ฝ่ามือที่ดูราวกับปีกที่กระพือขึ้นมา มันตบตรงเข้าไปที่ภูเขาในทันที จากนั้นภูเขาทั้งลูกก็พังสลายลง!
เศษหินจำนวนนับไม่ถ้วนก็ตกลงมาจากภูเขาลูกนี้ เมื่อมันตกลงมาที่พื้นมันก็แหลกสลายเป็นผงไปในทันที!
เย่อจุนที่อยู่ไกลออกไปก็กลืนน้ำลาย เค้าถึงกับมองตาค้าง!
“นี่…นี่มันเกินไปแล้ว…” เย่อจุนกลืนน้ำลายอย่างบ้าคลั่ง “ไม่ได้บอกว่าพลังปราณมันถูกระงับอย่างงั้นหรอกเหรอ มันฟื้นกลับคืนมาได้ยังไงกัน?”
เย่อจุนขยับมือและเท้าของตัวเอง จากนั้นเค้าก็พบว่าพลังปราณของตัวเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมา
แต่ฉินเฉิงทำมันได้ยังไงกัน?
ฝุ่นมันก็ค่อยๆตกลงมาแล้วก็ยังมีพลังแปลกๆที่แผ่ออกมาจากพวกมัน
แสงที่มืดมนมันก็แผ่ออกไป จากนั้นแสงสีแดงในร่างกายของฉินเฉิงมันก็หายไปในทันที
“พี่ฉิน นายสุดยอดมาก!” เย่อจุนรีบวิ่งเข้าไป เค้าพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น: “พี่ฉิน นายทำได้ยังไงกัน?”
ฉินเฉิงเช็ดเลือดบนร่างกายของเค้า เค้าขมวดคิ้วจนแน่น
เค้ารู้สึกอย่างชัดเจนเลยว่าพลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองดูเหมือนว่ามันจะถูกระงับ ร่างกายทั้งหมดของเค้า เค้าไม่สามารถคุมมันได้เลย
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” สีหน้าของฉินเฉิงก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อย
หรือว่าพลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองยังคงถูกระงับอยู่? แต่พลังแห่งจิตศักดิ์สิทธิ์นี่ มันเป็นของใครกัน ทำไมพลังนี้ถึงได้น่าสะพรึงกลัวและทรงพลังเหลือเกิน?
“พี่ฉิน รีบดูนี่สิ!”
ในตอนนี้เอง เย่อจุนก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
เมื่อมองไปรอบๆ เค้าก็มองเห็นของสองสิ่งที่อยู่ท่ามกลางฝุ่น
แสงสีเขียว แม้แสงของมันจะสลัวเล็กน้อย แต่มันก็เต็มไปด้วยความลึกลับ
ส่วนอีกอันหนึ่งมันก็เป็นแสงสีเข้ม
“หนึ่งหม้อสัมฤทธิ์ หนึ่งรูปภาพ” สีหน้าของเย่อจุนตื่นเต้นมาก แม้ว่าเค้าจะไม่รู้ว่าของสิ่งนี้มันเป็นอะไร แต่สำนักที่เหลืออยู่ก็ได้สละพลังงานมากมายเพื่อปกป้องของทั้งสองสิ่งนี้ นี่มันก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่าของสองสิ่งนี้มันสำคัญมากสำหรับพวกเค้า
“พี่ฉิน พวกเราคนละชิ้น โอเคไหม?” เย่อจุนก็พูดขึ้นมา
ฉินเฉิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “ไม่ได้บอกว่าสามสิบเจ็ดสิบอย่างงั้นเหรอ?”
