“ท่านประธานครับ ตอนนี้จะทำอย่างไรกันดีครับ?”
เมื่อได้ยินเสียงตู้เยี่ยดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง อวี้อี่มั่วถึงหลุดออกจากภวังค์ทันที
เขากำโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือแน่นขึ้นเล็กน้อย ขมวดคิ้ว สีหน้าดุดันเย็นชา
เมื่อข่าวแบบนี้ได้เผยแพร่ออกไปแล้ว คำวิพากษ์จิจารณ์ต่างๆต้องมีเพิ่มมากขึ้น เกรงว่าพรุ่งนี้ทางด้านบริษัทคงจะเละเป็นโจ๊กแน่ๆ
ในสถานการณ์คับขันแบบนี้ หากให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ทำประกาศด่วนออกมา ไม่ว่าอย่างไรก็จะกลายเป็นราดน้ำมันบนกองเพลิงแน่ๆ อีกอย่างเขาก็ต้องรีบเข้าเมืองไปในคืนนี้ พรุ่งนี้เช้ารีบเข้าไปบริษัทเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่พนักงาน
หลังจากนั้นพักหนึ่ง เขาก็ออกคำสั่งเสียงเย็นยะเยือกขึ้นมาว่า “ไปเตรียมรถ”
ตู้เยี่ยลังเลเล็กน้อย สายตาสบมองไปยังบาดแผลที่พึ่งทำเสร็จของเขา “แต่ทว่าแผลของท่านประธาน……”
“ไม่เป็นไร รีบออกคำสั่งไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ ลบข่าวนั่นออกไป คืนนี้พวกเราจะกลับกัน จะได้หารือเตรียมการกับแผนการรับมือกัน”
พูดไป เขาก็หยิบสูทตัวใหม่ที่เตรียมเอาไว้อยู่ทางด้านข้างขึ้นมา ก่อนที่จะสาวเท้าออกไปโดยไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียว เมื่อเดินไปได้สองก้าว เขาหวนนึกขึ้นได้ถึงหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง ฝีเท้าหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่คิ้วจะขมวดเข้าหากันแน่น
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วนั้น ลำคอของเขาบีบรัดกันแน่นขึ้น ก่อนที่จะเอ่ยออกมาประโยคหนึ่งว่า “พรุ่งนี้เช้า โทรศัพท์หาซ่งเย้อัน บอกว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหร่วนซือซือ ส่งที่อยู่ไปให้เขาด้วย”
ตู้เยี่ยได้ยินดังนั้น นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ ก่อนจะรีบตกปากรับคำสั่งกลับไปอย่างรวดเร็วตามเดิม
มือที่ตกอยู่ข้างกายของอวี้อี่มั่วกำหมัดเขาหากันแน่นขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงสาวเท้ายาวก้าวออกไป ก่อนจะมุ่งตรงต่อไปในทางด้านหน้า
ที่บอกกับซ่งเย้อัน เป็นเพราะว่าเขาไม่สามารถอยู่ข้างเธอได้จริงๆ อีกทั้งคนที่จำยอมให้เข้าใกล้หร่วนซือซือได้ ก็มีแต่เขาเท่านั้นแล้ว
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพแล้ว เขานำลูกน้อง ก่อนจะออกจากไต้ซานไปทันที
ช่วงเช้า เมื่อตอนที่หร่วนซือซือตื่นขึ้นมา พระอาทิตย์ก็เริ่มทำหน้าที่แล้ว
เมื่อวานทุกข์ทรามานมาทั้งวัน เธอก็แทบจะร่างสลาย ทันทีที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา นอกจากบาดแผลที่ได้รับจากเมื่อวานจะมีอาการเจ็บเล็กน้อยแล้วนั้น ร่างกายก็ฟื้นฟูขึ้นมาได้ในระดับหนึ่งแล้ว
เธอเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา เมื่อเปิดประตูออกมากลับปะทะเข้ากับกลิ่นหอมกลิ่นหนึ่ง ทันใดนั้นเอง จึงเกิดเสียงร้องขึ้นมาในท้อง เธอจึงรีบกุลีกุจอตามหาต้นตอของกลิ่นหอมที่ว่านั้นทันที
นี่เป็นห้องชุด ห้องนอนห้องครัวมีพร้อม เธอพึ่งจะเดินมาถึงในส่วนของห้องครัวได้อยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงดังลอยออกมาจากด้านใน
เมื่อเดินไปถึงประตูห้องครัว สบมองเข้ากับแผ่นหลังที่กำลังหันหลังให้และงุนงวยอยู่ไม่หยุด หัวใจของเธอกลับรู้สึก “ตึกตัก” ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มเหมือนจะรู้สึกได้ ก่อนจะหันกลับมามองอย่างช้าๆ เมื่อเห็นเธอแล้ว นัยน์ตาจึงเป็นประกายขึ้นทันที พร้อมกับร้อยยิ้มแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “ซือซือ คุณตื่นแล้วหรือครับ?”
หร่วนซือซือพลันชะงักนิ่งไป สบมองซ่งเย้อันที่เดินตรงมาหาตนเอง สมองทั้งสมองอยู่ในภาวะตกตะลึงไปทันที
ทำไมถึงเป็นเขาได้กันนะ?
“คุณ……” หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”
เมื่อวานคนที่ขึ้นไปที่ไต้ซานเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป็นอวี้อี่มั่ว คนที่ตกหลุมล่าสัตว์กับเธอคนนั้นก็เป็นอวี้อี่มั่ว กลับมาที่โรงแรมแล้วเข้ารับการรักษาก็ยังคงเป็นอวี้อี่มั่ว ทำไมตื่นมาตอนเช้าของวันนี้ คนที่เห็นกลับเป็นเขาไปได้กัน?
“วันนี้ช่วงเช้ามีคนส่งข้อความมาหาผม บอกว่าคุณเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยที่ไต้ซานครับ ผมก็เลยรีบมาหา”
ซ่งเย้อันยิ้มกว้าง อธิบายกับเธออย่างอดทน ก่อนจะยื่นมือไปลูบศีรษะเธอไปมาอย่างแผ่วเบา แล้วเอ่ยถามขึ้นอย่างปลอบประโลมว่า “เมื่อวานคงจะตกใจน่าดูสินะครับ? ดีขึ้นหรือยังครับ?”
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่สติจะค่อยๆกลับมาอย่างช้าๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากให้กับเขา “ดีขึ้นมากแล้วล่ะค่ะ”
ซ่งเย้อันยิ้ม “ผมทำอาหารเช้าเอาไว้ คุณรีบไปล้างไม้ล้างมือเร็วครับ อีกประเดี๋ยวก็จะสามารถทานได้แล้วล่ะ”
หร่วนซือซือช้อนสายตาขึ้น ก่อนจะสบมองไปยังอาหารมากมายสองสามอย่าง มันผัดกุ้ง ฝักทองผัดไข่ อีกทั้งยังมีซุปสาหร่าย เป็นอาหารที่เธอชื่นชอบทั้งหมด เพื่อเธอแล้ว ซ่งเย้อันแปรเปลี่ยนจากชายที่ไม่เคยคิดจะเข้าครัวและทำงานบ้านมาเป็นชายหนุ่มที่มักจะเข้าครัวทำอาหารเป็นประจำ เขาเปลี่ยนไปเพื่อเธอมากจริงๆ
หัวใจของหร่วนซือซือพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้า หมุนตัวแล้วเดินไปล้างมือ แต่ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆหัวใจกลับรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยแบบนี้
ไม่รู้ว่าทำไมเลย หาเหตุผลของมันไม่เจอ
กลิ่นของอาหารดีมาก หร่วนซือซือหิวตั้งแต่เมื่อวานจนมาถึงตอนนี้ ทานข้าวไปทั้งหมดสองถ้วยเต็มๆ หลังจากนั้นจึงหวนนึกถึงตัวแสบทั้งสองคนที่อยู่ในบ้านก่อนจะเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ขึ้นมาว่า “เซินเซินซาซาเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
ซ่งเย้อันดื่มน้ำเข้าไปอึกหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “อันอันพาพวกเขาไปเล่นกันที่สวนน้ำแล้วครับ ผมจัดเตรียมคนให้ไปด้วยกัน คุณไม่ต้องกังวลนะครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หร่วนซือซือจึงค่อยๆวางใจ หวนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้แล้ว เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาจากกระเป๋าสะพาย เปิดเครื่อง เป็นไปตามคาด มีสายโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับหลายสายปรากฏอยู่ด้านบน โดยส่วนมากจะเป็นผู้กำกับกาวกับอวี้อี่มั่ว เป็นสายโทรเข้ามาจากเมื่อวานในตอนที่เธออยู่บนเขาทั้งสิ้น
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเขาขึ้นมาว่า “อวี้อี่มั่ว เขาเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
ในเมื่อซ่งเย้อันได้ยินเรื่องเล่าของเมื่อวานจากผู้กำกับกาวมาแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเขาก็คงจะรู้แล้วว่าเมื่อวานอวี้อี่มั่วไปช่วยเธอ
ใบหน้าของซ่งเย่อันไม่เป็นธรรมชาติ พลันชะงักนิ่งไป หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ได้ยินผู้กำกับกาวบอกมาว่าตอนนี้กลับเข้ามืองไปแล้วล่ะครับ”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็เอ่ยเสริมเพิ่มเติมขึ้นมาอีกว่า “ช่วงนี้อวี้กรุ๊ปโดนข่าวลืออย่างหนัก เขาในฐานะประธานบริษัท ย่อมต้องออกไปรับผิดชอบอยู่แล้วล่ะครับ”
พูดไป เขาก็ค่อยๆยกชาขึ้นมาจิบ น้ำเสียงคลับคล้ายคลับคลาราวกับว่ากำลังสนทนาเรื่องเล็กน้อยทั่วไปอยู่ก็ไม่ปาน
หัวใจของหร่วนซือซือบีบรัดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัวเล็กน้อย ถือโทรศัพท์ ก่อนจะอ่านข่าวโดยอัตโนมัติ
เป็นไปตามคาด พาดหัวข่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับอวี้กรุ๊ปโดยทั้งหมด
เรื่องก่อนหน้านี้ที่อวี้อี่มั่วตรวจสอบปัญหาบัญชีตอนนี้กลับกลายเป็นสงครามในตระกูลไปเสียแล้ว อวี้อี่มั่วกับอวี้กู้เป่ยแปรเปลี่ยนมาเป็นคู่ต่อสู้กันแล้วอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าบนอินเทอร์เน็ตจะไม่ได้บอกอะไรกับทุกคนเอาไว้อย่างชัดเจน แต่ทว่าทุกคนกลับรับรู้และทราบโดยทั่วกันแล้ว
หร่วนซือซือขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะอ่านข้อความที่ปรากฏขึ้นมา ภายในหัวใจกลับรุ้สึกไม่สงบสุขเลย
เมื่อก่อนเธอนึกมาตลอดเลยว่าอวี้กู้เป่ยเป็นคนที่ไม่ได้สนใจผลประโยชน์อะไรเลยคนหนึ่ง ไม่ต่อสู้แย่งชิงกับคน บวกกับขาทั้งสองข้างของเขาที่พิการใช้งานไม่ได้ นั่งวีลแชร์มาเป็นระยะเวลาหลายปี เธอไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลยว่าทำไมอวี้อี่มั่วถึงมีสายตามองเห็นเขาเป็นศัตรูอยู่ตลอดเวลาเป็นประจำ
แต่ทว่าตอนนี้ อวี้กู้เป่ยไม่ใช่ตัวละครง่ายดายเสียแล้ว
ในสมองของเธอฉายภาพในครั้งนั้นเป็นคำพูดของอวี้อี่มั่วที่เคยเอ่ยขึ้นที่อวี้กรุ๊ปในตอนนั้น……
ในตอนนั้น เธอนึกว่าอวี้อี่มั่วพูดมั่วไปอย่างนั้นเอง ก็แค่เพื่อหาข้ออ้างเท่ห์ๆให้กับตนเองก็แค่นั้น แต่ทว่าตอนนี้ ชายคนที่สามารถต่อกรกับอวี้อี่มั่วได้จะสามารถบริสุทธิ์ใสสะอาดได้อย่างไรกันนะ?
“ซือซือ กำลังคิดอะไรอยู่หรือครับ?”
ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงของซ่งเย้อันก็ดังลอยขึ้นมาที่ข้างใบหู
หร่วนซือซือหลุดออกจากภวังค์ทันที นัยน์ตาฉายประกายไม่เป็นธรรมชาติครั้งหนึ่ง ก่อนจะยกยิ้มขึ้นไปมา แล้วส่ายหน้าแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร
“ซือซือครับ เมื่อสองสามวันก่อนที่ผมออกไปทำงานนอกสถานที่ผมได้คิดๆดูแล้ว เดือนหน้า คุณเสร็จงานแล้ว พวกเราไปผ่อนคลายกัน พาเซินเซินซาซาไปด้วย เป็นไงครับ?”
หร่วนซือซือเกิดความสังสัยขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นว่า “ไปไหนหรือคะ?”
ซ่งเย้อันช้อนสายตาขึ้น ก่อนที่นัยน์ตาจะฉายประกายสดใสและอบอุ่นออกมา “ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสครับ”
เขาอยากพาเธอไปมาตั้งนานแล้ว ประจวบเหมาะกับเดือนหน้าจะถึงวันครบรอบแต่งงานของพวกเขาแล้ว ถึงแม้ว่าภายนอกเขาจะเป็นแค่สามีภรรยากันในนาม แต่ทว่าเขาก็ยังอยากที่จะมีวันดีๆของพวกเขาร่วมกัน
หร่วนซือซือช้อนสายตาขึ้น สบมองกับนยัน์ตาสุขุมของชายหนุ่มตรงหน้า ภายในใจรู้สึกลังเลขึ้นมาเล็กน้อย
“ดีไหมครับ?”
ซ่งเย้อันยื่นมืออกไป ก่อนจะกอบกุมมือเธอเอาไว้อย่างแผ่วเบา นันย์ตาเป็นไปด้วยความคาดหวังและรอคอย
ในตอนแรกเริ่ม เป็นเพราะว่าหร่วนซือซือปกปิดเขาและเซ็นสัญญาถ่ายทำกับอวี้อี่มั่วไปแล้วนั้น หัวใขอของเขาเย็นเฉียบ ออกไปทำงานนอกสถานที่ไม่กี่วัน ก็สงบลงแล้ว เขาค้นพบว่าในสมองของเขามีใบหน้าของเธอฉายไปๆมาๆอยู่ตลอด เขาถึงรับรู้ได้ว่า รักของเขาที่มีแต่เธอ มันมีมากกว่าที่จิตนการเอาไว้อยู่มากโข
เขาไม่สามารถไม่มีเธอได้เลย ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะให้อภัย เลือกที่จะนิ่งเงียบ เลือกที่จะอยู่เคียงข้างเธอต่อไป เลือกที่จะรอต่อไป จนถึงวันที่เธอใจอ่อนวันนั้น
หร่วนซือซือหัวใจกระตุกวูบไหว สบมองนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของชายหนุ่ม สุดท้ายแล้วจึงส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย “ค่ะ เดือนหน้าพวกเราจะไปกันค่ะ”
ก็คงจะเป็นตอนที่ต้องจากเจียวโจวไปแล้วล่ะ