ดั่งรักบันดาล – บทที่477 แผนการที่เลวร้ายที่สุด

บทที่477 แผนการที่เลวร้ายที่สุด

หร่วนซือซือที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเสียงของซ่งเย้อัน ก็พลอยตกใจไปด้วย เธอรีบเงี่ยหูฟัง

ไม่นาน ซ่งเย้อันก็วางสายไป เขาหันไปมองหน้าหร่วนซือซือด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

หร่วนซือซือเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน ทั้งคู่ออกจากโรงพยาบาล ก็รีบตรงไปที่สถานีตำรวจทันที

เพิ่งถึงหน้าสถานีตำรวจ หร่วนซือซือก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจ้าวยืนอยู่ด้านนอกอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจ้าวพาทั้งคู่เข้าไปด้านในสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่จ้าวก็เริ่มอธิบายเหตุการณ์ให้ทั้งคู่ฟัง : “เซี่ยวเสี่ยวหลิน อายุ 28 ปี เคยมีประวัติลักขโมย วันนี้ช่วงบ่ายเธอเข้ามามอบตัวด้วยตัวเองที่สถานีตำรวจ พร้อมกับสารภาพที่ซ่อนรถคันที่ใช้ก่อเหตุ หลังจากนั้นทางเราก็ตรวจเจอดีเอ็นเอที่เป็นของเธอได้บนรถคันนั้นครับ”

หร่วนซือซือได้ยินแล้ว รู้สึกเหมือนกับกำลังฟังเรื่องของใครก็ไม่รู้ที่เธอไม่รู้จัก จนตำรวจได้พาเธอยังจุดฝากขังที่สถานีตำรวจ เธอจึงเพิ่งเห็นใบหน้าที่เหลืองซีดของผู้หญิงคนนั้นผ่านกรงเหล็กสีเทา

ผมของเธอยาว เธอเอาแต่ก้มหน้า เสื้อผ้าเก่าขาด เธอหลบสายตาไม่กล้าสู้หน้าใคร

ตำรวจจ้าวชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับหันมาบอกเธอและซ่งเย้อันว่า : “เธอคนนั้นก็คือเสี่ยวหลิน”

หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า รู้สึกเหมือนรับไม่ค่อยได้ ตามความคิดของเธอแล้ว คนที่ลงมือทำคือเย่หว่านเอ๋อไม่ผิดแน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นผู้หญิงคนนี้ คนที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

ซ่งเย้อันที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เขาหมวดคิ้ว ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม : “ก่อนหน้านี้ตรวจดีเอ็นเอบนรถไม่เจอไม่ใช่เหรอ?”

ก่อนหน้านี้คนของเจ้าหน้าที่กวงก็ได้ตรวจสอบแล้ว เขาเองก็ยังสั่งให้เสี่ยวลิ่วไปตรวจสอบอีกรอบ บนรถสะอาดหมดจด ราวกับว่ามีคนทำความสะอาดเรียบร้อย ไม่เหลือร่องรอยหลักฐานใดๆทั้งสิ้น

เจ้าหน้าที่จ้าวพยักหน้า พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ก่อนหน้านี้มันเป็นแบบนี้ก็จริง แต่เธอได้เล่าว่าวันนั้นเธอขับรถอยู่ ไม่ทันระวังจึงบาดโดนมือของตัวเอง ทางเราเลยให้คนไปตรวจสอบอีกรอบ จึงพบคราบเลือดส่วนหนึ่งบนพวงมาลัย ”

หร่วนซือซือที่ยืนอยู่ข้างๆ มองไปยังผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในห้องขัง ในใจรู้สึกไม่เชื่อเลยจริงๆ เธอสูดลมหายใจเข้าพร้อมกับถามขึ้นว่า : “แล้วเธอจะชนฉันทำไม? ฉันเองไม่รู้จักเธอเลยแม้แต่นิดเดียว”

เจ้าหน้าที่จ้าวหันมาพูดว่า : “เธอบอกว่ารถคันนั้นคือรถที่เธอขโมยมาอีกที ตอนแรกกะว่าจะเอาไปขาย แต่เป็นเพราะไม่มีประสบการณ์ขับรถ เธอจึงเหยียบคันเร่งแทนเบรก เลยชนคนเข้าอย่างไม่ตั้งใจ หลังจากนั้นยิ่งคิดเธอก็ยิ่งกลัว สุดท้ายจึงมอบตัวโดยตัวเอง”

หร่วนซือซือเมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว เธอก็รีบปฏิเสธขึ้นมาทันที : “เป็นไปไม่ได้!”

หลักฐานแวดล้อมทุกอย่างเพียบพร้อมและสมบูรณ์เกินไป แต่เธอไม่เชื่อว่าเรื่องครั้งนี้มันจะเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ!

เธอคิดว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นการเจตนาฆ่า และเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เรียกได้เต็มปากว่าเป็นการฆาตกรรม! และผู้หญิงคนนี้ที่เธอไม่รู้จัก ไม่ใช่ฆาตกรอย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้น ความน่าจะเป็นไปได้ที่สุด ก็คือฆาตกรตัวจริงให้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นแพะรับบาปเพื่อปกปิดอาชญากรรม!

