“ผู้อำนายการชาง เรื่องนี้สมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูต้องจัดการให้เรา” จิงหนานพูดอย่างข่มขู่ “ไม่อย่างนั้น ฉันจะไปขอคำอธิบายจากหัวหน้าของพวกคุณอย่างแน่นอน”
ชางโจวกัดฟันแล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาบนใบหน้าของเค้า: “คุณจิง ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ผมจะต้องจัดการมันอย่างแน่นอน”
“หึ!” จิงหนานถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชาแล้วเดินจากไป
ในตอนนี้เอง ซงดาก็ตะโกนขึ้นมา เค้าสั่นนิ้วแล้วตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง: “ฉินเฉิง วันนี้มันจะต้องเป็นวันตายของแก!”
“จะต้องตายอะไรกัน!” ชางโจวพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ “แกทำอย่างกับว่าสมาคมศิลปะการต่อสู้ของเราไม่มีตัวตนอย่างงั้นเหรอ!”
จู่ๆซงดาก็ดูกระอักกะรอ่วมเป็นอย่างมาก เค้าอดไม่ได้ที่จะด่าตัวเองขึ้นมาในใจ
แม้ว่าสมาคมศิลปะการต่อสู้แห่งเมืองจิงตูจะปิดตาข้างหนึ่ง แต่เค้าก็ไม่สามารถโจมตีฉินเฉิงต่อหน้าชางโจวได้ …
“ขออภัยด้วย ผู้อำนวยการชาง…” ซงดาทำได้เพียงแค่กัดฟันแล้วขอโทษ
หลังจากที่ฉินเฉิงเก็บหม้อสัมฤทธิ์แล้ว เค้าก็เหลือบมองไปที่ซงดาอย่างเย็นชา จากนั้นก็หันหลังแล้วเตรียมที่จะจากไป
“พี่ฉิน ช้าก่อน!”
ในตอนนี้เอง จู้เหยาที่อยู่ไม่ไกลก็ไล่ตามเข้ามา
เธอยิ้มแล้วพูดว่า: “พี่ฉิน พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ฉันไม่เป็นไร” ฉินเฉิงพูดว่า “ฉันต้องพักผ่อนซะหน่อยเดี๋ยวก็ดี”
จู้เหยาพยักหน้าเบาๆแล้วพูดว่า: “ที่บ้านฉินมียาจินฉวงอยู่ ทำไมนายไม่ไปที่คฤหาสน์ตระกูลจู้แล้วพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้หละ”
ฉินเฉิงลังเลอยู่ซักพัก จากนั้นเค้าก็พยักหน้าแล้วพูดว่า: “พอดีเลยฉันเองก็มีเรื่องอยากจะพูดกับเธอ”
อย่างนั้น ฉินเฉิงก็เลยขึ้นรถของตระกูลจู้ไป
ระหว่างทาง ฉินเฉิงก็เอาแต่คิดถึงชายลึกลับคนนั้น
เบื้องหลังของอาวุธเวทย์มนตร์นั่นคืออะไรกัน?
แม้แต่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลซูและตระกูลชู เกรงว่าพวกเค้าเองก็ไม่มีอาวุธที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้!
และบุคคลลึกลับคนนี้สามารถฉกฉวยของด้วยการมีอาวุธวิเศษ นี่มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ!
“พี่ฉิน นายกล้ามากเลย นี่มันไม่รู้ว่าจะอธิบายความกล้าหาญของนายยังไงเลยจริงๆ” จู้เหยาก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นมา
ฉินเฉิงเหลือบมองไปที่จู้เหยาแล้วพูดว่า: “คุณหนูจู้ เธอพูดเรื่องเหลวไหลอะไรกัน ฉันแต่ป้องกันตัว มันไม่มีอะไรน่ายกย่องเลย”
จู้เหยากลับไม่คิดอย่างนั้น เธอพูดว่า: “มันมีสองทางเลือก คือต่อต้านหรือไม่ก็ยอมจำนน”
ฉินเฉิงยิ้มแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
ไม่นาน รถก็ขับมาถึงที่คฤหาสน์ตระกูลจู้ จากนั้นจู้เหยาก็หยิบยาจินฉวงออกมาแล้วใช้มันรักษาฉินเฉิงด้วยตัวเธอเอง
ท่าทีของเธอมันดูสง่าและงดงามเป็นอย่างมาก เธอลงมือทำมันด้วยตัวเอง
สิ่งนี้ทำให้ในใจของมู่หลานโกรธมาก เค้ากำหมัดแน่นแล้วอยากที่จะฟันฉินเฉิงด้วยกระบี่นับพันเล่ม!
หลังจากที่ ฉินเฉิงสัมผัสได้ถึงพลังแห่งจิตสังหารนี้ เค้าก็หัวเราะแล้วพูดว่า: “คุณหนูจู้ เดี๋ยวฉันจะทำมันเอง”
จู้เหยายิ้มแล้วยื่นยาจินฉวงในมือให้กับฉินเฉิง
“คุณหนูจู้ ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าใต้ผ้าคลุมนั่นใบหน้าของเธอเป็นยังไงกันแน่” ฉินเฉิงวางยาจินฉวงไว้บนโต๊ะแล้วมองไปที่จู้เหยาอย่างติดตลก
จู้เหยาหัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า : “นายคิดว่ายังไงกันหละ?”
“อืม มันก็คงจะต้องหาที่เปรียบไม่ได้เลย” ฉินเฉิงพูดตามจริง “ฉันคิดว่ามันน่าจะต้องเป็นใบหน้าที่สามารถครอบงำสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งได้”
“คุณฉินนี่ปากหวานจริงๆ” จูเหยาปิดปากแล้วยิ้มขึ้นมา
“ฉันพูดตามความจริง” ฉินเฉิงพูด
ในตอนนี้เอง ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจังว่า: “ฉันสงสัยอยู่อย่าง เธอรู้ได้ยังไงกันว่าวันนี้พวกเค้าจะมาล้อมฉัน”
จู้เหยาครุ่นคิดอยู่ซักพัก จากนั้นเธอก็พูดขึ้นมาว่า: “ฉันก็แค่บังเอิญได้ยินคนอื่นพูดกันเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นข้อแก้ตัว แต่เนื่องจากจู้เหยาไม่เต็มใจจะพูด ฉินเฉิงก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อ
“ทำไมเธอไม่มาอยู่กับฉันหละ?” ฉินเฉิงพูดต่อ
จู้เหยาหัวเราะเบาๆแล้วพูดว่า : “เพราะฉันอยากรู้ว่านายจะรับมือยังไง?”
ฉินเฉิงเงียบไม่พูดอะไร
ความรู้สึกที่จู้เหยามอบให้กับฉินเฉิงนั้น มันคล้ายกับเซียงเหม่ยเอ๋อมาก
ผู้หญิงสองคนนี้ ไม่สามารถดูท่าทีของพวกเธอได้เลย
“ช่วงนี้เถิงอาวไปเก็บตัว” จู้เหยายิ้มเบาๆ “นายต้องระวัง เมื่อเขาออกจากการเก็บตัวแล้ว นายจะเป็นคนแรกที่เค้าไปหาอย่างแน่นอน”
ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “เถิงอาว เค้าไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันเลยด้วยซ้ำ”
“ศิษย์อันดับหนึ่งของเหยี่ยเซี่ยยังไม่อยู่ในสายตาของนายอีกเหรอ?” จู้เหยาพูดขึ้นมาอย่างขบขัน เธอกระพริบตาแล้วมอง
ฉินเฉิงพูดอย่างเฉยเมยว่า “คนที่ทำให้ฉันรู้สึกกลัวจริงๆ มีเพียงแค่สองคนเท่านั้น”
“สองคนไหนกัน?” จู้เหยาถามขึ้นมา
“เธอกับฮั่นจิ่วเถียน” ฉินเฉิงลุกขึ้น “คุณหนูจู้ ฉันมีธุระ อย่างงั้นก็คงจะต้องขอตัวก่อน”
เค้าไม่เปิดโอกาสให้จู้เหยาได้พูดอะไร ฉินเฉิงก็เดินออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลจู้ในทันที
จู้เหยามองตามหลังฉินเฉิงไป มันดูไม่ออกเลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“คุณหนูครับ!” หลังจากที่ฉินเฉิงเดินออกไปแล้ว มู่หลานก็คุกเข่าลงที่พื้นพร้อมกับเสียง “พัฟ”
“ผมไม่รู้เลยว่าคุณหนูจะชอบฉินเฉิงมากขนาดนี้! เค้าก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่หยิ่งจองหองก็เท่านั้น!” มู่หลานกัดฟันแล้วพูดออกมา
จู้เหยาเหลือบมองเค้า เธอส่ายหัวแล้วพูดว่า “นายไม่เข้าใจ”
“คุณหนู ผม…”
มู่หลานต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู้เหยาก็เดินออกไปแล้ว
…
หลังจากที่กลับไปที่อพาร์ตเมนต์ ฟางเสี่ยวเต๋อกับหยานหยุนก็เดินเข้ามาพร้อมกัน
“นาย…นายเป็นอะไรไป? ทำไมเลือดเยอะขนาดนี้?” ฟางเสี่ยวเต๋อดูตื่นตระหนก ท่าทีของเธอดูรีบร้อน เธอไม่รู้เลยว่าจะต้องทำยังไงดี
ฉินเฉิงยิ้มแล้วพูดว่า: “โอกาสมาถึงแล้ว”
“โอกาสอะไร?” ฟางเสี่ยวเต๋อพูดด้วยความสับสน
ฉินเฉิงมองไปที่หยานหยุนแล้วพูดว่า: “ฉันจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในไม่ช้า”
หยานหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “หรือว่าเพราะเรื่องนี้ คุณถึงไดัรับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้?”