“โอ้ นายเสียพลังไปตั้งมากมายเพื่อจัดการกับภูเขาลูกนี้ ฉันจะให้นายแค่สามสิบเปอร์เซ็นได้ยังไงกัน ยิ่งไปกว่านั้น ของมันก็มีสองชิ้น มันไม่มีทางแบ่งเป็นเจ็ดสิบเปอร์เซ็นได้เลย” เย่อจุนก็พูดขึ้นมา
ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วไม่แสดงความคิดเห็นอะไร
เค้าก้าวเข้ามาแล้วเอามือลูบไปที่หม้อสัมฤทธิ์
หม้อสัมฤทธิ์นี้มันมีน้ำหนักมากแล้วก็ยังมีกลิ่นหอมจางๆ
หากสังเกตดีๆ มันจะมีควันที่ลอยออกมาอย่างช้าๆ
“ฉันจะเอาหม้อสัมฤทธิ์นี่” แม้ว่าฉินเฉิงจะไม่รู้ว่าหม้อใบนี้มันใช้งานยังไง แต่เสียงในใจของเค้ามันก็บอกให้เอาหม้อใบนี้มา
“ไม่มีปัญหา!” เย่อจุนไปเก็บภาพมาโดยไม่พูดอะไรซักคำ
“หม้อสัมฤทธิ์นี่มันใหญ่มาก ฉันจะเอามันออกไปได้ยังไงกัน” ฉินเฉิงขมวดคิ้ว เค้าเอามือลูบไปที่คาง
ตอนนี้ฉินเฉิงก็ยังอยู่ในขั้นของการฝึกแบบอดข้าวอดน้ำก็เท่านั้น มันยังห่างไกลจากการเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายอยู่มาก
แต่หม้อสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่แบบนี้ มันจะเอาไปไม่ได้เลยเหรอน? แม้ว่าพวกเค้าจะเอามันออกไปได้ แต่ก็จะต้องโดนโจวติ่งเข้ามาขวางแล้วฉกมันไปอยู่ดี
“พี่ฉิน” ในตอนนี้เอง ดูเหมือนว่าเย่อจุนจะดูออกว่าฉินเฉิงกำลังลำบาก เค้ายิ้มแล้วพูดว่า: “ฉันจะให้ของขวัญนาย”
“ให้ของขวัญฉัน?” ฉินเฉิงมองไปที่เย่อจุนด้วยความประหลาดใจ “ทำไมกัน?”
เย่อจุนยิ้มแล้วพูดว่า: “เมื่อกี้นายก็เกือบเอาชีวิตของตัวนายเองเข้าไปตาย ตอนนี้ในใจฉันก็รู้สึกแย่เล็กน้อย ของขวัญนี้ถือว่าเป็นการชดเชยให้แก่นายก็แล้วกัน”
หลังจากพูดจบ เย่อจุนก็พลิกฝ่ามือแล้วมันก็เห็นแหวนมรกตที่ตกลงมาจากฝ่ามือของเค้า
“นี่คือ?” ฉินเฉิงหยิบแหวนขึ้นมา แววตาของเค้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจแล้วก็ไม่เข้าใจอะไรเลย
เย่อจุนหัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า: “พี่ฉิน นายเคยได้ยินเรื่องแหวนเก็บของไหม?”
“แหวนเก็บของ?” ฉินเฉิงตกตะลึง ในขณะเดียวกันเค้าก็ดีใจมาก: “นายหมายถึง…นี่คือแหวนเก็บของอย่างงั้นเหรอ?”
“ใช้แล้ว” เย่อจุนพยักหน้า “แน่นอน นี่เป็นเพียงแหวนเก็บของระดับสีเหลือง มันเป็นระดับต่ำสุด มันสามารถเก็บของที่น้ำหนักประมาณหนึ่งหมื่นกิโลได้”
ฉินเฉิงหยิบแหวนขึ้นมาแล้วพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า: “ขอบใจมาก!”
“พี่ฉินกัดนิ้วของตัวเองแล้วหยดเลือดลงบนแหวน” เย่อจุนก็พูดขึ้นมา
ฉินเฉิงรีบทำตามวิธีการของเย่อจุน เค้ากัดนิ้วของตัวเองและหยดเลือดลงบนแหวน
ทันทีที่แหวนสัมผัสกับเลือด มันก็มีเสียง “ซ่าาาา” ดังขึ้นมา
หลังจากนั้น ลมหายใจที่มืดมนก็ไกลเข้าไปตรงกลางระหว่างคิ้วของฉินเฉิง
“ได้แล้วแหละ” เย่อจุนพูดขึ้นมาว่า “ด้วยการเคลื่อนไหวของจิต นายก็สามารถจะสั่งให้แหวนเก็บของได้”
ฉินเฉิงพยักหน้า ตามวิธีที่เย่อจุนพูด เค้าก็เก็บหมอสัมฤทธิ์นั่นเข้าไปในแหวน
“นายช่วยฉันไว้เยอะเลย!” ฉินเฉิงพูดกับเย่อจุน “เรื่องในครั้งนี้ ฉันฉินเฉิงจะจดจำไว้”
เย่อจุนโบกมือขึ้นมาแล้วพูดว่า: “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอคนอย่างพี่ฉินที่ไม่มีทางย้อมแพ้ถ้าทำไม่สำเร็จ บอกตามตรง ฉันชื่นชมนายมาก”
ฉินเฉิงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ถ้าคุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างฟุ่มเฟือย ใครจะไม่ทำมัน?
ถ้าไม่ใช่เพราะถูกบังคับด้วยชีวิต ใครจะยอมทนทุกข์
“พี่ฉิน จะไปที่สุสานกันฉันเถอะ!” เย่อจุนพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเราสองคนร่วมมือกัน ในโลกนี้มันก็ไม่มีของมีค่าอะไรที่พวกเค้าจะเอามาไม่ได้!”
ฉินเฉิงก็พูดติดตลกว่า: “รอจนให้ถึงวันนั้นก่อนหละกัน ฉันจะไปกับนายแน่”
เย่อจุนก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจังว่า: “งั้นก็พูดแล้วนะ ฉันจะรอนาย!”
ฉินเฉิงโบกมือ หลังจากนั้นเค้าก็นึกอะไรอย่างได้แล้วถามว่า: “พี่เย่อ ฉันมีกำไลข้อมือเพรชพระสูตรที่แตก นายพอจะช่วยซ่อมมันได้ไหม?”
“กำไรเพรชพระสูตร? กำไรเพรชพระสูตรอะไรกัน?” เย่อจุนก็บ่นขึ้นมา
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “ช่างมันเถอะ ไว้มีโอกาสฉันจะเอามันให้นายดู”
“ได้สิ” เย่อจุนพยักหน้าแล้วตกลง
ฉินเฉิงอยากจะเดินดูรอบๆที่นี่อีกซักครั้ง แต่เย่อจุนก็โบกมือแล้วบอกเค้าว่า: “ถ้าเข็มทิศสวรรค์ไม่บอกอะไรหละก็ มันก็ไม่มีของมีค่าอะไรแล้วหละ ถ้ามีก็คงเป็นแค่กระดูกไก่ พวกเรารีบไปกันเถอะ ”
“อืม” ฉินเฉิงพยักหน้าแล้วตอบตกลง
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆฉินเฉิงก็หยุดเดิน
เค้ามองไปที่เย่อจุนแล้วพูดว่า: “พี่เย่อ นายไปกันก่อนเลย”
“ทำไมล่ะ?” เย่อจุนพูดอย่างมึนงง
ฉินเฉิงพูดด้วยน้ำที่จริงจัง: “บางทีอาจมีคนกำลังรอฉันอยู่ที่ทางเข้า”
“โจวติ่ง?” ดูเหมือนว่าเย่อจุนจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้
ฉินเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น: “ใช่ ถ้านายอยู่กับฉัน นายจะต้องติดร่างแหไปด้วย”
เย่อจุนหัวเราะแล้วพูดว่า: “แม้ว่าฉันจะออกไปคนเดียว เค้าก็ไม่ปล่อยฉันไปหลอก นายเชื่อไหม”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้ว เย่อจุนก็ยิ้มแล้วพูดว่า: “ข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของ สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งจิงตูก็คือความมั่นใจในตัวเองที่มีมากเกินไป”
“นายหมายความว่ายังไงกัน?” ฉินเฉิงถามอย่างสงสัย
เย่อจุนก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นมาว่า: “สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งจิงตูยังหาทางออกที่สองไม่เจอ อย่างที่ทุกคนรู้ เหนือฟ้ายังมีฟ้า”
ฉินเฉิงตกตะลึงแล้วพูดด้วยความประหลาดใจ: “หรือว่า… นายมีวิธีอื่น?”
เย่อจุนก็พูดอย่างตั้งใจเล็กน้อยว่า: “ถ้าฉันไม่มีความมั่นใจ ฉันจะกล้ายืนหยัดต่อสู้กับโจวติ่งอย่างงั้นเหรอ?”