หร่วนซือซือกัดฟันแน่น เธอเดินตรงไปที่หน้าห้องขัง จ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นแล้วพูดขึ้นเสียงดังว่า : “เซียวเสี่ยวหลิน เธอโดนคนบงการอยู่ใช่ไหม? หรือว่ากำลังโดนใครบางข่มขู่อยู่?”

เซียวเสี่ยวหลินเมื่อได้ยินแล้ว เธอก็อึ้งไป รีบส่ายหน้าทันที : “ไม่ใช่ ฉันเองนี่แหละ ฉันเป็นคนขับรถชนคน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ!”

เธอส่ายหน้าไม่หยุด แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว : “ตาข่ายสวรรค์ ถึงจะห่างแต่ไม่รั่ว ฉันกลัว ฉันถึงมามอบตัว ฉันชนผู้หญิงคนนั้นไป แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ!”

หร่วนซือซือเห็นสถานการณ์แล้ว เธอกำมือแน่นยังไม่รู้ตัว ลึกๆในใจรู้สึกไม่มีแรงเลย

วันนี้ มีคนเดินมามอบตัวด้วยตัวเอง หลักฐานเพียบพร้อมสมบูรณ์ รูปคดีแบบนี้ ก็เท่ากับว่ามันจบไปแล้วสินะ แต่ลึกๆในหัวใจของเธอ มีเสียงๆหนึ่งที่ดังขึ้นอย่างชัดเจนว่าเซียวเสี่ยวหลินไม่ใช่ฆาตกรตัวจริง!

เธอเชื่ออย่างหมดใจ ว่ามีฆาตกรตัวจริงอยู่เบื้องหลังแน่นอน!

เมื่อเดินออกจากสถานีตำรวจแล้ว เจ้าหน้าที่จ้าวก็มาส่งเขาและเธอที่หน้าประตู เมื่อออกมาแล้ว หร่วนซือซือที่เพิ่งมีโอกาสได้คุยกับซ่งเย้อัน เธอจึงรีบพูดขึ้นว่า : “เย้อัน นายรู้สึกว่าใช่เธอหรือเปล่า?”

ซ่งเย้อันส่ายหน้า ขมวดคิ้วแน่น : “ไม่ใช่”

“ฉันเองก็รู้สึกไม่ใช่” หร่วนซือซือกำมือแน่น: “ผู้หญิงคนนี้ เป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น”

ถ้าหากฆาตกรตัวจริงเป็นเย่หว่านเอ๋อ ก็คงจะหาวิธีล้างมลทินของตัวเอง ด้วยการหาผู้หญิงอีกคนมารับผิดแทน ถ้าเป็นแบบนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะเย่หว่านเอ๋อจิตใจเหี้ยมโหดไม่ต่างอะไรจากอสรพิษ เธอไม่สนใจอยู่แล้วว่าใครจะเป็นใครจะตาย

ซ่งเย้อันสีหน้าเครียดขรึม พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ในเมื่อตำรวจตรวจไม่เจอ งั้นเราก็คงต้องตรวจด้วยวิธีของเราเอง”

หร่วนซือซือหันกลับมา มองไปยังสีหน้าเย็นชาของเขา : “จะทำยังไง?”

เมื่อได้ยินแล้ว ซ่งเย้อันก็หันกลับมามองเธอ สีหน้ากลับเป็นปกติ พูดขึ้นเสียงเบาว่า : “เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉัน เธอเตรียมตัวเรื่องเอกสารไปต่างประเทศก็พอ”

หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า เธอไม่ได้คิดอะไรมาก พยักหน้าตอบรับเบาๆ

พวกเขาได้กำหนดการเดินทางออกจากประเทศเรียบร้อยแล้ว อีกไม่กี่วัน พวกเขาก็จะเดินทางออกจากเจียงโจวไปต่างประเทศแล้ว เพราะฉะนั้นเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน สิ่งสำคัญที่สุดคือเธอจะต้องรีบจัดการเรื่องทางนี้ให้เสร็จก่อนวันเดินทาง

เมื่อออกจากสถานีตำรวจแล้ว ซ่งเย้อันก็ตรงไปจัดการงานของเขาที่บริษัท หร่วนซือซือเองก็ได้ไปห้างสรรพสินค้าใกล้ๆเพื่อซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ ศจ.หร่วนและคุณนายหลิว

การตัดสินใจรอบนี้ค่อนข้างกะทันหัน เธอยังไม่ทันที่จะได้แจ้งบอกนี้กับทั้งคู่เลย ศจ.หร่วนกับคุณนายหลิวเพิ่งจะได้ใช้ชีวิตผู้สูงวัยมือใหม่ เอง แล้วจู่ๆก็พาเซินเซินและซาจากไป เธอเองก็กลัวว่าทั้งคู่จะยังทำใจไม่ได้

แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ของอันอันรอต่อไปไม่ได้จริงๆ เธอไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงชดเชยให้ทั้งคู่ด้วยวิธีอื่นเท่านั้น

เดินมาครึ่งค่อนวัน หร่วนซือซือเลือกชุดได้สองชุด เธอรูดบัตรแล้วรอพนักงานนำเสื้อผ้าไปแพ็ค ระหว่างนั้นเธอก็หันไปเลือกเสื้อผ้าผู้ชาย

นึกๆแล้ว ตั้งแต่รู้จักกับซ่งเย้อันหลายปีมานี้ เธอแทบจะไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้เขาเลย

เธอเลือกเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มตัวหนึ่ง กำลังจะให้พนักงานไปแพ็ค จู่ๆก็เห็นเย่หว่านเอ๋อกับคุณนายเย่ ที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ไม่ไกลมาก พอดีกับที่เย่หว่านเอ๋อเงยหน้าขึ้น ทั้งคู่จึงสบตากัน และอึ้งไปตามๆกัน

วินาทีนั้น สีหน้าของหร่วนซือซือเข้มขรึมขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง พร้อมกับละสายตามองไปทางอื่น

นึกไม่ถึงเลยว่า จะมาเจอเธอในที่แบบนี้!

“แม่คะ ลองดูเสื้อเชิ้ตตัวนั้นสิ สวยรึเปล่าคะ!”

ได้ยินเสียงของเย่หว่านเอ๋อดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ไม่รอให้หร่วนซือซือได้ทันทำอะไร เย่หว่านเอ๋อก็ดึงแขนคุณนายเย่มาจนถึงข้างๆเธอ พร้อมกับหยิบเสื้อเชิ้ตสีเทาตัวนั้นขึ้นมาให้คุณนายเย่ดู : “แม่คะ ตัวนี้ไง แม่ดูสิว่าเหมาะกับอี่มั่วหรือเปล่า?”

“ก็ดีนี่ แต่ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะมาเลือกเสื้อผ้าให้พ่อเธอเหรอ? ทำไมไปคิดถึงอี่มั่วอีกแล้ว เฮ้ย! มิน่าล่ะเขาถึงว่า ลูกสาวที่แต่งออกเรือนไปแล้ว ก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป จะเห็นคนอื่นดีกว่าคนในครอบครัวตัวเอง!”

เย่หว่านเอ๋อหัวเราะเบาๆ : “เปล่าเสียหน่อย!”

หร่วนซือซือเมื่อได้ยินแล้ว เธอขมวดคิ้ว เตรียมจะเดินออกไป แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวขา จู่ๆก็โดนเรียก : “นี่มันหร่วนซือซือนี่นา บังเอิญจังเลย มาเจอเธอที่นี่ได้!”

หร่วนซือซือหันหน้ากลับไป จ้องหน้าของเย่หว่านเอ๋อด้วยสีหน้าแววตาที่เย็นชา เธอไม่ได้ตอบอะไร

คุณนายเย่ที่ยืนอยู่ข้างๆเมื่อได้ยินชื่อ”หร่วนซือซือ”ชื่อนี้แล้ว ก็ขมวดคิ้วพร้อมกับหันไปมองหน้าเธอ : “เธอก็คือ……หร่วนซือซือ?”

หร่วนซือซือตอบอย่างเปิดเผย : “ใช่ มีอะไรเหรอ?”

เป็นเพราะท่าทางที่ค่อนข้างกระด้างของเธอ ทำเอาสีหน้าของคุณนายเย่เครียดขรึมขึ้นมา

เธอเตรียมจะพูดต่อแต่ จู่ๆเย่หว่านเอ๋อก็พูดขึ้นว่า : “แม่คะ แม่ไปเลือกเนกไทให้พ่อก่อน หนูมีเรื่องจะคุยกับผู้หญิงคนนี้”

คุณนายเย่ที่กำลังเตรียมจะพูดอะไร แต่เมื่อได้ยินเย่หว่านเอ๋อพูดแบบนี้ เธอลังเลไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้าพร้อมกับเดินออกไป

คุณนายเย่พึ่งเดินออกไป เย่หว่านเอ๋อก็หัวเราะขึ้นมาทันทีว่าพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ได้ยินมาว่า ผู้หญิงที่ชนซ่งอวิ้นอันโดนจับแล้วเหรอ?”

ดั่งรักบันดาล

ดั่งรักบันดาล

Status: Ongoing

หร่วนซือซือต้องนัดดูตัว แต่อีกฝ่ายคือเจ้านายของเธอ “ประธาน……ประธานอวี้ คุณไปผิดที่รึปล่าว” “หร่วนซือซือ” ชายหนุ่มเรียกชื่อของเธอ ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ในเมื่อเราสองคนก็รู้จักกันแล้ว เราก็มาแต่งงานกันเถอะ” “…………..” หลังจากแต่งงานหร่วนซือซือพบว่าชายคนนี้เมื่ออยู่ที่บริษัทเขาจะมีความเด็ดขาดในธุรกิจมาก และเป็นผู้กุมอำนาจของบริษัท และเมื่อเขาอยู่ที่บ้านเขาก็จะอ่อนโยนต่อเธอมาก

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท