หร่วนซือซือให้เวลาตัวเองเพียงสามวัน
ในสามวันนี้เธอต้องทำตามข้อเรียกร้องของอวี้อี่มั่วให้สำเร็จให้ได้ เธอต้องทำให้เจียงฮ้วนเฉินยอมเซ็นสัญญาพรีเซ็นเตอร์ redeur ให้ได้ ในเวลาเดียวกันภายในสามวันนี้เธอต้องวางแผนที่จะออกจากเมืองเจียงโจวให้ได้ด้วย
แค่การกระทำที่อวี้อี่มั่วทำกับเธอในตอนนี้ เธอก็เดาได้เลยว่า อวี้อี่มั่วต้องไม่สามารถรับเด็กในท้องเธอได้แน่ๆ ดังนั้นเธอเลยต้องพาเด็กคนนี้ออกจากเมืองเจียงโจวไปละเลือกไปอยู่เมืองอื่นที่อวี้อี่มั่วไม่มีวันหาเจอ
แต่สำหรับโปรเจกต์ใหญ่ขนาดนี้ เวลาแค่สามวันคงไม่พอแน่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ศาสตราจารย์ก็นอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล เรื่องเล็กๆน้อยๆอื่นๆก็มาประจบกันพอดี ทำให้เธอปวดหัวสุดๆ
แต่สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือเจราจาเรื่องการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้สำเร็จก่อน ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง
เช้าตรู่ หร่วนซือซือรีบพุ่งตัวไปที่ redeur เพื่อไปเจอผู้จัดการของที่นั่นพร้อมกับนำเอกสารสัญญาและข้อตกลงที่จัดทำโดยฝ่ายกฎหมายของบริษัทในนามอวี้อี่มั่ว
ก่อนจะออกเดินทาง เธอหยิบเอกสารขึ้นเพื่อต้องการยืนยันให้แน่ใจ ” ผู้จัดการสวี่ ฉันขอถามอีกเรื่องนะคะ ถ้าทางด้านของเจียงฮ้วนเฉินเซ็นชื่อลงบนสัญญาฉบับนี้ เอกสารฉบับนี้ก็จะถือว่าสมบูรณ์แล้วใช่ไหมคะ? ”
ผู้จัดการสวี่ของredeur พยักหน้า พร้อมกับพูดอย่างมีเหตุผลว่า ” ถูกต้อง เซ็นชื่อเรียบร้อยก็จะมีผลทันที ”
” แต่ว่า……” เขาลังเลเล็กน้อย ” ทำไมไม่เชิญเจียงฮ้วนเฉินและผู้จัดการส่วนตัวของเขามาฟังรายละเอียดสัญญาล่ะ? ”
หร่วนซือซือยิ้มและพูดเสียงสูงว่า ” ผู้จัดการสวี่คงไม่ทราบ คุณเจียงเขางานยุ่งมากไม่มีเวลาว่างเลยค่ะ ถ้าทำตามที่เขาพูดว่าถ้าว่างแล้วค่อนมา ฉันเกรงว่าจะไม่ทันถ่ายโฆษณาสินค้าตัวใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ ดังนั้นฉันเลยอาสาเป็นคนกลางในการจัดการเรื่องทุกอย่างให้แน่นอนและเสร็จเรียบร้อยค่ะ ”
เมื่อผู้จัดการสวี่ได้ฟังเขาก็พยักหน้า เขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากจากนั้นก็ยิ้มให้หร่วนซือซือ ” งั้นรบกวนเธอด้วยนะ ”
” ไม่รบกวนเลยค่ะ ฉันขอตัวนะคะ ”
หร่วนซือซือยิ้มให้เขาพร้อมกับพยักหน้าและเดินออกไปพร้อมกับเอกสารสัญญา
ถ้าให้เป็นไปตามครั้งที่แล้วที่เจียงฮ้วนเฉินรับปากเธอไว้ ก็ต้องรอจนถึงสัปดาห์หน้า ถ้าถึงเวลานั้นมันก็เกินเวลาที่ตกลงไว้กับอวี้อี่มั่วแล้ว
ดังนั้น เธอเลยต้องดำเนินการก่อนเพื่อจัดการเรื่องการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เรียบร้อย!
พอคิดแบบนี้หร่วนซือซือก็เร่งฝีเท้าในการเดินให้เร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ทันใดนั้นเธอก้าวเดินเพียงสองสามก้าว ภาพตรงหน้าก็มือลงและมีอาการวิงเวียนศีรษะ
หร่วนซือซือเดินโซเซไปสองสามก้าว เธอยื่นมือไปพิงกำแพงข้างๆ เลยทำให้เธอดีขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่เธอลืมตาภาพตรงหน้าที่เธอเห็นมืดมัวมากๆ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้ยังดีดีอยู่เลย ทำไมจู่ๆถึงเป็นแบบนี้ไปได้
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ จู่ๆลางสังหรณ์ไม่ดีก็ผุดขึ้นในใจเธอ เธอขบกรามตัวเองและยืนตั้งสติอยู่ตรงนั้นนานมาก จากนั้นก็ค่อยๆดีขึ้น
เหมือนมีบางอย่างผ่านแวบในหัวสมองเธอ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นหลังจากตอนที่เธอเจาะเลือดเสร็จ เธอเหมือนจะเคยมีอาการแบบนี้
หรือว่าเป็นเพราะการเจาะเลือดงั้นหรอ?
ในหัวสมองมีความคิดนี้โผล่ขึ้นมา หร่วนซือซือถึงกับตกใจ เธอก้มหน้ามองที่หน้าท้องอันแบบราบของตัวเอง ความสงสัยในใจก็เพิ่มมากขึ้น
ถ้าการเจาะเลือดมันส่งผลกระทบต่อร่างกายเธอจริงๆ มันก็ต้องส่งผลกระทบต่อลูกในท้องเธอด้วยแน่เลย!
พอคิดแบบนี้หร่วนซือซือก็รู้สึกกังวลทันที
เธอขบกรามตัวเองและไม่กล้าคิดมากไปกว่านี้
ทางที่ดีที่สุดเธอคงต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลดูสักหน่อย
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เธอตัดสินใจเก็บสัญญาไว้ก่อนและมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาล
หร่วนซือซือพึ่งก้าวขาถึงโรงพยาบาล ทางด้านของอวี้กู้เป่ยก็ได้รับรายงานทันที
เขานั่งอยู่บนรถเข็นพร้อมกับมองไปที่ลู่เสี่ยวมั่นที่กำลังจัดเรียงกระถางดอกไม้ในสวน และฟังการรายงานจากเช่าจัวไปด้วย
” ช่วงนี้จำนวนครั้งที่เธอไปโรงพยาบาลเหมือนจะมากเป็นพิเศษ ”
ในขณะที่พูด เขาก็หันไปป้อนอาหารนกแก้วที่อยู่ในกรง
” ที่สำคัญโรงพยาบาลที่เธอไปในทุกครั้งต่างก็เป็นที่เดียวกัน บางครั้งเธอไปเพื่อเยี่ยมพ่อของเธอ ครั้งที่แล้วเป็นเพราะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น แต่ครั้งนี้ไม่ทราบสาเหตุครับ ”
อวี้กู้เป่ยชะงัก จู่ๆก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ เขายิ้มพร้อมกับถามขึ้นว่า ” ได้ยินมาว่า แผนกสูตินารีเวทของโรงพยาบาลแห่งนี้มีชื่อเสียงในเมืองเจียงโจวมาก? ”
เช่าจัวอึ้งไป จากนั้นก็ดึงสติกลับมาได้เร็วมาก ” ใช่ครับ ว่ากันว่าดีที่สุดในเมืองเจียงโจว ”
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ อวี้กู้เป่ยก็หัวเราะออกมา สายตาเขาไปสะดุดที่ลู่เสี่ยวมั่น ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกบางอย่างแวบผ่านแววตาของเขา
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็นั่งยืดตัวตรง พูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ลู่เสี่ยวมั่น ” พยาบาลเสี่ยลู่ เธอมานี่หน่อย ”
เมื่อลู่เสี่ยวมั่นได้ยินแบบนั้น ก็ปัดเศษดินในมือเบาๆ เธอลุกขึ้นเดินไปหาเขา ” มีอะไรรึเปล่าคะคุณอวี้? ”
อวี้กู้เป่ยหยิบผ้าขนหนูเปียกยื่นให้เธออย่างช้าๆ ” เช็ดมือก่อน ”
ลู่เสี่ยวมั่นยิ้มพร้อมกับรับไว้ หลังจากเช็ดมือจนสะอาดแล้วก็ถามขึ้นอีกรอบ ” คุณอวี้คะ ช่วงนี้คุณไม่ออกไปสูดอากาศข้างนอกหรอคะ? เราออกไปเดินเล่นข้างนอกกันไหมคะ?
อวี้กู้เป่ยมองหน้าเธอและถามเธอกลับว่า ” อยู่บ้านรู้สึกเบื่อหรอ? ”
ลู่เสี่ยวมั่นเองก็ไม่ปิดบัง เธอหัวเราะอย่างเกรงใจ ” นิดหน่อยค่ะ ”
” พอดีเลย มีภารกิจหนึ่งให้เธอทำ ไม่รู้ว่าเธอจะทำไหม? ”
เมื่อลู่เสี่ยวมั่นได้ยิน แววตาเธอก็เป็นประกาย ” ภารกิจอะไรคะ? ”
” เธอกับหร่วนซือซือเป็นเพื่อนสนิทกันใช่ไหม? ”
เมื่ออวี้กู้เป่ยเอ่ยถึงหร่วนซือซือ ลู่เสี่ยวมั่นก็ชะงักไปสองวินาที จากนั้นก็ค่อยพยักหน้า ” เรารู้จักกันมานานแล้วค่ะ ”
อวี้กู้เป่ยพูดขึ้นเบาๆว่า ” มีเรื่องหนึ่งฉันอยากขอให้เธอช่วย ”
ลู่เสี่ยวมั่นประหลาดใจมาก ” เรื่องอะไรคะ? ”
” ฉันได้ยินมาว่าเธอ……”
เมื่ออวี้กู้เป่ยบอกลู่เสี่ยวมั่นไป สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที ” แบบนี้ไม่ค่อยดีมั้งคะ? ”
” ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง มันไม่ใช่เรื่องของเธอเพียงคนเดียวนะแต่มันเกี่ยวข้องกับตระกูลอวี้ด้วย ”
อวี้กู้เป่ยชะงักไป สีหน้าของเขาผิดหวังเล็กน้อย ” เธอเองก็รู้ ว่าพี่ชายฉันไม่ค่อยถูกกับฉันเท่าไหร่ แต่ฉันก็เคารพเขามาก เรื่องของเขาก็เป็นเรื่องของตระกูลอวี้เช่นกัน ในเมื่อเป็นเรื่องของตระกูลอวี้ฉันจะนั่งเฉยโดยไม่สนใจไม่ได้ แล้วตอนนี้มีเพียงแค่เธอที่ช่วยฉันได้ ”
น้ำเสียงชองชายหนุ่มจริงจัง การแสดงออกของเขาก็จริงใจ ทำให้เธอยากที่จะปฏิเสธ
ลู่เสี่ยวมั่นรู้สึกลังเลในใจ เธอตัดสินใจไม่ถูก แต่พอเห็นแววตาคู่นั้นของชายหนุ่ม คำปฏิเสธพวกนั้นก็ยิ่งไม่กล้าพูดออกมา
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ยอมพยักหน้า ” ฉันช่วยคุณก็ได้ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ เพราะว่าหร่วนซือซือเองก็เป็นเพื่อนสนิทของฉัน ฉันทำแบบนี้ฉันรู้สึกผิดกับเธอ……”
เมื่อได้ยินว่าลู่เสี่ยวมั่นตอบตกลง อวี้กู้เป่ยก็ยิ้ม และยืนมือไปจับมือเธอไว้อย่างอ่อนโยนพร้อมกับพูดขึ้นว่า ” ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องตอบตกลง ”
ลู่เสี่ยวมั่นหัวเราะ ” งั้นฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย ”
” ไปเถอะ เดี๋ยวฉันให้เช่าจัวไปส่งเธอ ”
” ได้ ”
เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เช่าจัวก็ขับรถส่งลู่เสี่ยวมั่นไปถึงที่โรงพยาบาล
เมื่อลู่เสี่ยวมันถึงโรงพยาบาล ก็โทรหาเพื่อนคนหนึ่งของเธอเพื่อตรวจสอบแผนกที่หร่วนซือซือไป จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปทางนั้น
เป็นอย่างที่คาด ในขณะที่กำลังรอการรายงานของหร่วนซือซือ เธอก็เห็นหร่วนซือซือนั่งอยู่ทางด้านนั้น
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อคิดถึงคำพูดพวกนั้นที่อวี้กู้เป่ยพูดกับเธอ เธอก็กัดฟันพร้อมกับรวมรวมความกล้าเดินตรงเข้าไปทางนั้น
เธอตั้งใจเดินไปหยุดที่ด้านหลังของหร่วนซือซือ และแกล้งทำให้เธอตกใจ ” ซือซือ?”
เมื่อหร่วนซือซือได้ยินก็รีบหันไปดูทันที เมื่อเห็นว่าเป็นลู่เสี่ยวมั่น หร่วนซือซือก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย เธอรีบลุกขึ้นยืน ” เสี่ยวมั่น? เธอทำไมถึงมาอยู่ที่นี่? ”
ลู่เสี่ยวมั่นลังเลเล็กน้อย และพูดส่งๆว่า ” ฉันมาหาเพื่อนคนหนึ่งที่นี่ พอเห็นเธอนั่งอยู่ตรงนี้ ฉันคิดว่าฉันตาฝาดไปสะอีก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเธอ ”
เธอเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม สะกิดแขนหร่วนซือซือพร้อมกับถามว่า ” ซือซือ เธอมาทำอะไรที่โรงพยาบาล? ไม่สบายหรอ? ”
เมื่อหร่วนซือซือถูกเธอถามแบบนี้ ก็ไม่รู้จะตอบยังไง เธอพูดอย่างลังเล ” ฉัน……ฉันมาตรวจร่างกาย ”