ้องมองหยงซือเหม่ย ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลหยงกับตระกูลลู่ยังคงให้ความร่วมมือในธุระกิจ ไม่อาจฉีกหน้ากันได้ เขาคงไม่มานั่งเสียเวลาสนทนากับเธอที่นี่

” ฉันเพิ่งเคยมาที่เมืองเจียงเฉิง ไม่รู้อะไรเลย ได้ยินมาว่าอาหารที่นี่ไม่เลว ในเมื่อคุณชายลู่อยากขอโทษจริงๆ งั้นก็ช่วยเลี้ยงข้าวฉันสักมื้อเป็นยังไง”

ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว ที่แท้ ที่เธอพูดเยอะขนาดนี้ ก็เพื่อสิ่งนี้

ชายหนุ่มกำลังอ้าปากคิดจะปฏิเสธ แต่หยงซือเหม่ยกับจ้องมองเขา พูดว่า ” คงเป็นไปไม่ได้ว่าเพื่อนร่วมธุระกิจกันที่บินมาอย่างไกล ตระกูลลู่จะไม่ต้อนรับหน่อยเหรอ ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่จิ้นยวนเลยต้องกลืนคำปฏิเสธลงคอ

ตอนนี้เขาเป็นตัวแทนของตระกูลลู่ ถ้าหากผู้ร่วมธุระกิจอีกฝั่งมาเจรจาเรื่องธุระกิจด้วยตัวเอง แล้วเขาต้อนรับอย่างไม่มีมารยาทอย่างงี้ ถูกเผยแพร่ออกไปคงไม่ใช่เรื่องดีอะไร

“ คุณหนูหยงอยากทานอะไรเหรอครับ ”

ลู่จิ้นยวนไม่ได้คุยอะไรกับหยงซือเหม่ยต่อ แต่หยิบกุญแจรถออกมาแล้วเดินออกไป

หยงซือเหม่ยเข้าใจว่าเขาตกลงแล้ว “ ไม่ว่าอะไรก็ได้ค่ะ ขอแค่เป็นคุณชายลู่พาไปกินก็พอค่ะ”

ลู่จิ้นยวนเลิกคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อเธอพูดอย่างงี้ … เขามีความคิดหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าหยงซือเหม่ยจะสามารถรับได้หรือไม่

คนทั้งสองคนเดินออกจากประตูของบริษัทตระกูลลู่ หยงซือเหม่ยเดินตามหลังลู่จิ้นยวน ชายหนุ่มมีความรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเหมือนโดนเธอบังคับยังไงไม่รู้ ดังนั้นฝีเท้าเขาจึงค่อนข้างที่จะเร็ว โดยไม่คำนึกเลยว่าเธอนั้นใส่ส้นสูงจะเดินไม่ค่อยสะดวก.

หยงซือเหม่ยกัดริมฝีปากแน่นกำลังจะอ้าปากพูด ในขณะนี้เธอก็เหลือบไปเห็นแสงที่กระพริบอยู่ในอีกมุมหนึ่ง เธอถูกได้ฝืนอารมณ์ที่ไม่ดีไว้ แล้วเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเข้าไปควงแขนของลู่จิ้นยวนไว้ แล้วหน้าอกของเธอก็ไปชนกับหลังของลู่จิ้นยวน

” คุณกำลังทำอะไร”

ลู่จิ้นยวนถูกชนอย่างงง ๆ เขาเกือบจะผลักหยงซือเหม่ยออกไปอย่างรังเกียจ

” รู้สึกว่ารองเท้าของฉันไม่พอดีกับเท้านิดหนึ่ง คุณพอจะช่วยพยุงฉันหน่อยได้ไหม ”

หบงซือเหม่ยพูดอย่างน่าสงสารแล้วชี้ไปยังรองเท้าที่ส้นสูงถึงเจ็ดรหรือแปดเซนติเมตรของเธอ

ลู่จิ้นยวนเหลือบมองครู่หนึ่ง ” ถ้าคุณหนูหยงรู้สึกไม่สะดวกแล้วล่ะก็ ผมจะให้คนส่งคุณกลับไปที่โรงแรมเพื่อพักผ่อน อย่างงี้จะได้ไม่เจ็บ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของหยงซือเหม่ยเดียวแดงเดียวขาว

เธอยังคิดว่า ด้วยมารยาทของลู่จิ้นยวนแล้วเขาไม่น่าจะปฏิเสธเธอ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะคิดวิธีนี้ได้อย่างชาญฉลาด เป็นการปฏิเสธที่ไม่เสียมารยาทและดูไม่น่าเกลียด

“ ฉันยังพอทนได้ค่ะ ”

หยงซือเหม่ยจึงต้องค่อยเอามือออกอย่างเจ็บใจ เธอมองไปยังมุมเมื่อกี้ ถึงแม้ไม่อาจทำให้ลู่จิ้นยวนมาช่วยพยุงตัวเองได้ แต่ท่าทางของทั้งสองเมื่อครู่นั้นดูใกล้ชิดและสนิทสนมกันมากแล้ว แม้ว่าจะเป็นแค่เวลาสั้นๆก็จริง แต่ต่อหน้ากล้องแล้วสามารถให้คนที่เห็นนั้นคิดไปหลายแง่มุม

