บ่วงแค้นแสนรัก – บทที่ 590 รีบขอโทษ

บทที่ 590 รีบขอโทษ

“ยังโชคดีครับ ตอนที่วัสดุหล่นลงมาคนไข้ใช้แขนบังไว้ เลยกระแทกศีรษะไม่แรงมาก ก็เลยไม่มีอาการสมองกระทบกระเทือน แค่กระดูกที่แขนหัก ต้องพักดูอาการสักระยะครับ”

พอได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็โล่งอกไปที

เพราะสถานการณ์ที่อันตรายแบบนั้น แต่แค่แขนหัก ถือว่าโชคดีมากแล้ว

“เขาจะฟื้นเมื่อไหร่คะหมอ?”

“ตอนนี้เขายังอยู่ในช่วงฤทธิ์ยาชา อาจจะฟื้นประมาณเที่ยงคืนพรุ่งนี้ พวกคุณเป็นญาติก็สลับวนเวียนกันดูแลเขาไปก่อน ถ้าเขาฟื้น ก็รีบเรียกหมอมาตรวจเช็คอาการอีกทีครับ”

“ค่ะหมอ ขอบคุณนะคะ”

เย่หว่านจิ้งเอ่ยขอบคุณคุณหมอ ค่อยรู้สึกโล่งใจ

ยังโชคดี ไม่ได้เป็นอะไรมาก ถ้าลู่จิ้นยวนสลบเป็นปีเหมือนแต่ก่อน ท่านคงทนรับไม่ไหว

เวินหนิงยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน มือที่กำแน่นตลอดค่อยคลายออก เธอค่อยรู้สึกว่าเหงื่อไหลเต็มมือ อาจจะเพราะเมื่อกี้เจอคุณหมอเลยเกร็ง แต่ว่า เธอไม่รู้ตัวเลย

สักพัก ลู่จิ้นยวนก็ถูกเข็นออกมา

เวินหนิงเห็นศีรษะเขามีแต่ผ้าพันแผล ที่แขนมีเฝือกหุ้มอยู่ ในใจก็รู้สึกเป็นห่วง

ถึงแม้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเหมือนกระจกที่แตก แต่เธอก็ไม่อยากเห็นผู้ชายคนนี้บาดเจ็บ

ตอนที่เวินหนิงกำลังเหม่อมองลู่จิ้นยวน หยงซือเหม่ยที่ได้รับข่าวจากเย่หว่านจิ้งก็มาถึง

พอมาถึงโรงพยาบาล เห็นลู่จิ้นยวนที่นอนสลบอยู่บนเตียงคนไข้ หยงซือเหม่ยก็พุ่งมาหาทันที “จิ้นยวน จิ้นยวน เขาเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

เวินหนิงเห็นท่าทางที่เว่อร์วังของเธอ อดไม่ได้จนต้องขมวดคิ้ว

ผู้หญิงคนนี้ เป็นอะไรเนี่ย

คนที่รู้อาจจะคิดว่าเธอใจร้อน แต่คนที่ไม่รู้ อาจจะคิดว่าเธอมาทำให้ลู่จิ้นยวนบาดเจ็บหนักกว่าเดิม จำเป็นต้องเว่อร์ขนาดนั้นไหม?

“คุณอย่าทับแขนของเขา”

ถึงแม้เวินหนิงไม่รู้ว่าควรพูดอะไร แต่ว่า เป็นญาติผู้ป่วยที่ดูแลในโรงพยาบาลตลอด เธอรู้ดีว่าถ้าหยงซือเหม่ยยังทำแบบนี้อีก แผลของลู่จิ้นยวนอาจจะฉีกก็ได้

ก็เลยอดไม่ได้จนต้องเอ่ยเตือน

สายตาก็เหลือบไปทางเย่หว่านจิ้ง

แปลกจัง ปกติท่านเป็นห่วงลู่จิ้นยวนมากไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้จะทับโดนแขนของเขา แต่ท่านกลับไม่พูดอะไรเลย

นี่คงเป็นผลดีของการที่มีชาติตระกูลดีมีอำนาจมั้ง

เวินหนิงเยาะเย้ยตัวเองในใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร

“……”

พอได้ยินเสียงเธอ หยงซือเหม่ยค่อยดึงสติกลับมาจากความตกใจเสียใจ เธอไม่เคยปรนนิบัติใคร ก็เลยไม่รู้ว่าการกระทำของเธอจะมีผลยังไง

“เธอมาได้ยังไง เวินหนิง?”

น้ำเสียงหยงซือเหม่ยไม่เป็นมิตรมาก

ไหนบอกว่าไปจากลู่จิ้นยวนแล้ว แต่สุดท้าย ตอนนี้เกิดเรื่อง วิ่งมาเร็วกว่าตัวเองอีก

“ฉันแค่มาดูอาการของเขา คุณไว้ใจเถอะค่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไร”

เวินหนิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ในเมื่อรู้แล้วว่าเขาไม่เป็นอะไร งั้นกลับก่อนนะคะ”

พูดจบก็เดินออกไป ไปหาเด็กน้อยสองคนที่ไปเข้าห้องน้ำ

หยงซือเหม่ยรู้สึกไม่สบอารมณ์มาก จนต้องกระทืบเท้าตัวเอง

พอเย่หว่านจิ้งเห็น ก็ปลอบใจเธอ “หนูอย่าไปอารมณ์เสียกับเธอ แค่เธอไปก็พอแล้ว ถ้าจิ้นยวนฟื้น แล้วเห็นหนูเป็นคนแรก เขาต้องหวั่นไหวแน่นอน”

พอได้ยินแบบนี้ หยงซือเหม่ยก็หักห้ามอารมณ์ไว้ พยักหน้าอย่างมีมารยาทกับเย่หว่านจิ้ง “หนูรู้แล้วค่ะคุณน้า เมื่อกี้หนูใจร้อนเกินไป ไม่ได้ตั้งใจนะคะ”

“น้ารู้ น้ารู้ว่าหนูเป็นเด็กดี”

ผู้หญิงทั้งสองคนต่างพูดปลอบใจกัน แต่มีสักกี่คำที่มาจากใจจริง ใครจะรู้ล่ะ

……

ตอนที่เวินหนิงออกไป ก็เห็นลู่อันหรานที่กำลังสะบัดมือเปียกๆ แล้ววิ่งกลับมา

ไป๋ซินหรานตามอยู่หลังเขา ในมือถือทิชชู่ไว้ “เธอเช็ดมือให้สะอาดก่อนค่อยกลับไป!”

“จะยุ่งยากทำไม เดี๋ยวก็แห้งเองไม่ใช่เหรอ?”

ยังไงลู่อันหรานก็เป็นเด็กผู้ชาย ไม่ได้พิถีพิถันขนาดนั้น

ไป๋ซินหรานได้ยินแล้วหมดคำพูด

เห็นเด็กน้อยสองคนนี้ อารมณ์เวินหนิงก็ดีขึ้นไม่น้อย

อดคิดไม่ได้เลยว่า ถ้าให้เด็กผู้หญิงคนนี้อยู่ต่อคงจะดี เป็นเด็กดีรู้เรื่อง เธออยากมีลูกที่เอาใจใส่แบบนี้ตั้งนานแล้ว

พอเห็นเวินหนิงอยู่ข้างนอก ลู่อันหรานเลยวิ่งมาหา “คุณแม่ ทำไมคุณแม่ไม่ดูแลคุณพ่อข้างในครับ?”

เวินหนิงไม่ตอบ แต่เปลี่ยนประเด็น “เรากลับกันก่อนเถอะ ที่นี่คนเยอะแล้ว”

“คนเยอะ?”

ลู่อันหรานขมวดคิ้ว มีแค่พวกเขาสามคน คุณย่ากับอันเฉิน แล้วยังมีใครอีก?

หักห้ามความแปลกใจไม่ได้ ลู่อันหรานเลยเดินเข้าไปในห้องพักฟื้น จึงเห็นหยงซือเหม่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ

อ่อ ทีแท้ผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนี้มานี่เอง ทำไมเธอเอาแต่วนเวียนอยู่เนี่ย

“ป้ามาได้ยังไง ป้าไม่มีอะไรทำเหรอครับ วันๆเอาแต่ถามตื้อคนอื่น ไม่เบื่อเหรอครับ?”

พอลู่อันหรานเอ่ยพูด ก็ไม่ใช่อะไรน่าฟัง กับผู้หญิงที่คิดจะแย่งคุณพ่อไป เขาไม่พูดดีด้วยหรอก

“อันหราน พูดกับคนอื่นยังไงเนี่ย รีบขอโทษเดี๋ยวนี้!”

พอเย่หว่านชิงได้ยินก็รู้สึกปวดหัว นิสัยของลู่อันหรานท่านรู้ดี แต่ว่า ไม่มีมารยาทต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ เลยทำให้ท่านที่เป็นผู้ใหญ่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ต้องเป็นผู้หญิงอย่างเวินหนิงแน่ๆที่สอนเขาพูดแบบนี้

“ไม่เป็นไรค่ะคุณน้า อันหรานยังเด็ก……”

ถึงแม้หยงซือเหม่ยโกรธจนหน้าเขียว แต่เพื่อแสดงความใจกว้างของตัวเองต่อหน้าเย่หว่านจิ้ง เลยหักห้ามอารมณ์ไว้ จากนั้นก็ยิ้มเอ่ย

เห็นเธอรู้เรื่องขนาดนี้ เย่หว่านจิ้งก็ชื่นชมเธอมากกว่าเดิม “น้ารู้ว่าหนูเป็นเด็กใจกว้าง แต่ว่าอันหราอยู่ในวัยที่กำลังโต จะให้เขาเลียนแบบคนไม่มีสัมมาคารวะไม่ได้ เดี๋ยวอีกหน่อยจะเกเรเอา”

พอได้ยินเย่หว่านจิ้งพูดว่าคนไม่มีสัมมาคารวะ ลู่อันหรานก็โกรธจนหน้าแดง

เขาไม่ใช่คนโง่ ฟังออกว่ากำลังต่อว่าคุณแม่ ทีแรกเขายังไม่รู้สึกอะไรกับคุณย่า แต่ตอนนี้ ไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนผู้หญิงใจดำในละคร

“คุณย่าครับ ผมรู้สึกว่าช่วงนี้คุณย่าอาจจะเหนื่อย แล้วสายตาไม่ดี ใครดีใครไม่ดีก็แยกไม่ออก คุณแม่ผมเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก เธอว่าไง?”

พูดจบ ลู่อันหรานก็หันไปหาไป๋ซินหราน ทำสีหน้าให้เธอช่วยตัวเองพูด

ไป๋ซินหรานคิดไปมา ถึงแม้เธอก็มีแม่เหมือนกัน แต่ไม่เคยเจอหน้า ไม่รู้ว่าเธอดีหรือเปล่า ถ้าอย่างงั้น ผู้หญิงที่ดีกับเธอที่สุดในโลกก็คงจะเป็นคุณน้าหนิงหนิงแล้วล่ะ

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

Status: Ongoing

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท