ดั่งรักบันดาล – บทที่ 551 โอนหุ้นส่วนทั้งหมดเพื่อแลกกับเธอ

บทที่ 551 โอนหุ้นส่วนทั้งหมดเพื่อแลกกับเธอ

อวี้กูเป่ยนำคนมาราวยี่สิบคน ยืนเรียงแถวมืดสนิท จำนวนคนมีมากกว่าคนในมือของอวี้อี่มั่ว

อวี้กู้เป่ยเดินเข้าไปใกล้ วินาทีที่เขาเห็นอวี้อี่มั่วนั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข เขาเดินไปข้างหน้า จ้องหน้าของอวี้อี่มั่ว ยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วพูดขึ้นว่า : “ไม่เจอกันนานนะพี่ใหญ่”

อวี้อี่มั่วสีหน้าเข้มขรึม มองหน้าที่ยิ้มอย่างเสแสร้งของอวี้กู้เป่ย ไม่ไหวติงใดๆทั้งสิ้น

อวี้กู้เป่ยหัวเราะขึ้นมา พร้อมกับหันหน้าไปดูหร่วนซือซือที่ยืนอยู่ข้างๆอวี้อี่มั่ว สีหน้าของเขาก็ยิ่งได้ใจใหญ่ เขามองหน้าเธอพร้อมกับทักทายขึ้นมาว่า : “คุณหร่วน เจอหน้ากันอีกแล้ว ทำไมครั้งนี้ถึงมายืนข้างๆพี่ใหญ่ของผมได้? ซ่งเย้อันสามีของคุณล่ะ?”

อวี้กูเป่ยที่ร้ายยิ่งกว่าอสรพิษ เขากระตุ้นเลือดเดือดของผู้คนมากที่สุด หร่วนซือซือขมวดคิ้วขึ้น เธอไม่ได้ตอบอะไร

อวี้กู้เป่ยที่เห็นว่าไม่มีใครสนใจเขา เขาจับจมูกเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงประชดว่า : “เป็นอะไรไป? เรียกฉันออกมาแล้วไม่พูดอะไร หมายความว่ายังไง?”

เวลานั้นเอง ก็มีลมพัดมา เสียงผู้หญิงคนหนึ่งที่มาพร้อมกับสายลม : “กู้เป่ย……”

อวี้กู้เป่ยสะดุ้งไปทั้งตัว ภายใต้จิตใต้สำนึกของเขา มองเห็นคนหลายคนที่ยืนอยู่บนแนวปะการัง สีหน้าของเขาก็เครียดขรึมขึ้นมาทันที

ผู้หญิงที่อยู่ตรงกลางผมเผ้ายุ่งรุงรังคนนั้น ลู่เสี่ยวมั่นนี่นา?

หัวใจของเขาหดตัวลงอย่างรวดเร็ว เพียงครู่เดียว ความรู้สึกที่เจ็บแปล๊บก็หายไปอย่างสิ้นเชิง สีหน้าของเขากลับสู่ปกติ แต่รอยยิ้มเมื่อสักครู่ของเขาได้หายไปแล้ว

เขาหันหน้ากลับไปมองอวี้อี่มั่ว : “ทำไม? จะข่มขู่ฉันเหรอ?”

ในที่สุดอวี้อี่มั่วก็พูดขึ้นด้วยความใจเย็นว่า : “ก็แค่ตาต่อตาฟันต่อฟันเท่านั้นเอง”

“ไม่รู้ว่านายยังจำเรื่องเมื่อ 5 ปีที่แล้วได้หรือเปล่า”

อวี้กู้เป่ยที่กำลังจะหมดความอดทน เขาขมวดคิ้วพร้อมถามขึ้นมาว่า : “เรื่องไหน?”

อวี้อี่มั่วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใจเย็น : “เรื่องที่หร่วนซือซือโดนมัดไว้กับประภาคาร”

เมื่ออวี้กู้เป่ยนึกย้อนกลับไปแล้ว เรื่องครั้งนั้น เป็นเขาและลั่วจิ่วเหยี่ยร่วมมือกันทำด้วยกันจริงๆ ครั้งนั้นเขาเองคิดว่าจะปลิดชีวิตของอวี้อี่มั้วได้แล้ว แต่ไม่นึกเลยว่า อวี้อี่มั่วจะตายยากขนาดนี้

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน รู้แบบนี้ ก็ควรจะจัดการเขาให้เด็ดขาดตั้งแต่แรก ไม่ควรปล่อยให้เขาเล็ดลอดมาได้

“เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ลั่วจิ่วเหยี่ยทำเองคนเดียว จนฉันพึ่งมาเห็นว่าพวกเธอเป็นพวกเดียวกัน ฉันจึงเข้าใจเรื่องทั้งหมด”

อวี้อี่มั่วพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า : “คนที่รู้ว่าฉันมีโรคกลัวทะเลลึก มีแต่คนบ้านตระกูลอวี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ เป็นแผนมาจากนายแน่นอน!”

หร่วนซือซือที่ยืนอยู่ข้างๆเมื่อได้ยินคำว่า “โรคกลัวทะเลลึก” คำนี้ เธอก็อึ้งไปชั่วขณะ

อวี้อี่มั่วมีโรคกลัวทะเลลึกเหรอ? แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องเมื่อ 5 ปีที่แล้วล่ะ?

เวลานั้นเอง อวี้กู้เป่ยก็หัวเราะขึ้นอย่างเย็นชา : “แต่สุดท้ายพี่ก็ยังไม่ตาย? ตอนที่พี่กระโดดลงทะเลคนเดียว เพื่อไปช่วยผู้หญิงคนนี้ แล้วพาเธอขึ้นฝั่ง แต่กลับไม่ตาย ฉันเองคงประเมินพี่ต่ำไปจริงๆ”

หร่วนซือซือยืนอยู่ข้างๆ เธอสะดุ้งไปทั้งตัว รู้สึกแปลกใจจนพูดอะไรไม่ออก

เป็นไปได้ยังไง ตอนนั้นเป็นอวี้อี่มั่วที่ช่วยชีวิตเธอเหรอ? แต่ในความทรงจำของเธอ ไม่มีเรื่องนี้อยู่เลย!

อวี้อี่มั่วหัวเราะเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “นายชอบใช้จุดอ่อนของคนอื่น แล้วนายรู้จุดอ่อนของลู่เสี่ยวมั่นรึเปล่า?”

ไม่รอให้อวี้กู้เป่ยได้ตอบ เขาก็พูดต่อว่า : “เธอกลัวความสูง แค่ตกลงไปในทะเลจากแนวปะการัง ความสูงขนาดนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”

อวี้กู้เป่ยสีหน้าขาวซีด พูดอะไรไม่ออก หันกลับไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่บนขอบแนวปะการัง ในใจก็รู้สึกสับสนขึ้นมาทันที

เขารู้สึกว่าเขาไม่เคยรักผู้หญิงคนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เขาใจเย็นและนิ่งพอ แต่ทำไมร่างกายของเขากลับมีความรู้สึกแปลกๆที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ทำให้เขาลังเล และไม่สบายใจ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็หันกลับมามองหน้าอวี้อี่มั่ว : “พี่เรียกฉันมา ไม่ใช่แค่ให้ฉันมาดูคนตกทะเลหรอกใช่ไหม”

พวกเขาต่างเป็นนักธุรกิจที่เห็นแก่ผลประโยชน์นิยมเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเขา หรืออวี้อี่มั่ว ต่างก็มีแผนการและความคิดเป็นของตัวเอง ถ้าหากเพียงแค่ต้องการล้างแค้นแบบตาต่อตาฟันต่อฟันแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนลงแรงให้เสียเวลาแบบนี้

เวลานี้แล้ว อวี้อี่มั่วก็ไม่พูดอ้อมค้อมให้เสียเวลา จึงพูดไปตรงๆว่า : “ฉันต้องการหุ้นของบริษัทอวี้กรุ๊ป หุ้นทั้งหมด”

อวี้กู้เป่ยสะดุ้งไปทั้งตัว เขาขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจู่ๆเขาก็หัวเราะเสียงดังออกมา

เขาหันไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่บนโขดหินแนวปะการังยังใจเย็น พร้อมกับหัวเราะอย่างตลกขบขัน : “พี่ใหญ่ พี่เก็บหินมาผิดก้อนแล้ว ผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้สำคัญอะไรกับฉันเลย”

เสียงที่เขาพูดออกมาทุกคำ ถูกส่งผ่านโทรศัพท์ของพี่หลง โทรศัพท์ของพี่หลงถูกเปิดลำโพงไว้ มือซ้ายของพี่หลงจับมือถือไว้ ส่วนมือข้างขวาจับเชือกที่ผูกอยู่บนตัวของลู่เสี่ยวมั่น

พูดง่ายๆว่า คำพูดที่อวี้กู้เป่ยพูดออกมาทุกคำ ฝั่งนั้นก็ได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน

ลู่เสี่ยวมั่น ที่ได้ยินคำนั้นของอวี้กู้เป่ย เธอยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้าง และสั่นไปทั้งตัว

เธอกัดริมฝีปากที่ขาวซีดแน่น มองไปยังเงาของผู้ชายคนนั้น หัวใจเหมือนโดนมือควักออกมาจนเลือดไหลไม่หยุด เจ็บปวดทรมานจนแทบจะทนไม่ไหว

น้ำตาของเธอไหลไม่หยุด เธอส่ายหน้าด้วยสีหน้าที่เลื่อนลอย ปากของเธอพึมพำไม่หยุด : “เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด……”

วันคืนที่แสนจะอบอุ่น เขาอ่อนโยนดูแลเอาใส่ใจเธอมาโดยตลอด คำมั่นสัญญาที่เขาได้พูดกับเธอไว้ คำบอกรักเหล่านั้นที่แสนหวานในคืนวันฤดูใบไม้ผลิ เวลานี้ความทรงจำเหล่านั้นกำลังท่วมท้นในตัวของ

เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่มีความสำคัญกับอวี้กู้เป่ยเลย

เวลานั้นเอง ก็มีเสียงดังมาตามสาย เธอได้ยินเสียงหัวเราะของเขาชัดเจน : “พี่ใหญ่ พี่คิดว่าฉันจะยอมแลกหุ้นส่วนทั้งหมดของบริษัทอวี้กรุ๊ป เพื่อผู้หญิงที่ไม่สำคัญเพียงคนเดียวอย่างนั้นเหรอ? ”

เขานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นต่อว่า : “เป็นไปไม่ได้หรอก เงื่อนไขนี้ไม่ผ่าน”

เวลานั้นเอง อวี้อี่มั่วก็พูดขึ้นว่า : “ถ้านายไม่สนเธอ เธออาจจะตายได้”

อวี้กู้เป่ยหัวเราะขึ้นอย่างไม่แคร์ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ตามใจพี่”

คำๆนี้ เป็นเหมือนภูเขาลูกใหญ่ ที่ทับลงกลางใจของเธอ ขยี้ความหวังและการเฝ้ารอของเธอจนแหลกละเอียด

เธอหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด เหลือเพียงสายน้ำตาที่อาบแก้ม ในที่สุด เธอกัดฟันแน่น ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วหันหน้าไปมองอวี้กู้เป่ย เธอตะโกนเสียงดังออกไปว่า : “อวี้กู้เป่ย ฉันมองคนผิดไปจริงๆ!”

เสียงจากหัวใจครั้งนี้ ด้วยแรงทั้งหมดที่เธอมี เพียงพอที่จะให้คนฝั่งนั้นได้ยิน

อวี้กู้เป่ยตกใจเบิกตากว้าง รีบหันไปมองมือถือของตู้เยี่ย จึงเข้าใจสถานการณ์ทันที เขารีบหันไปมองทางโขดหินปะการัง

เห็นเพียงแค่เงาผู้หญิงตัวผอมเพรียว สะบัดมือออกจากคนที่จับเธออยู่ กระโดดลงไปในทะเล ทันใดนั้นเอง รูม่านตาของอวี้กู้เป่ยก็ขยายกว้าง เขาสะดุ้งไปทั้งตัว ตะโกนเสียงดังออกมาว่า : “ไม่!”

หัวใจของเขาราวกับโดนอะไรบีบไว้แน่น เหมือนกับกำลังถูกทำลายยับเยิน ถูกเหยียบย่ำซ้ำๆ รู้สึกเจ็บปวดทั่วทั้งภายใน เขาหายใจหอบ เหงื่อเย็นๆชุ่มทั้งแผ่นหลัง เขาเดินตรงไปที่แนวปะการังอย่างไม่รู้ตัว

คนที่ตกใจไม่ได้มีเพียงแค่เขาคนเดียว หร่วนซือซือที่ยืนอยู่ข้างๆก็สั่นไปทั้งตัว ขาของเธออ่อนแรง

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น มองไปยังทิศทางนั้น

ลู่เสี่ยวมั่นกระโดดลงไปทั้งแบบนี้เหรอ นี่มันอยู่นอกเหนือจากแผนที่เขาวางไว้!

ดั่งรักบันดาล

ดั่งรักบันดาล

Status: Ongoing

หร่วนซือซือต้องนัดดูตัว แต่อีกฝ่ายคือเจ้านายของเธอ “ประธาน……ประธานอวี้ คุณไปผิดที่รึปล่าว” “หร่วนซือซือ” ชายหนุ่มเรียกชื่อของเธอ ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ในเมื่อเราสองคนก็รู้จักกันแล้ว เราก็มาแต่งงานกันเถอะ” “…………..” หลังจากแต่งงานหร่วนซือซือพบว่าชายคนนี้เมื่ออยู่ที่บริษัทเขาจะมีความเด็ดขาดในธุรกิจมาก และเป็นผู้กุมอำนาจของบริษัท และเมื่อเขาอยู่ที่บ้านเขาก็จะอ่อนโยนต่อเธอมาก

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท