โค้ชผู้ชายคนนั้นสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดี ดูเหมือนกับว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายยังไง โค้ชผู้หญิงข้างๆเลยเดินเข้ามาจากนั้นก็เสนอแนะว่า ” ให้เขาไปดูกล้องวงจรปิดเองดีกว่า ”
ซ่งเย้อันขมวดคิ้วแน่น ความอ่อนโยนบนใบหน้าของเขาเย็นชาขึ้นมาทันทีและเขาก็รีบเดินตามโค้ชไปเพื่อดูกล้องวงจรปิด
หลังจากนั้นสิบนาที ทันทีที่เขาได้ดูกล้องวงจรปิดย้อนหลังบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาก็กำหมัดแน่นและทุบลงที่โต๊ะสุดแรง
เสียงดัง ” ปั๊ง! ” ดังขึ้น ทำให้พนักงานที่อยู่รอบข้างต่างก็พากันตกใจกันหมด แต่กลับไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดเตือนเขาแม้แต่คนเดียว
เรื่องภายในครอบครัว โดยเฉพาะประเภทนี้มันเป็นอะไรที่พูดยากมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นคือเกิดขึ้นหลังแต่งงานแล้วด้วย ใครกล้าพูดเตือนเขาตอนนี้ก็ไม่ต่างกับเทน้ำมันเข้ากองเพลิง
ผ่านไปสักพัก ซ่งเย้อันก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้ เขาสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็หันไปมองโค้ชที่ยืนอยู่ข้างๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า ” ขอบคุณมาก ”
หลังจากที่ทิ้งประโยคนี้ไว้ เขาก็เดินออกจากห้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดไปทันที
เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขายอมทนปิดตาหนึ่งข้างมาโดยตลอด ขอแค่หร่วนซือซือไม่หนีเขาไปไหน เขาก็ยินดีจะรออยู่ที่เดิม แต่ตอนนี้ อวี้อี่มั่วกลับมาชิงตัวภรรยาในนามของเขาตอนนี้ต่อหน้าต่อตาเขา แล้วจะให้เขาทนต่อไปได้ยังไงกัน?
ในเมื่ออวี้อี่มั่วไม่ไว้หน้าเขา งั้นแค้นเก่าหรือแค้นใหม่ก็ชำระพร้อมกันไปเลยแล้วกัน!
ระหว่างทางที่กลับบริษัท อวี้อี่มั่วหยิบแท็บแล็ตมาดูรายละเอียดเอกสารการประชุม เขารู้สึกแปลกใจมาก ว่าทำไมเอกสารที่ปกติใช้เวลาอ่านแค่สิบนาทีก็เสร็จแต่วันนี้กลับใช้เวลาไปตั้งยี่สิบนาทีแล้วยังอ่านไม่เสร็จอีก
เขายกมือขึ้นกุมขมับ และโยนแท็บเล็ตทิ้งอย่างหงุดหงิด
ผ่านไปสักพัก เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออก ” ไอ้ซู มาหาฉันที่บริษัทหน่อย ”
เรื่องราวในตอนนี้มันซับซ้อนไปหมด เพื่อความปลอดภัยของหร่วนซือซือ เซินเซินและซาซา เขาจำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือไว้ล่วงหน้า
ไม่นาน รถก็ขับมาถึงที่หมาย หน้าตึกอวี้กรุ๊ป
อวี้อี่มั่วเปิดประตูรถและเดินเข้าบริษัทไปทันที
แต่ทันทีที่เขาก้าวเข้าบริษัท ก็มีเงาของคนๆหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอย่างกะทันหัน หลังจากนั้น ก็มีใครบางคนคว้าคอเสื้อเขาอย่างแรง
ตาซ่งเย้อันแดงมาก ในแววตาเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาแรงเยอะจนน่าประหลาดใจ ” แกเอาตัวหร่วนซือซือไปไหน! ”
อวี้อี่มั่วยักคิ้ว คอดไม่ถึงว่าเขาจะมาถึงที่นี่ เขามองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาเย้ยหยัน
ทุกครั้งที่มีอันตรายเกิดขึ้นกับหร่วนซือซือ ซ่งเย้อันแทบจะไม่มีประโยชน์ใดๆเลย
ซ่งเย้อันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกภายใต้สายตาของเขา เขารู้สึกราวกับว่าโดนชกเข้ากลางหน้าสุดแรง ทำให้เขายิ่งโกรธมากขึ้น ” อวี้อี่มั่ว แกชอบยุ่งย่ามกับลูกและภรรยาคนอื่นมากขนาดนั้นเชียวหรอ! ”
