เย่หว่านเอ๋อยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองรถไกลออกไปเรื่อยๆ เธอยังอึ้งไม่หาย
เธอเตรียมใจมาในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ว่าอวี้อี่มั่วจะปฏิเสธ แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะพูดออกมาแบบนี้
อย่าทำเรื่องที่น่าผิดหวังแบบนี้อีก……
หรือว่า เขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว กับสิ่งที่เธอทำลงไป?
ความคิดนี้เหมือนกับสายฟ้าผ่าลงข้างหูของเธอ จนร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปหมด
แต่เธอก็สงบลงอย่างรวดเร็ว และคิดต่อว่า
ถ้าอวี้อี่มั่วรู้เรื่องที่เธอเป็นคนทำให้ข้อตกลงของบริษัทอวี้กรุ๊ปรั่วไหล เขาคงไม่แสดงสีหน้าแค่นี้หรอก เพราะฉะนั้น สีหน้าของเขาแบบนี้ แสดงว่าเขายังไม่รู้เรื่องที่เธอเป็นคนทำแน่นอน แต่อาจจะสงสัยในตัวเธอมากขึ้น…
ดูแล้ว หลังจากวันนี้ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรต้องระมัดระวังขึ้นแล้ว
เย่หว่านเอ๋อกำมือแน่น หน้าของเธอซีดลง จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เธอรีบหยิบมือถือขึ้นมาโทรออกทันที
เพียงครู่เดียว ก็มีเสียงของฮั่วชวนรับสาย : “ฮัลโหล คุณหนู มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
เย่หว่านเอ๋อสูดลมหายใจเข้า พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า : “เรื่องที่ให้นายไปจัดการ ต้องเก็บให้สะอาดอย่าให้หลงเหลือหลักฐานแม้แต่นิดเดียว อวี้อี่มั่วเหมือนจะเริ่มสงสัยฉันแล้ว”
คู่สายนิ่งไปชั่วครู่ ฮั่วชวนรีบพูดต่อว่า : “คุณหนู งั้นเรื่องหร่วนซือซือจะเอาไว้ทีหลังก่อนรึเปล่าครับ?”
เย่หว่านเอ๋อนัยน์ตาลุกโชน เธอตอบกลับอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว : “ไม่ต้อง ทำตามแผนที่สั่งไว้ก็พอ!”
เธอรอแทบไม่ไหว ที่จะเห็นลูกในท้องของหร่วนซือซือหายไป แม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่อยากรอ
อีกอย่าง เธออยากจะเห็นหร่วนซือซือได้รับผลตอบสนองกับตา!
อีกฝั่งหนึ่ง หร่วนซือซือที่ยังไม่รู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น
หลังจากที่เจียงฮ่วนเฉินรับปากจะเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าตัวนี้ของRedeurกับนายหน้าแล้ว ทางฝั่งเธอก็ไม่ได้รับข่าวคราวอะไรต่อ เธอว่างงานอยู่ที่แผนกสองวันเต็ม นี่ก็เข้าสู่วันที่สามแล้วที่เธอว่างงาน ในที่สุดเธอก็ได้รับข้อความจากเจียงฮ่วนเฉิน
“วันนี้ผู้ช่วยของฉันลา เธอมาช่วยงานที่กองถ่ายหน่อย”
เมื่อรับข้อความนี้แล้ว หร่วนซือซือแทบอยากจะเป็นบ้า เจียงฮ่วนเฉินกล้าใช้ให้เธอไปเป็นผู้ช่วยฟรีเชียวเหรอ เรียกเมื่อไหร่มาเมื่อนั้น และก็ไม่ต้องจ่ายตังค์
ในใจมีเป็นร้อยเหตุผลที่ไม่อยากไป แต่พอนึกถึงงานที่อาจทำงานสำเร็จ เธอกัดฟันแน่น แล้วออกจากบริษัททันที
ใครจะไปนึกว่าพอไปถึงแล้วก็ทั้งวันเลย พอดีกับที่กองละครจะถ่ายหนังช่วงกลางคืน แต่กองถ่ายเกิดเหตุขัดข้องขึ้น ฉากกลางคืนจึงถ่ายจนไปถึงห้าทุ่ม
“เลิกกอง”
ในที่สุดผู้กำกับก็ประกาศเลิกกอง
เจียงฮ่วนเฉินที่ใส่ชุดถ่ายละครอยู่ก็ออกจากฉาก เห็นหร่วนซือซือที่ง่วงนอนจนสัปหงกไปมา
เจียงฮ่วนเฉินเห็นแล้วก็ยิ้มขึ้น เขาเดินไปข้างๆเธอ ยื่นมือออกมาดีดหน้าผากเธอแรงๆไปทีหนึ่ง
เสียงดัง”ตั๊ก!” หร่วนซือซือรู้สึกเจ็บที่หัว จึงตื่นขึ้น เธอลืมตาตาโต ใครจะไปนึกว่าจะเป็นใบหน้าอันหล่อเหลาของจังชิงเจวี้ยน
เจียงฮ่วนเฉินแต่งหน้าแล้ว ผิวดีขึ้นเป็นกอง รองพื้นที่ทาค่อนข้างหนา แต่ไม่ได้เกิดคราบหรือเกิดผิวที่ไม่สม่ำเสมอเลย เธออึ้งไปเล็กน้อย ลืมความเจ็บที่หัวไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่าตัวเองตื่นแล้วหรือกำลังฝันอยู่
“ไม่ตื่นเหรอ?” เจียงฮ่วนเฉินหัวเราะเบาๆในลำคอ ยื่นมือไปที่หน้าผากของเธออีกครั้ง : “งั้นอีกทีไหม……”
“ไม่ต้องค่ะ!”
หร่วนซือซือตื่นทันที ยกมือมาปัดแขนของเขาออก เธอขมวดคิ้ว
“โอเค เลิกกอง เห็นแก่วันนี้ที่เธอตั้งใจทำงาน เดี๋ยวฉันจะเลี้ยงปิ้งย่างกับเบียร์แล้วกัน”
“ฉันไม่ไปค่ะ” หร่วนซือซือที่ตื่นแล้วก็ลุกยืนขึ้น : “ถ้ารู้สึกขอบคุณฉันจริงๆก็ช่วยฉันเซ็นใบรับรองค่ะ”
เจียงฮ่วนเฉินหัวเราะพร้อมกับกะพริบตาให้เธอ : “โอเค ฉันจะลองพิจารณาดู”
ได้ยินคำนี้แล้ว หร่วนซือซือแทบอยากจะทุบคนตรงหน้า ได้ยินเขาพูดแบบนี้เป็นครั้งที่ร้อย พูดว่าเก็บไปพิจารณาดู สุดท้ายแล้วก็ไม่มีผลสรุปเหมือนเดิม
หร่วนซือซือที่รู้สึกฉุนจัดขึ้นมา แต่เจียงฮ่วนเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆก็ยังเป็นทองไม่รู้ร้อน
เธอสุดลมหายใจเข้า หันหน้าไปทางเขา : “เจียงฮ่วนเฉิน ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าร่วมงานกับคุณไม่ได้ คุณก็ปฏิเสธเลยดีกว่า ไม่ต้องแกล้งฉันอยู่แบบนี้”
พูดจบ ไม่รอให้เจียงฮ่วนเฉินตอบอะไร เธอก็ก้มลงหยิบของๆตัวเอง แล้วก็เดินออกไปเลย
เจียงฮ่วนเฉินหัวเราะแล้ววิ่งตามมา : “โกรธเหรอ?”
หร่วนซือซือเงียบไม่ตอบอะไร รีบเดินให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
“นี่เธอคิดจะไปคนเดียวเหรอ?”
หร่วนซือซือก็ยังเงียบต่อ
“ดึกขนาดนี้แล้ว อีกอย่างอยู่ไกลจากเมืองมาก จะเรียกรถได้เหรอ?”
“……”
หร่วนซือซือหยุดเดิน เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองจะกลับยังไง
เจียงฮ่วนเฉินยิ้มตาหยี : “โกรธอะไรกันเล่า? ฉันก็แค่อยากรู้ว่าบริษัทของเธออยากจะร่วมงานกับเรามากแค่ไหนเท่านั้นเอง ถ้าหากฉันไม่คิดจะร่วมงานด้วยแต่แรก ก็คงไม่ยื้อให้เธอเสียเวลาขนาดนี้หรอก”
หร่วนซือซือได้ยินแบบนี้แล้ว ความขุ่นเคืองก็ทุเลาลง
เขาพูดแบบนี้ ก็พอมีเหตุผลอยู่
“งั้นคุณคิดจะให้ทั้งสองฝ่ายมาคุยเรื่องใบรับรองกันตอนไหน?”
เจียงฮ่วนเฉินจามไปหนึ่งที : “ช่วงนี้ตารางงานเต็ม อย่างน้อยๆก็เต็มจนถึงอาทิตย์หน้าเลยมั้ง”
หร่วนซือซือลังเลเล็กน้อย
ราวกับว่าเขามองความคิดของเธอออก จึงพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า : “ถ้าเธอไม่เชื่อ ก็ไปดูตารางงานของฉันได้!”
“ไม่ดูตารางงานก็ได้ แต่ในเมื่อรับปากฉันไปแล้ว ก็ต้องรักษาคำพูดด้วย”
“รับด้วยเกล้า!”
เจียงฮ่วนเฉินยืนตรง เขายิ้มพร้อมกับทำความเคารพให้เธอ
หร่วนซือซือที่เห็นแล้ว ก็อดขำไม่ได้
ในเมื่อเจียงฮ่วนเฉินยอมถอยไปหนึ่งเก้า งั้นเธอก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะโมโหต่อ
หร่วนซือซือกลับถึงคอนโด ก็ปาไปเที่ยงคืนกว่า เธออาบน้ำล้างตัว แล้วไปพักผ่อน เหนื่อยจนแค่หัวถึงหมอนก็หลับไปเลย
เธอหลับยาวจนถึงเช้าอีกวัน ตื่นมาตอนเช้า เมื่อเห็นนาฬิกาบนผนัง เธอดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว
แปดโมงครึ่งแล้ว เธอเพิ่งจะเตรียมตัวออกจากคอนโด สายแน่ๆ!
หร่วนซือซือไม่ทันกินข้าวเช้า เธอล้างหน้าเปลี่ยนชุดแล้วออกจากคอนโดตรงไปที่บริษัทเลย
ขณะที่เธอกำลังเร่งรีบไปที่บริษัทอยู่นั้น เย่หว่านเอ๋อจอดรถรออยู่ทางก่อนถึงบริษัทราวสองชั่วโมงได้
วันที่เธอและฮั่วชวนนัดกันก็คือวันนี้ ตอนแรกคิดว่าเธอจะมาก่อนเวลาเข้างาน แต่นึกไม่ถึงว่าสายแล้วก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ
เย่หว่านเอ๋อสูดลมหายใจเข้า : “สรุปจะมาไหมเนี่ย?”
ฮั่วชวนที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับนิ่งสงบ เขาพูดขึ้นเสียงเบาว่า : “คุณหนู วันนี้อวี้กรุ๊ปมีประชุมใหญ่ หร่วนซือซือเองก็ไม่ได้ลา ยังไงเธอต้องมาแน่นอน อาจจะสายหน่อยครับ”
เย่หว่านเอ๋อได้ยินแล้ว ทันใดนั้น : “โน่น ที่โน่นมีเงาใช่หรือเปล่า?”
ฮั่วชวนหัวเราะเบาๆ ขึ้นอย่างมีเลศนัยว่า : “วางใจเถอะครับ ผมวางแผนมาเป็นอย่างดี”
ขอแค่ให้หร่วนซือซือมาวันนี้ ไม่ว่าเธอจะหนียังไงก็ไม่มีทางหนีรอดแน่!