ลู่อันหรานที่เห็นว่าไป๋ซินหรานไม่อยู่นั้น ก็ไม่วายที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน
เมื่อสักครู่เธอบอกว่าไปเข้าห้องน้ำ ตอนนี้เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วทำไมเธอยังไม่กลับมาอีก?
“นี่ เห็นเด็กผู้หญิงที่มากับฉันมั้ย?”
ลู่อันหรานนิ่งคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจถามออกไป หยงซือเหม่ยเหล่ตามอง“ไม่เห็น”
ลู่อันหรานรู้สึกว่ามันเริ่มจะไม่ใช่แล้ว อยากจะไปหา แต่ไป๋ซินหรานไปเข้าห้องน้ำหญิง เขาเข้าไปไม่ได้
ไม่มีวิธีอื่นนอกเหนือจากไปหาพยาบาลมาช่วยแล้ว
แต่ตอนนี้กลับเป็นช่วงดึก พยาบาลส่วนใหญ่เลิกงานแล้ว เหลือแค่ส่วนน้อยที่ยังเข้าเวรอยู่ ลู่อันหรานหาคนไม่ได้ในเวลาทันทีทันใด
คิดไปมา แล้วกัดฟันตัวเองแน่น เดินไปที่หน้าห้องน้ำหญิงแล้วหน้าด้านตะโกนออกไป“นี่ ซินหราน ไป๋ซินหราน เธออยู่ในนั้นมั้ย?”
ไม่มีเสียงตอบกลับ
แต่ลู่อันหรานรู้สึกว่าเธออยู่ในนั้นแน่นอน จึงตะโกนอีกรอบ หลังจากแน่ใจว่าข้างในนั้นไม่มีคนแล้วจึงแอบเดินเข้าไป
และเขาก็เห็นประตูห้องหนึ่งล็อกไว้
ลู่อันหรานยื่นมือไปเคาะทันที เคาะไปอย่างแรง ในนั้นกลับไม่มีเสียงอะไรเลย
ถ้าข้างในไม่มีคนมันไม่สามารถล็อกไว้ได้ และคงไม่มีคนอื่น ถ้ามีคนอื่นได้ยินเป็นเสียงผู้ชาย ถึงจะเป็นเสียงของเด็กผู้ชายยังไงก็ต้องมีโมโหแหละ
อย่างเดียวที่จะเป็นไปได้คือ ไป๋ซินหรานอยู่ข้างใน และตอนนี้เธอต้องหมดสติไปแล้วแน่ๆ เลยไม่สามารถตอบเขาได้
คราวนี้ลู่อันหรานเริ่มร้อนรน หรือว่าเธอจะอาหารเป็นพิษ?
พอคิดมาถึงตรงนี้ลู่อันหรานยิ่งร้อนรนเข้าไปอีก และก็ไม่ห่วงอะไรอีกแล้ว วิ่งตรงไปที่ห้องคนไข้กดปุ่มฉุกเฉิน
ห้องวีไปพีทุกห้องมีปุ่มนี้กันหมด แค่กดลงไป ตอนนี้โรงพยาบาลก็จะเตรียมเครื่องมือทุกอย่างที่สามารถใช้ได้มา
หยงซือเหม่ยเห็นดังนั้นก็โกรธ“ลู่อันหราน นี่นายทำอะไรน่ะ?”
“เกิดเรื่องแล้ว ฉันเรียกคนมาช่วย”
ลู่อันหรานใจเย็นมาก แม้เขาจะรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ของที่สามารถกดไปเรื่อยได้ แต่ตอนนี้เกิดเหตุฉุกเฉิน เกิดไป๋ซินหรานหมดสติอยู่ในห้องน้ำไม่มีคนไปช่วยเธอล่ะ ไม่แน่เธอไม่มีชีวิตรอดแน่
เพราะฉะนั้น ถึงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแล้วโดนด่า ลู่อันหรานก็ไม่คิดที่จะลังเล
“เกิดอะไรขึ้น?
เด็กผู้หญิงคนนั้นหรอ?”
หยงซือเหม่ยคิดได้ทันที หรือว่าเมื่อสักครู่ที่เธอเดินออกไปแล้ว เด็กผู้หญิงคนนั้นกินชานมไข่มุกที่เธอผสมยาเข้าไปหรอ?
ลู่อันหรานไม่มีกระจิตกระใจมาตอบเธอหรอก หลังจากที่เขากดปุ่มฉุกเฉินแล้วก็รีบมายืนรอคนที่หน้าห้อง
หยงซือเหม่ยมองไปยังแผ่นหลังของเขา อดไม่ได้ที่จะพึมพำว่า“ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอ ก็แค่ยาหยดเล็กๆ”
ลู่อันหรานยืนอยู่หน้าห้องสักพัก
ก็มีหมอไม่กี่คนวิ่งมาอย่างรวดเร็ว
พวกเขาคิดว่าจะเป็นลู่จิ้นยวนจะเกิดอะไรขึ้นอีก เขาเป็นหุ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของโรงพยาบาลนี้ ถ้าเขาเกิดเรื่องอะไรที่นี่ละก็ พวกเขาทั้งหลายอยู่ไม่เป็นสุขแน่ เพราะฉะนั้นเลยมาอย่างรวดเร็ว
แต่พอมาถึงโถงทางเดิน ลู่อันหรานก็มาขวางพวกเขาไว้“ไม่ใช่พ่อผม มีคนเป็นลมในห้องน้ำ ตอนนี้เธอหมดสติไปแล้ว พวกคุณรีบไปช่วยดูหน่อย ”
ลู่อันหรานพูดด้วยความเร่งรีบ หมอแต่ละคนมองหน้ากันและกัน อยู่ดีๆมีเด็กวิ่งออกมาพูดแบบนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนโดนแกล้งเลย
“หนูครับ พวกเราทุกคนยุ่งมากเลยนะครับ อาจจะยังมีคนไข้บางคนตอนนี้ที่กำลังรออยู่ หนูอย่าล้อเล่นนะครับ”
หมอแต่ละคนไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เด็กคนนี้พูด ในตอนที่กำลังจะเอาลู่อันหราน ออกไปนั้น ตอนนี้เองก็มีคนหนึ่งในนั้นนึกออกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของลู่จิ้นยวน คุณชายน้อยของตระกูลลู่
ท่าทีเลยดีขึ้นมา“นี่หนูเป็นลู่อันหราน ลูกชายของลู่จิ้นยวนใช่มั้ย?”
“ครับ เป็นผมเอง?”
ลู่อันหรานถูกคนพวกนี้ที่ชักช้าลีลาอยู่นั้นทำให้โมโห น้ำเสียงก็เริ่มจะไม่สบอารมณ์
แต่ตอนนี้ คนพวกนี้ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนเมื่อสักครู่ ถ้าเป็นลูกชายของลู่จิ้นยวน ก็คงจะไม่เล่นอะไรพิเรนทร์ๆหรอก
“ถ้าอย่างงั้นหนูพาพวกเราไปดูหน่อยสิ”
ลู่อันหรานที่เห็นคนพวกนี้ในที่สุดก็ตอบตกลงช่วยนั้นก็โล่งอก แล้วรีบนำทางไป“เธอบอกไปเข้าห้องน้ำ แต่กลับไม่ออกมาเลยจนถึงตอนนี้ น่าจะประมาณสี่สิบนาทีกว่าๆแล้ว”
หลังจากที่ทุกคนเข้าไปแล้วเห็นประตูล็อกไว้ก็ไม่รู้จะทำยังไง
ในตอนนี้เอง มีผู้ชายที่ตัวสูงคนนึงเปิดปากพูดว่า“แบบนี้ละกัน หนูขึ้นนั่งบนคอหมอ เดี๋ยวหมอจะยกหนูขึ้น แล้วหนูก็ดูว่าในนั้นมีคนมั้ย”
ลู่อันหรานนิ่งคิดแล้วจึงพยักหน้าตอบรับ
คุณหมอยกลู่อันหรานขึ้น เขาปีนขึ้นไปข้างบนของห้องน้ำ มองไป เห็นไป๋ซินหรานอยู่ในนั้นจริงด้วย เธอล้มอยู่ที่พื้น ใบหน้าซีดเผือก ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว
“แย่แล้ว เธอเป็นลมอยู่ในนั้น!”
ลู่อันหรานร้อนรนจนหลุดตะโกนออกมา
พอได้ยินแบบนี้เข้า หมอทุกคนก็ปรึกษากันเรียกเจ้าหน้าที่มาเปิดประตู
ประตูเปิดออกมา ก็มองเห็นร่างเล็กๆของไป๋ซินหรานนอนอยู่ที่พื้น ใบหน้าเล็กๆนั่นแทบจะไม่มีสีของเลือดหลงเหลือ ตรงมุมปากก็มีรอยเลือดเล็กน้อย
“พาไปที่ห้องฉุกเฉินเร็วเข้า”
คุณหมอทั้งหลายที่เห็นดังนั้นก็รีบลงมือทันที
เด็กตัวเล็กหมดสติเป็นเวลานานขนาดนี้แล้ว ดีที่ลู่อันหรานพยายามพาพวกเขามา ไม่อย่างนั้นละก็ ไม่กล้าจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น!
ลู่อันหรานร้อนใจจนจะร้องไห้อยู่แล้ว เขาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ไป๋ซินหรานหมดสติ ตรงมุมปากยังมีรอยเลือดอีก หรือเธอจะกินอาหารที่เขาสั่งมาแล้วอาหารเป็นพิษ?
แต่พวกเขาก็กินด้วยกันหนิ ทำไมเขายังดีๆอยู่เลย ไป๋ซินหรานกลับกลายเป็นแบบนั้น?
ในสถานการณ์คับขันแบบนี้ สมองของเขาก็ไม่ได้แล่นขนาดนั้นแล้ว ได้แต่วิ่งตามหลังของคุณหมอ อย่างกับกลัวว่าจะถูกทิ้ง
ไป๋ซินหรานถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินไป ลู่อันหรานถูกให้รออยู่ข้างนอก เขามองไปที่ประตูที่ปิดสนิทนั่น ทันใดนั้นก็รู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมา รู้สึกเหมือนถูกความกลัวอย่างหนึ่งมาครอบคลุมเขาไว้
ถ้าเกิดเป็นเพราะอาหารที่เขาสั่งมา ทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ละก็ เขาควรทำอย่างไรดี……
ผ่านไปสักพัก มีพยาบาลคนหนึ่งเดินออกมา“หนูครับ ผู้ปกครองเราอยู่ไหนเอ่ย ต่องเซ็นชื่อเข้ารักษาอย่างเร่งด่วนแล้ว รีบไปเรียกผู้ปกครองเรามา!”
ลู่อันหรานที่ได้ยินว่าเข้ารักษาอย่างเร่งด่วน เหมือนโดนสายฟ้าผ่าลงมากลางหัว ตกใจจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“ทำไมถึงอาการเข้าขั้นวิกฤตล่ะ ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
“รายละเอียดเราต้องตรวจสอบอีกที แต่เธอมีอาการแพ้แล้วเกิดอาการช็อค คงจะกินหรือไปโดนอะไรมา”
พอฟังถึงตรงนี้ ร่างของลู่อันหรานเหมือนกับลูกบอลที่ถูกปล่อยลมทิ้ง
ที่แท้ สาเหตุเป็นเพราะเขานั่นเอง
“หนูครับ เรียกผู้ปกครองของเรามาเร็ว ไม่อย่างนั้นจะพลาดโอกาสที่จะช่วยชีวิตของเธอนะ ผลที่ตามมาร้ายแรงมาก”
พยาบาลที่เห็นลู่อันหรานนั้นเหมือนคนวิญญาณหลุดจากร่างก็รู้สึกสงสาร แต่ถ้าไม่มีลายเซ็นของญาติคนไข้มารับรอง พวเขาก็ไม่สามารถทำการลงมือรักษาได้ จึงได้แค่พูดเร่งไปอีก