เวินหนิงจงใจพูด เธอพูดจบ ก็จ้องตาหยงซือเหม่ยอยู่อย่างนั้น
หยงซือเหม่ยได้ยินว่าอาหารเป็นพิษ อดไม่ได้ที่จะจับจมูกตัวเอง “อาหารเป็นพิษ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
พอเห็นท่าทางของเธอ เวินหนิงก็แน่ใจกว่าเดิม ตอนที่คนร้อนตัวแล้วพูดโกหกชอบจับจมูก เพราะฉะนั้น ยาที่ไป๋ซินหรานกินเข้าไป ต้องเกี่ยวกับหยงซือเหม่ยแน่ๆ
“เรื่องเป็นยังไง ยังต้องไปสืบก่อน แต่ว่า ถ้าฉันรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร ฉันไม่ปล่อยง่ายๆแน่”
เวินหนิงพูดแบบนี้ เลยทำให้หยงซือเหม่ยเริ่มกระวนกระวายใจ
หรือว่าเธอทิ้งหลักฐานอะไรไว้ เมื่อกี้ตอนที่เธอกลับมา เห็นว่าของที่กินเหลือถูกทิ้งหมดแล้ว เพื่อกันไว้ หยงซือเหม่ยเลยไปเช็คให้แน่ใจ ถังขยะก็สะอาดแล้วด้วย
อีกอย่าง ในห้องพักฟื้นไม่มีกล้องวงจรสักหน่อย
ถึงแม้เวินหนิงจะสืบ ก็ไม่น่ามีหลักฐาน
พอคิดแบบนี้ หยงซือเหม่ยค่อยโล่งใจ “งั้นแกก็ไปสืบดีๆแล้วกัน แต่ว่า ตอนนี้แกไปได้แล้ว!”
เวินหนิงก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อ “ไม่รอคุณไล่ ฉันก็จะไปเอง”
พูดไปด้วย เดินเข้าไปเรียกลู่อันหรานออกมาด้วย
ลู่อันหรานเห็นว่าลู่จิ้นยวนฟื้นแล้ว ยังรู้สึกดีใจอยู่ แต่ว่าตอนนี้ลู่จิ้นยวนยังอยู่ในฤทธิ์ยาชาอยู่ เพิ่งฟื้นมาได้ครู่หนึ่ง ก็หลับต่อแล้ว
“พ่อครับ พ่อต้องรีบดีขึ้นนะครับ”
พูดจบ ลู่อันหรานค่อนตัดใจไปจากที่นี่
ถึงแม้เวินหนิงยังอยากให้พวกเขาอยู่ด้วยกันไปก่อน แต่ว่าตอนนี้ไป๋ซินหรานยังต้องย้ายโรงพยาบาล อีกอย่าง ตัวอันตรายอย่างหยงซือเหม่ยอยู่ที่นี่ เธอไม่มีทางทิ้งเขาอยู่ในโรงพยาบาลคนเดียวแน่นอน
ลู่อันหรานเข้าใจว่าสถานการณ์ตอนนี้ซับซ้อน ไม่ได้งอแง แล้วเดินตามเวินหนิงไปจากที่นี่
ถึงแม้ลู่จิ้นยวนยังนอนสลบอยู่ แต่ก็เหมือนรู้สึกได้ เลยขยับริมฝีปาก “อย่าไป……หนิงหนิง……”
หยงซือเหม่ยที่นั่งอยู่ข้างๆได้ยินเสียงพึมพำของเขา แม้แต่สลบอยู่ยังเรียกชื่อเวินหนิง จึงรู้สึกโมโหมาก
ผู้หญิงคนนั้น มีอะไรดีกันแน่ ทำให้ถึงทำให้เขาฝังใจขนาดนี้
……
เวินหนิงนั่งอยู่บนรถฉุกเฉินที่จะพาไป๋ซินหรานย้ายโรงพยาบาล เหนื่อยมาก แต่ก็ไม่กล้าวางใจ
ลู่อันหรานที่ล้าเหมือนกัน ล้าจนนั่งหลับไปแล้ว
เวินหนิงถอดเสื้อคลุมตัวเองไปคลุมบนตัวเขา ในใจก็วุ่นวายมาก
ถ้าเป็นไปได้ เธอไม่อยากให้ลู่อันหรานได้รับผลกระทบเพราะความขัดแย้งของผู้ใหญ่เลย เธออยากให้เขามีความสุขไปตลอด
แต่ว่า ความใสซื่อของเด็กคนนี้ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งรักษาไว้ยาก
เวินหนิงถอนหายใจ แล้วหันมองไป๋ซินหรานที่นอนอยู่
ถึงแม้ตอนนี้เธอพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ว่ายังไม่ฟื้น เวินหนิงจึงรู้สึกผิดกับเด็กคนนี้มาก ทีแรกคิดว่าเธอจะมีความสุขที่ได้หลุดพ้นจากการทารุณของแม่เลี้ยง
คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะเจอเรื่องแบบนี้
ความคิดต่างๆตีกันวุ่นไปหมด เลยทำให้เวินหนิงเหนื่อยใจมากๆ
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง รถก็จอดหน้าโรงพยาบาล
เวินหนิงดึงสติกลับมา จัดการห้องพักฟื้นให้ไป๋ซินหรานก่อน จากนั้นก็ให้ลู่อันหรานไปนอนที่คุณแม่ นี่เลยค่อยโล่งใจไปหน่อย
ที่นี่ถือว่าปลอดภัย รอเวินหนิงจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จ ฟ้าก็ใกล้จะสว่างแล้ว
เธอค่อยรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้นอนมาทั้งคืน แล้วท้องก็ว่างด้วย
แต่เพราะว่าเหนื่อยเกินไป เวินหนิงเลยไม่ได้สนใจอะไรมาก จึงนอนลงที่ห้องพักฟื้น
……
รอเวินหนิงตื่น เห่อจื่ออันก็ยินอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าตำหนิ “หนิงหนิง ทำไม่เธอไม่สนใจร่ากายตัวเองเลย เธอความดันต่ำจนสลบ แถมไข้ขึ้นด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะตอนเช้าพยาบาลเห็นว่าสีหน้าเธอแปลกๆ เธออาจจะเป็นอะไรไปแล้วก็ได้”
เวินหนิงค่อยเห็นเข็มบนหลังมือตัวเอง แล้วเธอก็รู้สึกมึนหัวด้วย
“ฉัน เป็นลม? ฉันคิดว่าตัวเองหลับซะอีก”
เวินหนิงจับหน้าผากตัวเอง เหมือนจะร้อนจริงๆด้วย
“เธอน้า ดูแลตัวเองหน่อยได้ไหม?”