เขาพูดเสียงดังมาก ผู้คนรอบข้างต่างก็ได้ยินกันอย่างชัดเจน และทุกคนล้วนเป็นพนักงานในอวี้กรุ๊ป พอเห็นประธานบริษัทตัวเองโดนกระชากคอเสื้อ ก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองตาม
พอได้ยินซ่งเย้อันตะโกนดังแบบนั้น ทุกคนก็ต่างพากันหันมามองกันมากขึ้น
พอตู้เยี่ยเห็นสถานการณ์ไม่ดี เขาก็เดินเข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองเพื่อห้ามปราม แต่ซ่งเย้อันกำลังโกรธมาก เขาไม่ฟังอะไรทั้งนั้น และกำคอเสื้ออวี้อี่มั่วแน่นไม่ยอมปล่อย
” ตอบฉันมา แกทำอะไรหร่วนซือซือ! ”
แววตาอวี้อี่มั่วเฉยชา และพูดขึ้นนิ่งๆว่า ” ก็แค่พาพวกเขาไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยก็เท่านั้นเอง ประธานซ่งไม่ควรจะเสียมารยาทแบบนี้นะครับ ”
” ที่ที่ปลอดภัยงั้นหรอ? ” ซ่งเย้อันพูดเยาะเย้ยเขาว่า ” สำหรับฉันแล้ว ที่ที่ไม่มีแกก็คือที่ที่ปลอดภัยแล้ว! ”
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกไป สีหน้าอวี้อี่มั่วก็บึ้งตึงขึ้นทันที แววตาเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขากำหมัดแน่น
ศึกระหว่างชายทั้งสองกำลังจะเริ่มขึ้น แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะและเสียงพูดของชายคนหนึ่งดังขึ้น ” นี่มันอะไรกันวะเนี่ย? ”
ซูอวี้เฉิงเดินเข้ามาพร้อมกับเสียงหัวเราะ เขาเอามือไปวางบนไหลของซ่งเย้อันและอวี้อี่มั่วพร้อมกับพูดเตือนขึ้นว่า ” ต่างก็เป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมกัน จะมามีเรื่องกันในสถานที่แบบนี้ ศักดิ์ศรีไม่เอาแล้วใช่ไหม? ”
ถึงเขาจะพูดแบบนั้น แต่ซ่งเย้อันก็ไม่มีทีท่าจะปล่อยมือจากคอเสื้ออวี้อี่มั่วเลย
ซุอวี้เฉิงหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า ” ไม่แคร์ศักดิ์ศรีของตัวเองก็ช่างเถอะ แต่คิดถึงผู้หญิงที่รออยู่ที่บ้านด้วย แล้วยังมีเด็กห้าขวบอีกสองคน ถ้าเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา จะส่งผลกระทบแย่ๆต่อใคร พวกนายทั้งคู่ก็รู้อยู่แก่ใจดีใช่ไหม? ”
คำพูดพวกนั้นของซูอวี้เฉิง ทำให้สีหน้าของซ่งเย้อันเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เมื่อกี้ความโกรธเข้าครอบงำ เขาเลยไม่ทันคิดเรื่องนี้ พอตอนนี้ซูอวี้เฉิงพูดขึ้น เขาถึงตระหนักได้ว่าถ้าเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือหร่วนซือซือ เซินเซินและซาซา!
เขาไม่ยอมให้ชาวเน็ตวิจารณ์พวกเขาไปในทางที่ไม่ดีเด็ดขาด และที่สำคัญเขาไม่อยากให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของภายในครอบครัวของเขา
เขาเงยหน้ามองอวี้อี่มั่วอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยอมปล่อยเขา
ซูอวี้เฉิงหัวเราะ ราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญกับเรื่องแบบนี้ ” เรื่องภายในบ้านไม่ควรให้หลุดออกไป มีอะไรก็ไปหาห้องเงียบๆนั่งคุยกันดีดี ประธานซ่ง คุณคงมีเวลาว่างจะคุยนะ? ”
แววตาซ่งเย้อันเฉยชา เขาไม่ได้ตอบอะไร
หลังจากนั้นสิบนาที พวกเขาทั้งสามคนก็มาถึงห้องรับรองของบริษัท
ทันทีประตูปิดลง ซูอวี้เฉิงก็เดินไปนั่งริมห้อง และเปิดโอกาสให้พวกเขาคุยกันเอง
อวี้อี่มั่วนั่งลงอย่างใจเย็น เขารินชาให้ซ่งเย้อันและยื่นให้เขาพร้อมกับพูดขึ้นนิ่งๆว่า ” ประธานซ่ง ระหว่างเราสองคนไม่จำเป็นต้องมีเรื่องบาดหมางอะไรกันใหญ่โตเช่นนี้ ”
แววตาซ่งเย้อันเฉยชามาก แบะไม่สนใจกับสิ่งที่เขาพูด ” แล้วทำไมคุณต้องเข้ามายุ่งย่ามกับภรรยาและลูกของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วย?”
อวี้อี่มั่วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ” ไม่ได้เป็นการยุ่งย่ามอะไร ก็แค่เข้าไปช่วยเหลือก็เท่านั้นเอง”
ถ้าหากว่าวันนี้ลั่วจิ่วเหยี่ยต้องการลงมือกับหร่วนซือซือ เซินเซินและซาซาจริงๆ แม้ว่าซ่งเย้อันจะอยู่ข้างกายก็คงช่วยอะไรไม่ได้
” คุณหมายความว่ายังไง? ”
อวี้อี่มั่วหัวเราะเบาๆ แววตาเขาแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน ” จากที่ผมเห็น คุณไม่เคยทำหน้าที่สามีที่ดีเลยแม้แต่ครั้งเดียว ”
ประโยคนี้ เหมือนเป็นคบเพลิงที่จุดประกายความโกรธของซ่งเย้อันขึ้นมาอีกครั้ง
ก่อนที่เขาจะพูด สีหน้าอวี้อี่มั่วจริงจังมาก เขาพูดอย่างช้าช้าชัดว่า ” ตอนที่ซาซาโดนงูกัด ตอนที่หร่วนซือซือตกจากหลังม้า มีครั้งไหนไหมที่คุณช่วยเหลือพวกเธอ? ซ่งเย้อัน คุณคิดว่าคุณเป็นสามีและพ่อที่ดีอย่างนั้นหรอ? ”
ประโยคนั้นเป็นเหมือนมีดอันแหลมคมที่แทงเข้าไปในใจของซ่งเย้อันชัด
คำพูดที่ออกจากปากอวี้อี่มั่ว เป็นเหตุการณ์การณ์ที่เขารู้สึกผิดทุกครั้งที่พูดถึง
ราวกับว่าไม่ว่าจะเป็นครั้งไหน เขาก็จะไปถึงช้ากว่าอวี้อี่มั่วครึ่งก้าวเสมอ นี่ถือเป็นปมในใจของเขา และยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากพูดถึง!
” คุณแน่ใจไหมว่าหลังจากนี้ถ้ามีอันตรายเกิดขึ้นกับพวกเขาแล้วคุณจะไปดูแลปกป้องพวกเขาเป็นคนแรก? ”
“……”
ซ่งเย้อันขมวดคิ้ว เขาถึงกับพูดไม่ออก
เขาอยากจะพูดออกมาว่า ” ฉันแน่ใจ ” สามคำนี้ แต่สามคำนี้ก็ติดอยู่ที่ปลายลิ้น เขาไม่มีความกล้าพอที่จะพูดออกมา
ซ่งเย้อันกำหมัดแน่น หลังจากนั้นเขาก็ถามกลับว่า ” แล้วคุณช่วยปกป้องภรรยาและลูกๆของผมในฐานะอะไร? ”
อวี้อี่มั่วพูดออกมาอย่างไม่ลังเล ” ในฐานะที่ผมเป็นเจ้านายของพวกเขา ผมมีสิทธิ์รักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานของผม ”
ซ่งเย้อันพูดปฏิเสธทันทีว่า ” การถ่ายแบบของเซินเซินและซาซาเสร็จสิ้นลงแล้ว การทำงานจบลงแล้ว คุณก็ไม่ได้เป็นเจ้านายของพวกเขาแล้ว ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น อวี้อี่มั่วก็กระพริบตา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
สักพัก เขาก็พูดขึ้นนิ่งๆว่า ” ดูเหมือนว่าหร่วนซือซือยังไม่ได้บอกคุณสินะว่าเธอรับงานภาพยนตร์สั้นการกุศลของบริษัทเราแล้ว ”
” อะไรนะ? ” ซ่งเย้อันขมวดคิ้ว สีหน้าเขาจริงจังขึ้น
อวี้อี่มั่วพูดเสริมว่า “งานนี้จะเริ่มถ่ายในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะเสร็จประมาณเดือนมกราคม ”
ซ่งเย้อันอึ้ง เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย
หร่วนซือซือและอวี้อี่มั่วลงนามร่วมงานกันใหม่อีกครั้ง แล้วทำไมถึงไม่บอกเขากันนะ?