“ไม่ใช่หรอก” ฉินเฉิงกลอกตา “อย่ากังวลให้มากนัก”
หยานหยุนถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แม้ว่าเค้าจะไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ในใจเค้าก็ยังคงรู้สึกแปลกๆ
จากนั้น ฉินเฉิงก็มองไปที่ฟางเสี่ยวเต๋อแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “เอาล่ะ ร้องไห้อะไรกัน ไม่ต้องมาร้องไห้ทุกครั้งที่ฉันได้รับบาดเจ็บหรอกน่า”
ฟางเสี่ยวเต๋อปาดน้ำตาแล้วสะอื้นไห้: “ความรู้สึกของฉันทั้งหมด ฉันร้องไห้…”
“ไร้สาระน่า!” ฉินเฉิงกลอกตา “เอาหละ ฉันเหนื่อย ฉันจะไปพักผ่อนหละ”
หลังจากกลับมาที่ห้องของตัวเอง ฉินเฉิงก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง เค้าค่อยปรับพลังปราณในร่างกายของตัวเอง
การโจมตีของจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่นั้น มันน่ากลัวมากจริงๆ ร่างกายที่แข็งแกร่งของฉินเฉิงก็แทบจะแบกรับไม่ไหว
“จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริง ไม่รู้เลยว่ามันจะน่ากลัวแค่ไหนกัน” ฉินเฉิงถอนหายใจออกมา
ในตอนกลางคืน บาดแผลของฉินเฉิงก็ค่อยๆหายเป็นปกติ
เค้าปรับพลังปราณให้ถึงจุดสูงสุดแล้วค่อยออกมาจากที่พัก
…
ที่สำนักเทียนหยวน ซงดาก็กำลังดื่มอยู่อย่างสนุกสนาน
“เข้ามา เอาเหล้าไปอุ่นมาให้ฉัน” ซงดายื่นเหล้าอันล้ำค่าในมือให้พนักงานเสิร์ฟที่อยู่ข้างๆเค้า
สิบนาทีต่อมา ซงดาก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นมาว่า: “เหล้าของกูอยู่ไหน ทำไมมันช้าขนาดนี้!”
“มาแล้ว” หลังจากนั้นไม่นาน เสียงก็ดังขึ้นมา
หลังจากนั้นก็เห็นพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ไม่ไกลออกไปก็กำลังถือเหล้าแล้วเดินเข้ามา
“ทำไมถึงได้ช้าขนาดนี้!” ซงดาด่า
วันนี้เค้าอารมณ์ไม่ดี ทั้งหมดมันเป็นเพราะเค้าล้มเหลวในการฆ่าฉินเฉิงแล้วยังต้องเสียเงินอีกกว่าแปดพันล้านหยวน ด้วยความไม่พอใจเค้าเลยเตะเข้าไปที่หน้าอกของพนักเสิร์ฟ
แต่นั่นมันก็ทำให้ซงดาตกใจ พนักงานเสิร์ฟไม่ขยับเลย แต่เค้ากลับคว้าหน้าแข้งของตัวเองเอาไว้