ลู่จิ้นยวนโดนกลอุบายของหยงซือเหม่ยแบบนี้ ก็ระวังตัวขึ้นเยอะ คิดไปคิดมา ก็เลยเรียกผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทมาช่วยพยุงเธอ เพื่อปกกันไม่ให้เธอเล่นอุบายอะไรอีก

แม้ว่าหยงซือเหม่ยจะไม่เต็มใจ แต่ลู่จิ้นยวนยืนยันอย่างเด็ดขาด เธอเลยต้องจำนน

ลู่จิ้นยวนเป็นคนขับรถ พาเธอไปยังร้านอาหารเสฉวนร้านหนึ่ง

นี่เป็นร้านอาหารท้องถิ่นที่ค่อนข้างจะได้รับความนิยมมากในเมืองเจียงเฉิง จุดเด่นที่สุดของร้านนี้ก็คือเผ็ด ถ้าคนที่กินเผ็ดไม่ค่อยได้ ต่อให้กินแค่คำเดียวก็ถึงกับหน้าแดงหูแดงเลยทีเดียว

เวินหนิงชอบมาทานอาหารที่นี่มาก เพราะเธอเกิดที่เมืองเจียงเฉิงและโตที่นี่ ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับที่นี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ ยิ่งไปกว่านั้นเธอชอบบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาที่นี่ รู้สึกอบอุ่นมากอย่างให้อยู่ในรอบกองไฟ

ด้วยเหตุผลนี้ ลู่จิ้นยวนจึงค่อยๆชินกับที่นี่ ทำให้เขาฝึกฝนในการกินอาหารรสเผ็ดได้มากยิ่งขี้น

แต่อย่างที่ว่าหยงซือเหม่ยเป็นคนชาวเหนือ ถึงแม้ว่าปกติเธอาจจะมีทานอาหารรสเผ็ดบ้าง แต่คิดว่ายังไงก็คงไม่เท่าที่นี่ ดังนั้นลู่จิ้นยวนจึงตั้งใจพาเธอมาที่นี่เป็นพิเศษ

ใครให้ผู้หญิงคนนี้เป็นคนพูดเองว่าแล้วแต่เขาจะพาไปไหน เธอรับได้หมด

ลู่จิ้นยวนคิดว่าครั้งนี้จะได้ให้เธอรู้ตัวและถอนตัวสักที

หยงซือเหม่ยย่อมไม่รู้ถึงความตั้งใจของลู่จิ้นยวนอยู่แล้ว ระหว่างเดินตามหลังเขาเข้าไปก็สงเกตไปรอบๆภายในร้านอาหาร

ซึ่งมันแตกต่างจากร้านอาหารที่เธอคิดไว้อย่างสิ้นเชิง เธอยังคิดว่าลู่จิ้นยวนจะพาเธอไปที่ร้านอาหารห้าดาวโกอินเตอร์ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะพาเธอมาในร้านอาหารภัตตาคารแบบนี้

“ คุณชอบมาทานอาหารที่นี่เหรอ”

หยงซือเหม่ยเห็นพฤติกรรมการกินของในร้านอาหารกลุ่มหนึ่ง เธอรู้สึกรังเกียจอย่างอธิบายไม่ถูก

โดยไม่คาดคิดว่าลู่จิ้นยวนจะชอบชีวิตบ้านๆแบบนี้

เมื่อลู่จิ้นยวนเห็นเช่นนี้ ก็เดาได้ทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ “ถ้าคุณไม่ชอบงั้นก็ช่างมันเถอะ ”

” ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ ลองดูก็ไม่เลว”

หยงซือเหม่ยไม่อยากพลาดโอกาสที่จากทำความเข้าใจลู่จิ้นยวนแบบนี้ รีบส่ายหัวปฏิเสธทันที

ทั้งสามคนเข้าไปในห้องวีไอพีของร้านอาหาร.

“ คุณเป็นแขกคนสำคัญ คุณมาสั่งอาหารจะดีกว่า ”

ลู่จิ้นยวนไม่ได้กังวลใดๆอลยว่าหยงซือเหม่ยจะไม่หลงกลอุบายของตัวเอง ในร้านอาหารร้านนี้ไม่มีอาหารเมนูไหนที่ธรรมดาเลย

หยงซือเหม่ยก็ไม่รู้ว่าจะสั่งอะไร เธอจึงสุ่มสั่งอาหารที่แพงที่สุดในร้านมาสองสามอย่าง

แล้วคืนเมนูให้กับพนักงาน หยงซือเหม่ยนั่งตรงข้ามลู่จิ้นยวนจ้องมองเขาอย่างหลงไหลเหม่อลอย

ไม่นาน อาหารก็เริ่มออกมาทีละจาน

เมื่อหยงซือเหม่ยเห็นอาหารที่ตัวเองสั่ง หน้าของเธอเกือบเปลี่ยนเป็นสีเขียวไปเลย

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

Status: Ongoing

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท