ดั่งรักบันดาล – บทที่517 คุณย่าทราบเรื่องหมดแล้ว

บทที่517 คุณย่าทราบเรื่องหมดแล้ว

องค์หญิงไท่อันหน้าแดงก่ำ นัยน์ตาแดงก่ำ “หลี่หวาย เจ้าพูดจาเหลวไหล”

แต่หลี่หวายลากร่างของเขาอย่างสุดกำลังเพื่อเข้าใกล้เซี่ยหวนอวี่และลืมตาขึ้น มาชี้ไปที่องค์หญิงไท่อัน และกล่าวว่า “เป็นองค์หญิงไท่อัน พ่ะย่ะค่ะ” พูดจบเขาก็ไออีกครั้ง

เมื่อเห็นสิ่งนี้ องค์หญิงไท่อันก็ก้าวเข้าไปทางหลี่หวาย ยกเท้าขึ้นและจะเตะลง

เซี่ยหวนอวี่เหลือบมองไปที่องค์หญิงไท่อัน และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ในเมื่อองค์หญิงไท่อันไม่สามารถยืนฟังได้ ทหาร นำเก้าอี้มาให้องค์หญิงไท่อันนั่งฟัง”

แม้ว่าจะเป็นการประทานให้นั่ง แต่การกระทำของทหารรักษาการณ์ก็ไม่ปราณีใดๆ กดองค์หญิงไท่อันนั่งลงบนเก้าอี้โดยตรง หยุนชางมองดูองค์หญิงไท่อันขัดขืนครู่หนึ่ง แต่ดูเหมือนนางจะขยับตัวไม่ได้ จึงมองดูชายที่โกหกบนพื้นดินด้วยแววตาอันโกรธเกรี้ยว

จากนั้นหลี่หวายก็ผ่อนลมหายใจ แต่ลมหายใจของเขายังคงอ่อนแรงราวกับว่าเขาเสียชีวิตเมื่อใดก็ได้ “แม้ว่าหม่อมฉันจะไม่ใช่คนโปรดขององค์หญิงไท่อัน แต่ทว่า…ไท่อัน…องค์หญิงไท่อันเห็นว่าหม่อมฉันรูปงาม จงใจหลอกล่อหม่อมฉัน…จนเกิดความสัมพันธ์ที่ไม่อาจเปิดเผยได้ เรื่องนี้ดำเนินมามากกว่าสองปีแล้ว วันนี้หม่อมฉัน ได้ตุ๊กตาคุณไสยจากเสี่ยวอันจื่อกงกง… หม่อมฉันก็นำไปตำหนักที่เงียบสงบเพื่อตรวจสอบ แต่…แต่เมื่อตรวจได้ครู่หนึ่ง องค์หญิงไท่อันก็เสด็จมา”

“องค์หญิงไท่อันตรัสว่า…พระองค์ต้องรอในตำหนัก…รอเลี่ยวคงไต้ซือเข้าวัง รู้สึกน่าเบื่อมาก เลยอยากสนุกกับหม่อมฉัน หม่อมฉัน…หม่อมฉันปฏิเสธสองครั้ง แต่สุดท้ายก็ยอมจำนนด้วย เกรงว่านางกำนัลที่องค์หญิงไท่อันนำมาจะฉวยโอกาส และฉวยโอกาสทำสิ่งเหล่านั้น”

หลี่หวายกล่าวจบ หลังจากนั้นเขาก็ไอเป็นเวลานานก่อนจะรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

เซี่ยหวนอวี่ไม่ได้มองที่องค์หญิงไท่อันที่กำลังหงุดหงิด แต่หันไปหาหลิวเหวินอัน “วันนี้องค์หญิงไท่อันนำนางกำนัลกี่คนเข้ามาในวัง”

หลิวเหวินอันครุ่นคิดสักครู่ก่อนที่จะตอบกลับไปว่า “สี่คน”

หยุนชางอดตกใจไม่ได้ โดยทั่วไปแล้ว การนำนางกำนัลแค่คนเดียวเข้ามาในวังก็มีขีดจำกัดแล้ว แต่องค์หญิงองค์นี้อาศัยการเป็นองค์หญิงคนโปรดทำเรื่องเยี่ยงนี้ได้

“พาทั้งสี่คนเข้ามา”เซี่ยหวนอวี่กล่าวอย่างเย็นชา

หลิวเหวินอันได้ยินคำพูดนั้น ก็รีบออกคำสั่งกับคนที่อยู่ด้านข้างอย่างรวดเร็ว หยุนชางจับมือลั่วชิงเหยียน และลั่วชิงเหยียนมองย้อนกลับไปที่หยุนชางอย่างเบาๆ ครุ่นคิดสักครู่แล้วจึงยืนขึ้น “เรื่องนี้ดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่หม่อมฉัน ไม่ทราบว่าหม่อมฉันจะขอพูดอะไรได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”

เซี่ยหวนอวี่ยกมือขึ้น และโบกมือให้หลิวเหวินอันรอ “พูดมา”

ลั่วชิงเหยียนไม่ได้พูดทันที แต่เงียบไปสักพัก ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ถึงแม้จะพานางกำนัลเข้ามาและพบว่านางกำนัลได้รับบาดเจ็บ มันทำได้แค่หมายความว่านางได้แตะต้องตุ๊กตาคุณไสย หม่อมฉันมีแผนที่จะทำให้เรื่องนี้ชัดเจน”

“โอ้? ลองพูดมา”

ลั่วชิงเหยียนเผยรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “ตอนที่หม่อมฉันอยู่แคว้นหนิง ถูกคนอื่นใส่ร้ายโดยบอกว่าหม่อมฉันลอบฆ่ารัชทายาทของแคว้นเย้หลาง ชางเจียคังหนิง วิธีที่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังมีความแปลกใหม่ วันนี้เรามาชมวิธีนั้นดีกว่าไหมพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาของเซี่ยหวนอวี่เป็นประกาย หยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ดังนั้น ก็ให้รุ่ยอ๋องจัดการ แต่เจ้าก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยเช่นกัน หากเจ้าต้องการเตรียมการ เจ้าไม่สามารถออกไปจากห้องนี้ได้”

ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบาๆ “พ่ะย่ะค่ะ”

นางกำนัลขององค์หญิงไท่อันทั้งสี่คนที่รออยู่หน้าประตูตำหนักไม่รู้ว่าภัยพิบัติใกล้เข้ามาแล้ว ปกติพวกนางอาศัยชื่อเสียงขององค์หญิงไท่อัน รังแกนางกำนัลมาไม่น้อย

“ข้าได้ยินจากทหารรักษาการณ์มาว่า ฝ่าบาทได้ออกคำสั่งแล้ว ถ้าไม่รู้ความจริงก็ไม่สามารถออกจากตำหนักได้ เกรงว่าต้องรอสักพัก หลี่หวายจะถูกโบยเกือบตายและถูกลากเข้าไป ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาหรือเปล่า พูดอะไรหน่อย” นางกำนัลร่างเล็กคนหนึ่งกระซิบ

อีกคนรีบพูดขึ้น “เป็นไปได้อย่างไรที่จะพูดอะไรออกมา เจ้ารู้ไหม เขามีจุดด้อยอยู่ในมือขององค์หญิง ชุนเถา ถ้ายังต้องรอสักพักจริงๆ เราก็ไปหาอะไรทานกันเถอะ ข้ายังไม่ได้ทานอะไรเลย”

หญิงสาวที่ชื่อชุนเถาพยักหน้าซ้ำๆ “ไปที่ห้องเครื่องดูกันเถอะ”

หลังจากพูดจบ นางกำนัลทั้งสี่มองไปที่ประตูตำหนักที่ปิดสนิท และจากไปอย่างเงียบๆ แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าได้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว

ทั้งสี่แอบเข้าไปที่ห้องเครื่องและมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่ามีขนมอบสีทองกำลังนึ่งอยู่บนหม้อ พวกนางจึงรีบมองไปที่นางกำนัลที่กำลังทำงานอยู่ “พี่สาว ขนมนี้สามารถแบ่งให้พวกเราหน่อยได้หรือไม่? องค์หญิงไท่อันทรงหิว ต้องการจะเสวยอะไรเล็กน้อย”

นางกำนัลนางนั้นเหลือบมองทั้งสี่คน ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ในเมื่อองค์หญิงทรงต้องการ ก็เอาไปเถอะ ยังพอมีเวลา ประเดี๋ยวข้าค่อยทำใหม่”

ทั้งสี่มองซึ่งกันและกัน แล้วหยิบจานมาหนึ่งใบ หยิบขนมจากหม้อหลายๆชิ้นมาใส่บนจาน ออกจากห้องเครื่อง ไปแอบที่มุมแล้วก็ทานกัน

พอทานไปครึ่งหนึ่ง ก็เห็นกงกงรีบเดินเข้ามา ทั้งสี่ก็รีบซ่อนขนมไว้ข้างหลัง กงกงเห็นทั้งสี่ก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนโล่งใจ “โอ้ พี่ๆทั้สี่ ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ”

“มีอะไรรึ” ชุนเถาถามขึ้นอย่างรวดเร็ว “หรือว่า องค์หญิงกำลังตามหาเราอยู่หรือ”

“เป็นเช่นนั้น” กงกงตบหน้าอกตัวเอง “องค์หญิงออกจากตำหนักหารือและไม่พบใคร ทรงโกรธมาก พี่ทั้งสี่เร็วๆเถิด ในตอนนี้องค์หญิงประทับอยู่ที่ตำหนักเฉียนหลิง”

ตำหนักเฉียนหลิงเป็นที่ที่องค์หญิงไท่อันมักไปประทับในวัง เป็นตำหนักของไทเฮา ไทเฮาทรงโปรดองค์หญิงไท่อันมาก แม้ตอนนี้ไทเฮาไม่อยู่ในวัง องค์หญิงไท่อันก็จะเสด็จไปทุกครั้งที่นางเข้าวัง

เมื่อกงกงจากไป ทั้งสี่คนก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “ทั้งหมดเพราะชุนเถา อยู่ดีๆ ก็บอกจะมาหาอะไรทาน ถ้าองค์หญิงทรงเกรี้ยวขึ้นมา จะทำยังไง”

“เซี่ยเหอ เจ้าขี้ขลาดเสียจริงไม่ต้องห่วง มีข้าชุนเถาอยู่ ข้าสัญญาว่าองค์หญิงจะไม่ทรงเกรี้ยวแน่” ขณะที่พูดนางหยิบขนมที่ซ่อนอยู่ข้างหลังออกมา ยังเหลืออีกสี่ชิ้น ชุนเถายิ้ม และจัดเรียงใหม่ “เราก็บอกไปว่าถามทหารรักษาการณ์แล้วบอกว่าต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเสด็จออกมาได้ จำได้ว่าวันนี้องค์หญิงยังมิได้เสวยอะไร เราจึงรีบมาที่ห้องเครื่องเพื่อนำขนมมาให้องค์หญิงเสวย แต่ไม่นึกว่าองค์หญิงจะเสด็จออกมาเร็วนัก”

อีกสามคนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และเดินตามชุนเถาไปที่ตำหนักเฉียนหลิง

ทั้งสี่เพิ่งเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของตำหนักเฉียนหลิง และกำลังจะเข้าไปในห้องโถงชั้นใน แต่พวกนางได้ยินเสียงถ้วยตกพื้นและแตก พวกเขาทั้งสี่มองหน้ากันและหยุดเดิน

“กลับมาแล้วหรือ ข้ายังคิดว่า พวกเจ้าจะกลับมาไม่ได้แล้ว” เสียงขององค์หญิงไท่อันดังมาจากข้างในด้วยความโกรธเล็กน้อย

ทั้งสี่รีบคุกเข่าลงที่หน้าประตูห้องโถงชั้นใน “หม่อมฉันผิดไปแล้ว เพียงแต่ได้ถามทหารรักษาการณ์ที่อยู่นอกห้องโถง ทหารรักษาการณ์กล่าวว่า ฝ่าบาทได้ทรงมีคำสั่งว่าถ้าไม่มีการสอบสวนให้ชัดเจน ห้ามออกจากตำหนักหารือ พวกหม่อมฉันเห็นว่าวันนี้องค์หญิงไม่ได้เสวยอะไรเลย ก็เลยพากันไปที่ห้องเครื่องเพื่อเอาอาหารให้องค์หญิง แต่ไม่คิดว่าที่ห้องเครื่องมีแค่ขนม ดังนั้น พวกหม่อมฉันจึงเอาแค่ขนมกลับมาเพคะ”

หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงขององค์หญิงไท่อันดังขึ้นอีกครั้ง “ก่อนหน้านี้ที่หลี่หวายถูกโบย พวกเจ้าได้เห็นหรือไม่ โชคดีที่เขาไม่ได้เปิดโปงมาที่ข้า วกเจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี?”

ชุนเถาพูดอย่างเร่งรีบ “องค์หญิงมีจุดอ่อนของหลี่หวายอยู่ในมือ แน่นอนว่าหลี่หวายมิกล้าแน่นอน องค์หญิงมิต้องกังวลเพคะ ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อย ตราบใดที่หลี่หวายไม่พูดอะไร ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพคะ”

“จริงหรือ?” องค์หญิงไท่อันทำเสียงอย่างเย็นชา “ข้ารู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี เรื่องเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ทูลองค์หญิง แม้ว่าหม่อมฉันจะไม่รู้ว่าตุ๊กตาคุณไสยที่หม่อมฉันไปวางที่จวนรุ่ยอ๋องแต่ทำไมไปพบได้ในหลายๆแห่ง แต่หม่อมฉันสัญญาว่า เรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ตอนนี้ หลี่หวายปิดปากแน่น คงไม่มีใครคิดว่าเป็นฝีมือของพวกหม่อมฉันหรอกเพคะ ยิ่งกว่านั้น ชายที่ส่งไปลักพาตัวเลี่ยงคงไต้ซือจะรู้ว่าเขาสวมหน้ากาก แม้ว่าฝ่าบาทจะพบเลี่ยงคงไต้ซือ ก็มิอาจตรวจสอบมาถึงเราเพคะ” เสียงของชุนเถามีท่าทีชื่นชมเล็กน้อย ราวกับว่านางมีความชื่นชมองค์หญิงไท่อันอย่างมาก

องค์หญิงไท่อันถอนหายใจเบาๆ หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ตรัส “พวกเจ้าบอกว่า สิ่งที่ข้าทำ ข้าทำผิดหรือไม่?”

คนทั้งสี่ที่อยู่นอกห้องโถงมองหน้ากัน ทุกคนมีแววตาแปลกใจ และพวกเขาเงียบไปนาน แล้วชุนเถาก็พูดว่า “องค์หญิงมิได้ทำอะไรผิดเพคะ เพียงแค่ว่าองค์หญิงทรงรักมากเกินไป แต่ว่าองค์หญิง ตอนนี้ไม่มีคนผู้นั้นแล้ว องค์หญิงก็มิควรเศร้าเกินไป จวนขององค์หญิงยังมีชายรูปงามอยู่มากมาย องค์หญิงเพียงแค่เสียชายรูปงามไปแค่ผู้เดียวเพคะ”

“เฮอะ…” องค์หญิงไท่อันหัวเราะเบาๆ ดูเหมือนขมขื่น “ใช่ หายไปแล้ว ข้าต้องการจะ แก้แค้น แก้แค้น!”

ชุนเถาเงียบอยู่นานก่อนจะตอบว่า “องค์หญิงต้องการแก้แค้นฝ่าบาท หม่อมฉันเข้าใจดีเพคะ แต่ถึงแม้รุ่ยอ๋องจะเพิ่งมาถึงแคว้นเซี่ย แต่ก็ไม่ง่ายที่จะรับมือ ตอนที่อยู่แคว้นหนิงรุ่ยอ๋องถูกขนานนามว่าเทพแห่งสงคราม เกรงว่าจะไม่ใช่แค่การเรียกขนานนามเฉยๆ หม่อมฉันเคยได้เห็นแววตาของรุ่ยอ๋องในงานเลี้ยงแม่ท่านเฉยเมยและเย็นชา แม้แต่ฝ่าบาทและฮองเฮาก็มิทรงได้รับเกียรติแม้แต่ได้ ถ้ารุ่ยอ๋องรู้ว่าเป็นฝึมือองค์หญิง เกรงว่าแม้แต่ไทเฮาก็มิอาจปกป้อง องค์หญิงได้เพคะ”

“แล้วข้าควรปล่อยให้รุ่ยอ๋องอยู่อย่างมีความสุขงั้นหรือ” องค์หญิงไท่อันเยาะเย้ย

“องค์หญิง รัชทายาทก็สิ้นพระชนม์ไปแล้ว แค้นนี้ต้องชำระอย่างแน่นอน แต่องค์หญิงไม่ควรรีบร้อนนัก องค์หญิงโปรดทรงคิดอย่างสงบ รัชทายาทสิ้นพระชนม์เช่นนี้ มีคนที่อยากแก้แค้นมากมายแน่เพคะ ในนั้นก็มีฮองเฮาอยู่ด้วย เหตุใดองค์หญิงต้องรีบชิงลงมือก่อนเพคะ ไทเฮามักตระสว่าองค์หญิงหุนหันพลันแล่น ดังนั้นให้พวกหม่อมฉันเกลี้ยกล่อมพระองค์บ้าง องค์หญิงควรนึกถึงความยากลำบากของไทเฮาด้วยเพคะ ไทเฮาทรงอบรมเลี้ยงดูองค์หญิงมานาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า องค์หญิงสามารถเป็นฮองเฮาของฝ่าบาทองค์ใหม่ ฟื้นฟูชื่อเสียงของตระกูลหลิน องค์หญิง รัชทายาทสิ้นพระชนม์แล้ว และจะมีรัชทายาทองค์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม รัชทายาทคือ เขาจะเป็นราชบุตรเขยขององค์หญิงแน่นอน องค์หญิงมิจำเป็นต้องเสียพระทัยกับคนที่ตายไปแล้วเพคะ…” ชุนเถารีบเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงต่ำ

ดั่งรักบันดาล

ดั่งรักบันดาล

Status: Ongoing

หร่วนซือซือต้องนัดดูตัว แต่อีกฝ่ายคือเจ้านายของเธอ “ประธาน……ประธานอวี้ คุณไปผิดที่รึปล่าว” “หร่วนซือซือ” ชายหนุ่มเรียกชื่อของเธอ ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ในเมื่อเราสองคนก็รู้จักกันแล้ว เราก็มาแต่งงานกันเถอะ” “…………..” หลังจากแต่งงานหร่วนซือซือพบว่าชายคนนี้เมื่ออยู่ที่บริษัทเขาจะมีความเด็ดขาดในธุรกิจมาก และเป็นผู้กุมอำนาจของบริษัท และเมื่อเขาอยู่ที่บ้านเขาก็จะอ่อนโยนต่อเธอมาก

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท