เมื่อสัมผัสถึงความสงสัยของอวี้อี่มั่วได้ ตู้เยี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาออกมาว่า “ครับ เป็นอี้เฉิง อีกอย่างเรื่องนี้ผมก็ทราบครับ”
นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วเคร่งขรึมมากขึ้นกว่าเดิม ช้อนสายตาขึ้นก่อนจะสบมองไปที่เขา “คุณรู้ได้อย่างไร?”
ตู้เยี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ซ่งอวิ้นอันเป็นแฟนของผมครับ การแสดงของเธอที่อี้เฉิงไม่ค่อยจะราบรื่นนัก เดิมทีผมแค่อยากจะไปดูเธอเฉยๆ แต่ทว่าปลีกตัวออกมาไม่ได้ ดังนั้นพี่ชายเธอก็เลยไปหาครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วฉายประกายความสงสัย ในเวลาต่อมา ไม่นานนักก็มลายหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่ทันเห็น
นิ่งเงียบไปอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะสบมองตู้เยี่ยด้วยสายตาเคร่งขรึมหนึ่งครั้ง แล้วจึงเอ่ยเสียงเย็นยะเยือกขึ้นว่า “ไปเถอะ”
ตู้เยี่ยอยู่ข้างกายเขามาตั้งหลายปีขนาดนั้น ก็คุ้มค่าที่จะเชื่อถือ
เพียงแต่ว่าทางซ่งเย้อันด้านนั้น ก่อนที่จะหาหร่วนซือซือพบ คงต้องส่งคนไปจับตาดูเอาไว้ถึงจะโอเค!
จากหนึ่งกลายเป็นสามวัน ลูกน้องของอวี้อี่มั่วแทบจะผลิกแผ่นดินทั้งเจียวโจวแล้ว แต่ทว่าก็ยังคงไม่ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับหร่วนซือซือเลยแม้แต่น้อย
ห้องทำงานของประธานอวี้กรุ๊ป
ตู้เยี่ยเปิดประตูห้องทำงาน สบมองไปที่โต๊ะทำงานที่อยู่ในห้อง ชายหนุ่มที่มีใบหน้าอ่อนล้า รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เขาไม่เคยเห็นสภาพของเจ้านายของเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า อวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นตู้เยี่ยแล้ว นัยน์ตาจึงฉายเป็นประกาย ก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้นมาว่า “มีข่าวหรือยัง?”
ตู้เยี่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้า “ยังไม่มีเลยครับ”
นัยน์ตาที่เป็นประกายคู่นั้นผลันมืดหม่นลงไปทันที สีหน้าของอวี้อี่มั่วกลับไปเป็นเย็นยะเยือกเช่นเดิม เขายกมือขึ้น ก่อนจะกดที่ระหว่าคิ้วไปมา ไม่เอ่ยอะไรขึ้นมาอีกเลย
ตู้เยี่ยสูดลมหายใจเขาลึกๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ท่านประธานอวี้ครับ ฝ่ายประชาสัมพันธ์โทรมา นักแสดงเจียงฮ้วนเฉินกับผู้จัดการของเขามาถึงเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ขึ้นลิฟต์มาแล้ว อีกไม่นานก็คงจะถึงแล้วครับ”
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว “เขามาทำไม?”
“เห็นว่าจะมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดของสัญญาครับ ท่านจะเลื่อนไหมครับ ให้ redeur ทางฝั่งนั้นต้อนรับไป”
“ไม่ต้อง” อวี้อี่มั่วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “คุณไปรับแขก จัดห้องรับรองแขกให้กับพวกเขาด้วย ประเดี๋ยวผมจะตามไป”
“ครับ”
ตู้เยี่ยหมุนตัวจากไป ในช่วงเวลาที่ประตูปิดลงแล้วนั้น ภายในตัวห้องก็เหลือคนอยู่เพียงแค่คนเดียว
หัวใจของอวี้อี่มั่วมีแรงกดดันอยู่เล็กน้อย เขาสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เมื่อหวนนึกขึ้นได้ว่าไม่มีข่าวคราวอะไรของหร่วนซือซือเลยแม้แต่น้อย ความหงุดหงิดก็ปะทุขึ้นมาถึงศีรษะทันที
ก่อนหน้านี้ที่หร่วนซือซือจะหายตัวไปก็เคยได้พบกับเจียงฮ้วนเฉิน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะได้รู้อะไรจากเจียงฮ้วนเฉินก็เป็นได้
หลังจากนั้นเอง เมื่อรอให้ตู้เยี่ยจัดการกับเจียงฮ้วนเฉินและผู้จัดการเรียบร้อยแล้ว เขาจึงลุกยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะออกจากห้องทำงานแล้วมุ่งตรงไปยังห้องรับรองแขกทันที
เมื่อเปิดประตู เขาก็เห็นเจียงฮ้วนเฉินกำลังอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางหยิ่งทนง ใบหน้าหล่อเหลาเอาการของชายหนุ่ม แต่ทว่าระหว่างคิ้วกลับขมวดติดกันแน่น
แต่ทว่าคุณฉงที่เป็นผู้จัดการที่นั่งอยู่ข้างเขา เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาแล้ว ก็รีบลุกขึ้นยืนตัวตรงในทันที “ท่านประธานอวี้ สวัสดีค่ะ ดิฉันคือฉงเป็นผู้จัดการของเจียงฮ้วนเฉินค่ะ”
เมื่อสบมองมือของคุณฉงที่ยื่นเข้ามาหาครั้งหนึ่งแล้ว อวี้อี่มั่วพยักหน้าเป็นนัยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ได้จับมือกับเธอ แต่กลับเดินตรงไปนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามกับเจียงฮ้วนเฉิง
คุณฉงรู้สึกกระอักกระอวนเล็กน้อย ก่อนจะนั่งกลับลงไปบนโซฟา แล้วใช้สายตาสบมองไปยังเจียงฮ้วนเฉิง
เจียงฉ้วนเฉิงสบมองอวี้อี่มั่วครั้งหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้พูดอะไร
อวี้อี่มั่วเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว กลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลย ก่อนที่จะออกคำสั่งกับเลขาให้นำชามาเสิร์ฟด้วยท่าทีนิ่งๆ แล้วสบมองไปที่เจียงฮ้วนเฉินก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “มีเรื่องอะไรหรือครับ พวกคุณสามารถติดต่อกับผู้รับผิดชอบทางฝั่งของ redeur ได้นี่ครับ ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามาในบริษัทใหญ่เลย เพราะว่ามีเรื่องบางเรื่องผมก็ยังไม่ค่อยจะแน่ใจมากนัก”
เจียงฮ้วนเฉินได้ยินดังนั้น ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก แล้วเอ่ยทีเล่นทีจริงขึ้นมาว่า “เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ ต้องเป็นคุณที่พูดเองถึงจะถือว่าเป็นจริงนะครับ”
“เรื่องอะไรงั้นหรือครับ?”
เจียงฮ้วนเฉินไม่ต่อปากต่อคำแล้ว จึงเอ่ยขึ้นมาตรงๆเลยว่า “ผมอยากที่จะให้หร่วนซือซือมาเป็นผู้ช่วยผมในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ เธอจะเป็นคนดูแลผมในระยะเวลาระหว่างที่ผมทำงานอยู่ทั้งหมด”
เมื่อได้ยินคำว่า “หร่วนซือซือ” สามคำนั่นแล้ว สีหน้าของอวี้อี่มั่วเข้มขึ้นกว่าเดิมอยู่มาโข เขาเอนหลังพิงไปทางด้านหลัง ก่อนที่จะสบสายตาเข้ากับเจียงฮ้วนเฉินเล็กน้อย
หลังจากนั้น เขาถึงจะค่อยๆเอ่ยขึ้นมาอย่างช้าๆว่า “หร่วนซือซือเป็นคนของบริษัทใหญ่ ทางฝั่ง redeur เองก็มีคนดูแลที่เป็นมืออาชีพอยู่ หรือว่าพวกคุณไม่พอใจกับการวางแผนของพนักงานที่เป็นมืออาชีพของพวกเรางั้นหรือครับ?”
เจียงฮ้วนเฮินขมวดคิ้วเบาๆ นัยน์ตาสั่นไหว สบมองไปที่อวี้อี่มั่วครั้งหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ผมแค่อยากให้เธอมารับผิดชอบก็เท่านั้นครับ นอกเหนือจากนี้ แผนงานอื่นๆผมก็ไม่ได้มีความเห็นต่างอะไรเลย”
พูดไป สายตาของเขาก็สบมองไปที่อวี้อี่มั่วตรงๆ
นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วเข้มขึ้น ก่อนที่จะซ่องสุมอารมณ์เอาไว้อยู่ในนั้น หลังจากนั้น เขาจึงฉีกยิ้มบางเบา ก่อนจะเอ่นเสียงเย็นยะเยือกขึ้นว่า “ตอบรับความต้องการนี้ไม่ได้ครับ”
แทบจะนึกไม่ถึงเลยว่าอวี้อี่มั่วจะปฏิเสธออกมาตรงๆแบบนี้ สีหน้าของเจียงฮ้วนเฉินเย็นยะเยือกขึ้น ก่อนที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น “ทำไมถึงตอบรับไม่ได้ครับ?”
เดิมที่เขาคิดว่าอวี้กรุ๊ปจะมีความจริงใจมากเสียอีก นึกไม่ถึงเลยว่าแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้กลับตอบตกลงให้กันไม่ได้
อวี้อี่มั่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “นอกจากหร่วนซือซือ คนอื่นผมสามารถตอบตกลงให้กับคุณได้ทั้งหมด”
“ที่ผมต้องการก็คือเธอ ถ้าหากไม่ได้ล่ะก็ ต้องขอประธานโทษด้วยแล้วกันนะครับ การเป็นพรีเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ ผมยอมที่จะไม่เอา”
นัยน์ตาของเจียงฮ้วนเฉินเย็นยะเยือก พูดไปพลาง ก่อนที่จะดันกระดาษสัญญานั้นดันไปตรงหน้าของอวี้อี่มั่วไปพลาง
อวี้อี่มั่วพลันชะงักไปอยู่ครู่หนึ่ง แทบจะนึกไม่ถึงเลยว่าเจียงฮ้วนเฉินจะพูดออกมาถึงขนาดนี้ ทางฝั่งของผู้จัดการอย่างคุณฉงที่อยู่ด้านข้างก็พลางตกตะลึงไปด้วย ก่อนที่จะหันศีรษะมาเอ่ยเสียงเบาว่า “เจียงฮ้วนเฉิน คุณบ้าไปแล้วหรือไง!”
เขาเซ็นชื่อลงไปในสัญญาเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากละเมิดสัญญาล่ะก็ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วก็จะไม่ได้เงินสักแดง แถมยังต้องจ่ายค่าปรับจากสัญญาอีกด้วย!
อวี้อี่มั่วสบมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า นัยน์ตาเย็นยะเยือกขึ้นกว่าเดิมไปอีกขึ้น เขานิ่งไปครู่หนึ่ง แต่จู่ๆริมฝีปากกลับยกยิ้มเย้ยยันขึ้นที่มุมปากครั้งหนึ่ง ก่อนจะสบมองเขาแล้วเอ่ยขึ้นว่า”ผมกลับรู้สึกอยากจะรู้ขึ้นมาเสียแล้วสิ ว่าสรุปแล้วหร่วนซือซือมีเสน่ห์อะไรกันแน่ ที่ทำให้ดาราดาวรุ่งในปัจจุบันคนนี้ถึงลืมเธอไม่ได้เสียทีแบบนี้”
เริ่มแรกคือรูปถ่ายที่ถูกคนพวกนั้นแอบถ่าย ตอนนี้กลับเป็นเจียงฮ้วนเฉินที่วิ่งมาถึงที่บริษัทใหญ่เพื่อมาหาคนของเขา อีกทั้งยังระบุบชื่อแซ่อย่างเฉพาะเจาะจงอีกด้วยว่าต้องเป็นเธอเท่านั้น เรื่องราวทั้งหมดนี้ อดที่จะทำให้เขาคิดมากไม่ได้
สีหน้าของเจียงฮ้วนเฉินเย็นขึ้นทันที สบมองไปที่นัยน์ตาไม่เป็นมิตรกับเขามากขึ้น สองวินาทีหลังจากนั้น จู่ๆเขากลับนั่งตัวตรง แล้วสบมองนัยน์ตาของอวี้อี่มั่วไปตรงๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกขึ้นว่า “คนแบบคุณ ไม่มีทางที่จะได้เห็นความจริงใจของคนอื่นตลอดไปแน่ๆ!”
อวี้อี่มั่วได้ยินดังนั้น หัวคิ้วขมวดติดกันแน่ ก่อนที่ริมฝีปากจะเหยียดยิ้มออกมา
ไม่รีรอให้เขาได้เอ่ยขึ้นมา จู่ๆเจียงฮ้วนเฉินกลับหัวเราะเสียงเย็นออกมาทันที ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียดสีว่า “ผมมองคุณเอาไว้สูงไปจริงๆ เมื่อก่อนซูหลิงจริงใจกับคุณมาโดยตลอด คุณกลับไม่สนใจใยดี เอาความจริงใจมาล้อเล่น! ตอนนี้กับหร่วนซือซือก็เหมือนกัน! อวี้อี่มั่ว คุณนึกว่าคุณเจ๋งมากนักหรือไง?”
ยิ่งเขาได้พูดก็ยิ่งเดือด ก่อนจะเริ่มหยุดปากไม่อยู่แล้ว สีหน้าของคุณฉงที่อยู่ด้านข้างแปรเปลี่ยนไปเป็นซีดเผือก ก่อนที่จะกุลีกุจอดึงเสื้อของเขาเอาไว้ ไม่ให้เขาเอ่ยอะไรขึ้นมาอีก
แต่ทว่าเจียงฮ้วนเฉินสะบัดมือออก สบมองไปที่อวี้อี่มั่วก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ผมบอกกับคุณจริงๆเลยนะครับ เรื่องเมื่อก่อนของซูหลิงก็ทำให้ผมผิดหวังต่อคุณมามากแล้ว ในครั้งนี้ที่ยินยอมเซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับอวี้กรุ๊ป ทั้งหมดก็เป็นเพราะหร่วนซือซือเทียวไปเทียวมาหาผมตลอด ผมเซ็นสัญญาเพราะเธอ ในเมื่อคุณไม่ตอบตกลง ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วสัญญาของพวกเราฉบับนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดำเนินการต่อแล้ว!”
พูดไป เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบหมวดแก๊ปสีดำที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาสวมใส่
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่ ก่อนจะนิ่งไปพักหนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเย็นๆขึ้นว่า “ตอนนี้หร่วนซือซือไม่ได้อยู่ในบริษัทแล้ว หรือว่าเธอยังไม่ได้บอกกับคุณแล้วหรอกหรือครับว่าเธอลาออกไปแล้วน่ะ?”
การกระทำของเจียงฮ้วนเฉินพลันหยุดชะงักลง ก่อนจะหันมาปรายตามองเขาครั้งหนึ่ง หลังจากนั้น จึงหัวเราะเสียงเย็นออกมา “ถ้าอย่างนั้นเธอคงจะเลือกแล้วจริงๆ ถ้าหากผมเป็นเธอ ผมก็จะไม่อยู่ข้างคุณเหมือนกันครับ”
เมื่อเอ่ยทิ้งประโยคจบไป เขากดหมวกลง เพื่อปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ก่อนจะสาวเท้ายางมุ่งตรงออกไปทางประตู
เมื่อเดินมาถึงที่ประตูแล้ว เขาชะงักฝีเท้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นขึ้นมาว่า “เรื่องพรีเซ็นเตอร์ผมจะรับผิดชอบค่าเสียหายเองคนเดียว เงินค่าชดเชยผมจะให้ฝ่ายบัญชีส่งเรื่องมาให้ที่บริษัท การทำสัญญากับอวี้กรุ๊ป เป็นผมเองที่อาจเอื้อมมากเกินไปแล้วครับ”
เมื่อพูดจบ เขาก็ดึงประตู ก่อนจะเดินออกไปในทันที