เห่อจื่ออันส่ายหน้า “เมื่อวาน เจอเรื่องอะไรมาหรือเปล่า ทำไมไม่เรียกฉัน?”
ตอนที่เห่อจื่ออันมา ก็เห็นลู่อันหรานอยู่ด้วย ทั้งๆที่วันนี้ต้องไปเรียน แต่เวินหนิงไม่ได้ส่งเขาไปโรงเรียน แล้วท่าทางของลู่อันหราน แค่ดูก็รู้ว่าผิดปกติ
ถึงแม้เด็กน้อยไม่อยากพูดอะไรกับตัวเอง แต่เห่อจื่ออันก็เดาออก ต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ๆถึงเป็นแบบนี้
“ฉันประมาทไปเอง ฉันไม่ควรทิ้งเด็กสองคนนั้นที่นั่น”
เวินหนิงเล่าเรื่องคร่าวๆ กับเรื่องของไป๋ซินหราน เธอก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี
“หยงซือเหม่ยเป็นคนทำ?”
พอเห่อจื่ออันได้ยิน สายตาจึงเข้มงวด
เขาคิดมาตลอดว่าผู้หญิงคนนั้นโง่ แต่ว่า คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะอำมหิตขนาดนี้ จนถึงขั้นลงมือกับเด็ก
“ฉันสงสัยว่าเป็นเธอ ท่าทางของเธอก็ไม่ปกติ แต่ว่า ของถูกทิ้งไปแล้ว น่าจะไม่มีหลักฐานแล้ว”
เวินหนิงรู้สึกเจ็บใจ
เห่อจื่ออันจึงปลอบใจเธอ “จะโทษเธอทั้งหมดก็ไม่ได้ ใครก็คิดไม่ถึงว่าเธอจะบ้าขนาดนั้น ตอนนี้ยังทำอะไรเธอไม่ได้ ต้องรอให้ไป๋ซินหรานดีขึ้นก่อน”
เวินหนิงพยักหน้า “จื่ออัน นายพูดถูก แต่ฉันคิดว่า ควรจะหาแม่เธอมาหรือเปล่า ถ้าเธอฟื้นแล้วเจอแม่ ต้องดีใจมากๆเลยใช่ไหม?”
ตอนนี้เวินหนิงกำลังคิดว่าจะชดใช้ไป๋ซินหรานยังไง เพื่อที่จะลดความรู้สึกผิดในใจ
“ฉันรู้แล้ว เรื่องนี้ฉันจัดการเอง เธอพักผ่อนที่นี่ก่อน ถ้าหมอไม่อนุญาต เธอห้ามไปไหนทั้งนั้น”
เห่อจื่ออันพูดอย่างเข้มงวด น้ำเสียงก็หนักแน่มาก
เวินหนิงทำอะไรไม่ได้ “ได้ ฉันรู้แล้ว”
เห่อจื่ออันค่อยวางใจ “ไว้ใจเถอะ ในเมื่อเธอสืบจนรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เรื่องที่พาเธอมา ไว้ใจให้ฉันจัดการเถอะ”
เวินหนิงพยักหน้า เห็นเห่อจื่ออันออกไป ค่อยนอนลงบนเตียงแล้วถอนหายใจยาว
เมื่อกี้ยังไม่ค่อยรู้สึก ตอนนี้แค่เธอขยับก็เวียนหัวมาก ดูเหมือนว่า อาการจะหนักจริงๆสินะ
ทั้งๆที่ยังมีเรื่องเยอะแยะที่เธอต้องไปทำ แต่ร่างกายกลับไม่เอาไหนเลย
เวินหนิงหงุดหงิดมาก อดนึกถึงสถานการณ์ที่ลู่จิ้นยวนไม่ได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง
หยงซือเหม่ย คงไม่บ้าจนลงมือกับลู่จิ้นยวนหรอกมั้ง?
แต่ว่า มีผู้หญิงที่จิตใจอำมหิตอยู่ข้างกายเขา เวินหนิงรู้สึกไม่สบายใจเลย
ถึงแม้ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่เธอจะไปยุ่งด้วยก็ตาม